ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 497 ฮูหยินเจียง
บทที่ 497 ฮูหยินเจียง
บทที่ 497 ฮูหยินเจียง
ขณะนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งรายล้อมไปด้วยคนรับใช้เดินเข้ามา ทันทีที่เหลือบมอง นางก็เห็นกุ้ยตงเหมยที่กำลังขว้างผ้าเช็ดหน้าลงบนพื้น ครั้นนางเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมันก็ดูคุ้นตายิ่งนัก
เมื่อคนรับใช้เห็นหญิงผู้นั้น เขาก็เพิกเฉยต่อกุ้ยตงเหมย รีบก้าวไปข้างหน้าและพูดออกมาอย่างประจบสอพลอ “ฮูหยินเจียง ท่านมาแล้วหรือขอรับ?”
ฮูหยินเจียงปักปิ่นหยกที่ประดับด้วยอัญมณีบนศีรษะ แม้ว่านางจะแต่งตัวเรียบง่าย แต่การอยู่ในฐานะภรรยาของผู้นำตระกูลมาหลายปีเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่สามารถประมาทได้
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเสื้อผ้าที่ฮูหยินเจียงสวมใส่และเครื่องประดับบนศรีษะนั้นดูเรียบง่าย แต่ถ้ามองอย่างละเอียดจะเห็นว่าวัสดุของมันไม่ธรรมดา
ผ้าเหล่านั้นบนร่างกาย แม้แต่คนร่ำรวยก็ไม่สามารถซื้อมาใส่ได้ง่าย ๆ
แต่กุ้ยตงเหมยไม่เข้าใจ นางคิดว่าคนรวยต้องสวมทองใส่เงินและแต่งตัวอย่างหรูหรา นางแทบรอไม่ไหวที่จะสวมใส่สิ่งที่ดีและมีค่าเหล่านั้น
แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ประจบสอพลอของคนรับใช้ และเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวเรียบง่ายมากและมีปิ่นปักผมประดับบนศีรษะ เมื่อมองดูแล้วก็ดูไม่ได้ร่ำรวยอย่างที่นางคิด
กุ้ยตงเหมยรู้สึกรังเกียจเล็กน้อย นางถอนหายใจพลางกลอกตามองบน
เมื่อคนรับใช้ของฮูหยินเจียงเห็นท่าทางของกุ้ยตงเหมย จึงตะโกนเสียงกึกก้อง “ช่างกล้าหาญเสียจริง! เจ้าเป็นใครมาจากไหน เหตุใดจึงทำตัวหยาบคายกับฮูหยินของข้าเช่นนี้ ไม่ว่าจะการขยิบตา ไหนจะการกระทำที่แปลกประหลาดนั่นอีก”
ตระกูลเจียงเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองหลิวเจีย พวกเขานับว่าตนเองเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตา
เมื่อฮูหยินเจียงออกไปข้างนอก นางจะมาพร้อมกับสาวรับใช้ราวห้าหรือหกคน ในขณะนี้ สาวรับใช้เหล่านั้นต่างมาล้อมฮูหยินเจียงและจ้องมองไปที่กุ้ยตงเหมยที่กำลังรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก นางมีนิสัยกล้าหาญ จะสนใจผู้หญิงที่แต่งตัวธรรมดา ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร และไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าหญิงรับใช้ชราในชุดธรรมดาจะชี้หน้าและด่านาง กุ้ยตงเหมยไม่อาจเก็บสีหน้าอยู่ และชี้หน้าหญิงรับใช้ชรากลับ “อย่าคิดว่าตัวเองมีคนเยอะกว่าแล้วจะมารังแกข้าได้นะ!”
หลังจากพูดจบ นางก็โบกผ้าเช็ดหน้าในมือไปมา แต่สายตาของฮูหยินเจียงนั้นเฉียบขาดและค้นพบบางอย่างในทันใด ในตอนแรกนางดูเป็นมิตรเพราะรู้สึกว่าเด็กหญิงผู้นี้ยังอ่อนต่อโลกนัก แต่เมื่อเห็นผ้าเช็ดหน้าในมือของอีกฝ่าย ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
นางจากไปโดยไม่หันกลับมามอง “ไปกันเถอะ!”
เมื่อเห็นว่าฮูหยินของตนไม่สนใจเด็กหญิงผู้นี้ กลุ่มคนรับใช้ก็พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา และหนึ่งในนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง “ฮูหยินของข้าใจดีที่ไม่สนใจเจ้า!”
พูดจบก็หันหลังเดินออกไป
กุ้ยตงเหม่ยไม่อยากเชื่อเลย คนกลุ่มนี้ดูยากจนนัก จะเป็นคนร่ำรวยได้อย่างไร! ถึงจะเป็นเศรษฐี แต่ก็จะเป็นอดีตไปแล้ว และตอนนี้ก็ตกต่ำลงแล้ว
กุ้ยตงเหมยก็พ่นลมอย่างเย็นชาโดยไม่แสดงความอ่อนแอออกมา ในตอนที่นางกำลังจะพูด
นางก็เห็นคนรับใช้ข้าง ๆ ดึงแขนเสื้อของตนอย่างรุนแรง กุ้ยตงเหมยโซเซและก้าวถอยหลัง เมื่อเห็นว่าคนรับใช้กำลังมองตนด้วยความไม่พอใจและตื่นตกใจ ทั้งยังตำหนิตนเองอย่างไม่พอใจ “เจ้ากำลังจะทำอะไร? เจ้าอยากตายหรือ!”
เมื่อคนรับใช้เห็นว่ากุ้ยตงเหมยมงี่เง่า หากนางพูดตอนนี้ เกรงว่าฮูหยินเจียงจะตบนางมากกว่าสิบครั้งแน่
คนรับใช้มองกุ้ยตงเหมยอย่างไม่พอใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรและจากไปทันที
เมื่อเห็นว่าพวกนางจากไปแล้ว กุ้ยตงเหมยก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อขวางคนรับใช้ของร้านจิ่นฝูเอาไว้ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และไร้ซึ่งความเคารพ “เฮ้ เฮ้ เฮ้ เถ้าแก่ร้านของเจ้าอยู่ที่ใด?”
เมื่อเห็นกุ้ยตงเหมยไร้มารยาทและเกือบจะทำให้ฮูหยินเจียงขุ่นเคืองในเมื่อครู่
ไม่รู้ว่าแม่นางผู้นี้มาจากที่ไหน และยังบอกว่าเป็นน้องสาวของผู้มีบุญคุณของเถ้าแก่หลี่อีก?
เมื่อนางผู้นี้มาที่นี่ เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดี!
คนรับใช้สบัดมือของกุ้ยตงเหมยที่ดึงเขาไว้ และพูดด้วยท่าทางไม่พอใจว่า “เถ้าแก่ของข้าไม่อยู่”
“แล้วเมื่อไรเถ้าแก่ของเจ้าจะกลับมา?” เมื่อกุ้ยตงเหมยได้ยินว่าเขาไม่อยู่ หัวใจของนางรู้สึกหวาดหวั่น มันไม่ง่ายเลยที่นางจะเข้ามาในเมืองได้ แล้วทำไมเขาถึงไม่อยู่ล่ะ “แล้วเถ้าแก่ของเจ้าไปเพ่นพ่านที่ไหนล่ะ!”
เมื่อคนรับใช้ได้ยินเช่นนี้ เขาเกือบจะโยนกุ้ยตงเหมยออกไปและคร้านที่จะสนใจนางอีกต่อไป “อยากรอก็รอ ไม่อยากรอก็ออกไป!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ไม่สนใจเสียงตะโกนของกุ้ยตงเหมยจากด้านหลัง และเดินเข้าไปในห้องโถงทันที
กุ้ยตงเหมยยังคงยืนอยู่ที่ทางเข้า เมื่อเห็นคนรับใช้จากไปแล้วและบอกตนเองให้รอ กุ้ยตงเหมยก็คิดว่าวันนี้นางจะต้องพบเถ้าแก่หลี่ให้ได้ ในตอนที่นางกำลังกระทืบเท้า นางก็เห็นสาวใช้ที่รายล้อมผู้หญิงเมื่อครู่เดินเข้ามา
เมื่อเห็นกุ้ยตงเหมย พวกนางก็ยิ้มและพูดว่า “น้องสาว เจ้ายังอยู่ที่นี่!”
กุ้ยตงเหมยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นคนเหล่านี้ยิ้มให้ตนเอง “พวกเจ้าจะทำอะไร?”
เมื่อเห็นว่ากุ้ยตงเหมยมีท่าทางหยาบคาย สาวรับใช้ก็ตะลึงครู่หนึ่ง แต่ก็รีบทำตัวเป็นปกติและกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “น้องสาว ฮูหยินของข้ารู้สึกคุ้นหน้าเจ้ามาก และต้องการเชิญเจ้าไปที่ฮวาเจียนซานเส้อ?”
ฮวาเจียนซานเส้อ? ที่นั่นคือที่ไหน?
เมื่อเห็นสีหน้าอยากรู้อยากเห็นและงงงวยของกุ้ยตงเหมย สาวรับใช้ก็รีบอธิบายทันที “โอ้ น้องสาว ฮวาเจียนซานเส้อเป็นห้องรับรองบนชั้นสองของร้านจิ่นฝู และฮูหยินของข้ากำลังรอเจ้าอยู่ในห้องนั้น”
ผู้หญิงธรรมดา ๆ เมื่อครู่นี้เองหรือ? แล้วนางจะมาหาตนเองด้วยเรื่องอะไรกัน?
กุ้ยตงเหมยตกตะลึงครู่หนึ่ง ครั้นเห็นท่าทางลังเลของนาง สาวรับใช้คนนั้นก็กระตุกยิ้ม “น้องสาว ฮูหยินของข้าเป็นคนดี เจ้าไม่ต้องกลัว เพียงแค่เมื่อเห็นเจ้าในครั้งแรก ฮูหยินก็มีความรู้สึกว่าคุ้นเคยและรู้สึกชอบเจ้ามาก นั่นเป็นเหตุผลที่นางสั่งให้ข้ามาที่นี่เพื่อเชิญน้องสาวไปหา ฮูหยินต้องการที่จะมีช่วงเวลาที่ดีกับเจ้า!”
“แล้วทำไมนางไม่มาเองล่ะ?” กุ้ยตงเหมยเอ่ยถาม
ใบหน้าของสาวรับใช้แข็งทื่อทันที นางไม่คิดว่ากุ้ยตงเหมยจะเป็นคนดื้อรั้นเช่นนี้จริง ๆ
หากไม่ใช่เพราะฮูหยินต้องการจะถามอะไรจากสาวในหมู่บ้านบนภูเขาผู้นี้ เกรงว่านางคงจะไม่มีโอกาสได้เจอหน้าฮูหยินเลยด้วยซ้ำ
เด็กสาวในหมู่บ้านผู้นี้ต้องการให้ฮูหยินมาเชิญนางด้วยตัวเองหรือ?
แม้ว่าสาวรับใช้จะรู้สึกไม่พอใจอยู่เล็กน้อย แต่นางก็ไม่กล้าที่จะแสดงให้เห็น