ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 515 มีงู
บทที่ 515 มีงู
บทที่ 515 มีงู
กู้เสี่ยวหวานยังคงตกใจ และก่อนที่นางจะได้สติ นางก็เห็นเม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วตกกระทบพื้นทำให้เกิดรูในโคลน
“มาเถอะ เสี่ยวหวาน” ฉินเย่จื่อไม่สนใจที่จะเก็บข้าวของแล้ว เขาดึงกู้เสี่ยวหวานวิ่งลงจากภูเขาไปทันที
ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ด้านหน้ามีลมกระโชกแรงพัดเข้ามา ป่าทั้งผืนมืดมน ท้องฟ้าก็มืดครึ้ม เมฆบดบังดวงอาทิตย์ไว้ ซึ่งแม้แต่ถนนก็มองไม่เห็น
ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักเช่นนี้ พวกเขาไม่อาจมองเห็นหนทางข้างหน้าได้ ฉินเย่จือกอดกู้เสี่ยวหวานไว้แน่น เพราะกลัวว่านางจะหายไป
“เสี่ยวหวานจับมือข้าไว้ให้แน่น ๆ อย่าปล่อยล่ะ”
ฉินเย่จือเตือนเสียงดัง
กู้เสี่ยวหวานส่งเสียงตอบ สายลมกระโชกแรงอีกครั้ง ทั้งสองต่างหลับตาลง พวกเขามองไม่เห็นทางข้างหน้า
ฝนเริ่มตกหนักขึ้น หนทางในภูเขาและป่าก็ยิ่งเดินยากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่อาจมองเห็นว่าหนทางข้างหน้าเป็นอย่างไรและจะพบกับอันตรายอะไร ทั้งสองเดินไปเป็นเวลานานแต่ก็ยังไม่เจอแม่น้ำไหลระหว่างตีนเขา
“พี่ใหญ่ฉิน ข้าว่าเราหลงทางแล้ว” กู้เสี่ยวหวานตะโกนเสียงดัง
ฉินเย่จือรู้นานแล้ว แต่เขาไม่ได้พูดออกไป เพราะเขากลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะเป็นกังวลเมื่อได้ยิน
ตอนนี้ลมแรงและฝนตกหนัก ป่าก็มืดอีก ทั้งยังมองไม่เห็นหนทางเลย ตราบใดที่พวกเขาก้าวผิดและเบี่ยงจากเส้นทางไปเล็กน้อย ป่าก็จะเปลี่ยนแปลงและแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฉินเย่จือไม่ต้องการให้กู้เสี่ยวหวานเป็นกังวล ดังนั้นเขาจึงบีบฝ่ามือของนางและพูดอย่างมั่นใจ “ไม่ต้องกังวลไป พวกเราจะหาที่หลบฝนก่อน แล้วพวกเราค่อยออกเดินทางกันตอนฝนหยุดตก”
ทันใดนั้น ฉินเย่จือก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่ามีตีนเขาอยู่ข้างหน้าเขา
“ไปกันเถอะเสี่ยวหวาน อาจมีที่พักข้างหน้า ไปหลบฝนกันเถอะ!” ฉินเย่จือจับมือกู้เสี่ยวหวานและวิ่งลงจากภูเขา
ฝนตกหนักมากจนมองไม่เห็นทางข้างหน้าเลย
ภูเขานี้มีหน้าผาอยู่ทุกหนทุกแห่ง หากใครไม่ระวังแล้วเดินไปที่ขอบหน้าผาก็อาจลื่นไถลลงไปใต้หน้าผาที่สูงชัน
กู้เสี่ยวหวานถูกฉินเย่จือกึ่งกอดกึ่งลากวิ่งตรงไปที่ตีนเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะฉินเย่จือที่คอยพยุงนางตลอดเวลา กู้เสี่ยวหวานก็ไม่รู้ว่าวันนี้นางจะล้มไปกี่ครั้งแล้ว
พื้นที่ในป่าบางส่วนที่ราบเรียบ เมื่อเปียกโชกด้วยสายฝนทางก็ลื่น ยามเหยียบไปบนนั้นทำให้คนโซเซ
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อนางได้ยินฉินเย่จือพูดว่ามีที่พักอยู่ข้างหน้า
ด้วยลมแรงและฝนที่ตกหนักเช่นนี้ แม้แต่ระยะไม่ไกลก็เห็นได้ไม่ชัดเจนนัก จึงได้แต่หาที่หลบฝนเท่านั้น แล้วค่อยลงจากภูเขาตอนฝนหยุดตก มิฉะนั้นอาจจะเกิดอันตรายได้
เมื่อทั้งสองมาถึงตีนเขา บริเวณโดยรอบก็เต็มไปด้วยวัชพืช ซึ่งเกรงว่าจะไม่มีใครเคยเข้ามาที่นี่
ฉินเย่จือไม่มีเวลาคิดมากนัก ดังนั้นเขาจึงดึงกู้เสี่ยวหวานเดินเข้าไปข้างในทันที ฉินเย่จือเดินไปข้างหน้าพลางแหวกหญ้าที่สูงกว่าตัวคนและเดินเข้าไป ที่ตีนเขาเต็มไปด้วยต้นไม้และหญ้ารกชัฏ ฉินเย่จือหักกิ่งไม้จากต้นไม้ใกล้ ๆ มาถือไว้ในมือ ส่วนกู้เสี่ยวหวานก็เดินตามหลังเข้าไป
เมฆมืดปกคลุมอย่างหนาแน่น ลมฝนปะปนไปกับเสียงหวีดหวิวของใบไม้ ความหนาวเย็นกระจายไปทั่วทั้งป่า
กู้เสี่ยวหวานแสร้งทำเป็นสงบ แต่ตัวนางสั่นเล็กน้อยดังลูกวัวแรกเกิด ซึ่งตรงกันข้ามกับการแสร้งทำเป็นสงบในขณะนี้ของนาง
ฉินเย่จืออยู่ข้างหน้าคอยแหวกหญ้าสูงและกิ่งไม้ที่ขวางกั้นให้กู้เสี่ยวหวาน ขอบใบของหญ้าแฝกนั้นคมเล็กน้อย มันจึงกรีดผิวหนังบนแขนของฉินเย่จือเป็นรอยมากมาย แต่อาการบาดเจ็บเล็กน้อยนี้ ในมุมมองของฉินเย่จือมันไม่นับว่าเป็นอะไรเลย
ฉินเย่จือถือกิ่งไม้ในมือไว้แน่น เขาพร้อมที่จะปกป้องกู้เสี่ยวหวานจากอันตรายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
“ระวัง” ท่ามกลางเสียงหวีดหวิว ฉินเย่จือสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่คืบคลานอยู่ใต้เท้าของเขาและทำให้เกิดเสียงกรอบแกรบ หูของฉินเย่จือได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของบางสิ่ง เขาเพ่งมองไปใกล้ ๆ ก่อนที่จะคว้าตัวกู้เสี่ยวหวานที่อยู่ด้านหลังมาแนบข้างกายด้วยมือเดียวอย่างทันควัน ขณะที่กิ่งไม้ในมือมือถูกเขวี้ยงออกไปปักที่พื้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเพียงว่าโลกหมุนไปชั่วขณะหนึ่ง เมื่อนางกลับมารู้สึกตัวและมองดูดี ๆ พบว่าตรงที่นางยืนอยู่จนถึงเมื่อครู่มีงูตัวใหญ่เท่าแขนถูกปักตรึงอยู่กับพื้นและบิดตัวไปมา
เมื่อฉินเย่จือยกมือขึ้น นางพลันเห็นว่าเขาหยิบวัตถุแวววาวออกมาจากเอวแล้วเขวี้ยงลงไปอย่างดุดัน หัวของงูพลันถูกตอกเข้ากับพื้นแน่นไม่ขยับอีก
กู้เสี่ยวหวานถูกหนีบไว้ใต้วงแขนของฉินเย่จือ เวลานี้ หากยืนอยู่ลำพังนางคงเป็นลมไปแล้ว
มันคืองู!
นางกลัวงูที่สุด!
จิตใจของกู้เสี่ยวหวานว่างเปล่า ไม่ว่าจะเป็นในชาติก่อนหรือตอนนี้ สิ่งที่นางกลัวที่สุดคือสัตว์เลื้อยคลานไม่มีขาแต่มีเกล็ดบนตัวเช่นนี้ มันทั้งน่ากลัวและน่าขยะแขยงเกินจะบรรยาย
ฉินเย่จือคลายอ้อมแขนจากกู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวานเหลือบมองไปที่งูอีกครั้ง คราบเลือดบนตัวงูถูกฝนชะล้างออกไปแล้ว หลงเหลือเพียงร่างของมันเท่านั้นที่ถูกตอกลงกับพื้นไม่ไหวติง
“เสี่ยวหวาน เจ้าไม่เป็นไรนะ!” กู้เสี่ยวหวานวิงเวียนศีรษะอยู่ครู่หนึ่ง ร่างโซเซไม่มั่นคงและกำลังจะล้มลงกับพื้น ฉินเย่จือรีบพยุงนาง เมื่อเห็นท่าทางที่อ่อนแอของนาง เขาพูดอย่างเป็นกังวลว่า “เสี่ยวหวาน อดทนไว้ก่อน เข้าไปดูข้างในกันเถอะ!”
ข้างนอกฝนตกหนักมาก ร่างของกู้เสี่ยวหวานเปียกโชกไปด้วยน้ำฝน เมื่อรวมกับลมแรงเช่นนี้ ทั้งยังเป็นฤดูใบไม้ผลิ กู้เสี่ยวหวานจึงอดตัวสั่นไม่ได้ นางเอื้อมมือไปเช็ดหน้าตัวเอง แต่ทันใดนั้นก็ถูกลมและฝนพัดใส่จนเปียกโชกอีกครั้ง
“พี่ใหญ่ฉิน ข้ากลัว!” กู้เสี่ยวหวานร้องไห้เบา ๆ หยาดน้ำตาปนไปกับสายฝน
กู้เสี่ยวหวานเป็นคนกลัวงู ครั้งเมื่อนางยังเป็นเด็ก นางอยู่ที่บ้านคุณปู่ของนางและเข้าไปเล่นในแปลงผัก มันเป็นช่วงกลางฤดูร้อน และกู้เสี่ยวหวานได้ไปที่สระน้ำ แต่ทันใดนั้นเอง กู้เสี่ยวหวานก็เห็นงูที่มีสีสันตัวหนึ่งนอนขดอยู่กลางเส้นทางข้างหน้านาง
เวลานั้นกู้เสี่ยวหวานสะดุ้งด้วยความตกใจ นางหันหลังวิ่งหนีไป แม้จะทำรองเท้าหาย แต่นางก็ไม่ต้องการรองเท้าอีกต่อไป