ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 520 ในที่สุดก็ฆ่าหมาป่าได้
บทที่ 520 ในที่สุดก็ฆ่าหมาป่าได้
บทที่ 520 ในที่สุดก็ฆ่าหมาป่าได้
หม่าป่าตัวที่ถูกแทงด้วยกริชเมื่อครู่นี้ ในเวลานี้มันก็สะบัดกริชออกไป เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากบาดแผล มองดูแล้วน่าสยดสยอง
หมาป่ารู้สึกตื่นตัวมากขึ้น เพราะได้กลิ่นคาวเลือด
กู้เสี่ยวหวานกังวลอย่างมาก ฉินเย่จือจัดการกับหมาป่าทั้งสามด้วยมือเปล่า และเขาต้องระวังภัยให้กู้เสี่ยวหวานตลอดเวลา เพื่อปกป้องไม่ให้หมาป่าโจมตีนางได้
สองสถานการณ์ในคราเดียว หนึ่งคนจัดการกับหมาป่าสามตัว
หากเป็นแบบนี้ต่อไป สถานการณ์ของพวกเขาจะอันตรายเกินไป
โดยเฉพาะหมาป่าที่เพิ่งถูกไล่ออกไป ปากเปื้อนเลือดอ้ากว้าง และมีแสงเย็นเยียบบนเขี้ยวอันแหลมคมของมัน
เมื่อฉินเย่จือจัดการกับหมาป่าสองตัวอย่างสุดกำลัง หมาป่าตัวนั้นกระโจนเข้ามาจากทางด้านหลังของเขา คมเขี้ยวอันแหลมคมฝังบนร่างกายของฉินเย่จืออย่างรุนแรง
หมาป่าเหล่านี้ไม่สนใจกู้เสี่ยวหวานอีกต่อไป อาจเป็นเพราะเลือดบนร่างกายของฉินเย่จือในเมื่อครู่ หรืออาจเป็นเพราะความเกลียดชังที่มีต่อฉินเย่จือนั้นมากเกินไป
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของฉินเย่จือเชื่องช้าลงมาก
อย่างไรก็ตาม หมาป่าเหล่านี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่กู้เสี่ยวหวานอีกต่อไป และฉินเย่จือสามารถจัดการกับพวกมันได้อย่างเต็มที่
บาดแผลบนร่างกายของฉินเย่จือมีความลึกต่างกัน บางบาดแผลแทงทะลุเข้าเนื้อด้วยกรงเล็บแหลมคมหรือคมเขี้ยวของหมาป่า เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็น เสื้อผ้าบนตัวของฉินเย่จือก็ถูกย้อมเป็นสีแดง
เสื้อผ้าบนร่างของเขาถูกกรงเล็บอันแหลมคมของหมาป่าฉีกขาด
กู้เสี่ยวหวานเฝ้าดูฉินเย่จือต่อสู้อย่างใจจดใจจ่อ
ฉินเย่จือถูกบีบทั้งสามด้าน ในมือของเขาไม่มีอาวุธอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงต่อสู้กับหมาป่าทั้งสามตัวด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขา แต่ความแข็งแกร่งของมนุษย์จะเหนือกว่าหมาป่าได้อย่างไร และนี่ยังเป็นหมาป่าถึงสามตัว
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกกังวลเมื่อเห็นฉินเย่จือทำอะไรไม่ได้
ครั้นเห็นว่าการเคลื่อนไหวของฉินเย่จือนั้นช้าลงเล็กน้อย หมาป่าทั้งสามก็ตื่นเต้นมากขึ้น พวกมันอ้าปากกว้างและพุ่งเข้าหาฉินเย่จืออย่างบ้าคลั่ง
กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจยื่นมือที่ถือคบเพลิงไปข้างหน้า จากนั้นจึงเห็นกริชของฉินเย่จือถูกหมาป่าสะบัดทิ้งไปข้าง ๆ แต่มันอยู่ใกล้หมาป่ามาก กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจเรื่องนี้ได้อีกต่อไป ฉินเย่จือได้รับบาดเจ็บและแขนของเขาก็ไม่สามารถออกแรงมากได้ มีเพียงกริชเท่านั้นที่สามารถจัดการกับหมาป่าเหล่านี้ได้
กู้เสี่ยวหวานระงับความกลัวก้าวไปข้างหน้าและหยิบกริชขึ้นมา แต่หมาป่าตัวหนึ่งเห็นนางกำลังเข้ามาจึงหันศีรษะมาแยกเขี้ยวและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างชั่วร้าย มันรีบวิ่งไปหากู้เสี่ยวหวานโดยไม่คิด
“เสี่ยวหวาน ระวัง!” เมื่อฉินเย่จือเห็นหมาป่าเปลี่ยนเป้าหมายไปยังกู้เสี่ยวหวาน แต่เขาถูกหมาป่าสองตัวล้อมไว้จึงไม่สามารถไปช่วยนางได้ ดวงตาของฉินเย่จือเบิกกว้างในขณะที่เห็นหมาป่ากระโดดไปทางกู้เสี่ยวหวาน
“ระวัง!” เสียงคำรามของฉินเย่จือดังก้องไปทั่วหุบเขาที่ว่างเปล่า และเมื่อเขาฟุ้งซ่าน หมาป่าก็กัดลงบนไหล่ของฉินเย่จือ เขาฝืนความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง และเอามือขวาง้างปากของหมาป่าด้วยแรงมหาศาลจนปากล่างของมันฉีกขาด
หมาป่าตัวหนึ่งที่อยู่ถัดไปมองดูและก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัว ฉินเย่จือไม่ได้สนใจมันมากนัก และบินตรงไปยังกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานคุกเข่าลงกับพื้น มือของนางสั่นเทา ในตอนที่เห็นหมาป่าพุ่งเข้าหาตน ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด นางจึงเหวี่ยงกริชไปข้างหน้า และบังเอิญแทงกริชเข้าไปที่ดวงตาของหมาป่าข้างหนึ่ง หมาป่าตัวนั้นเจ็บปวดและกลิ้งไปบนพื้น และนี่คือเวลาที่ฉินเย่จือหยิบกริช และแทงไปที่หัวหมาป่าทันที
เมื่อเห็นว่าหมาป่าอีกตัวตายไปแล้ว หมาป่าตัวสุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงหอน จากนั้นมองไปที่ฉินเย่จือและกู้เสี่ยวหวานด้วยดวงตาสีเขียวมรกต
ฉินเย่จือถือกริชไว้ในมือขวาและยื่นมือซ้ายออกมาเพื่อปกป้องกู้เสี่ยวหวานที่อยู่ด้านหลังของเขา
เหลือหมาป่าเพียงตัวเดียว ฉินเย่จือรีบก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ตราบใดที่เขาจัดการกับหมาป่าตัวนี้ มันก็จะไม่คุกคามกู้เสี่ยวหวานอีกต่อไป ฉินเย่จือรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและเริ่มโจมตี
กู้เสี่ยวหวานยังคงตกตะลึงเมื่อเห็นฉินเย่จือวิ่งไปที่หมาป่าที่หิวโหยตัวสุดท้าย นางยกคบเพลิงขึ้น และด้วยแสงไฟอ่อน ๆ นางเห็นว่าฉินเย่จือเป็นเหมือนเทพผู้พิทักษ์ ไหล่หนาของคนที่อยู่ตรงหน้าราวกับคอยปลอบโยนนาง
หัวใจของกู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยความปั่นป่วน
ท่ามกลางแสงไฟสลัว กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าแผ่นหลังของฉินเย่จือเต็มไปด้วยเลือด และเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเขาถูกย้อมเป็นสีแดง เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาขาดรุ่งริ่ง ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด
ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานแดงก่ำ หน้าอกสั่นไหวอย่างรุนแรงเนื่องจากความกลัวและความทุกข์ใจ แต่ตอนนี้นางไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่ไปรบกวนฉินเย่จือ และมองเขาที่กำลังต่อสู้กับหมาป่า
เหลือหมาป่าเพียงตัวเดียว และฉินเย่จือมีกริชอยู่ในมือ เพียงเห็นแสงเย็นวาบแวบหนึ่ง หมาป่าผู้หิวโหยตัวสุดท้ายก็ล้มลงก่อนจะหมดลมหายใจ
ฉินเย่จือหอบอย่างหนักและหลังจากยืนยันว่าหมาป่าหมดลมหายใจ เขาหันหลังกลับและกอดกู้เสี่ยวหวานไว้ในอ้อมแขนโดยไม่สนใจบาดแผลในร่างกายของเขาราวกับว่าเขากลัวกู้เสี่ยวหวานจะกลัวและตบเบา ๆ บนหลังของนาง เขากระซิบเบา ๆ ว่า “เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้ว ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป!”
ความปั่นป่วนในหัวใจของกู้เสี่ยวหวานเมื่อครู่ นางไม่ได้หลั่งน้ำตาเพราะกลัว แต่ตอนนี้นางกำลังหลั่งน้ำตาเพราะเสียงแหบห้าวที่กำลังปลอบโยนนางของฉินเย่จือ
ฉินเย่จือตัวสูงมาก และเขาแก่กว่ากู้เสี่ยวหวานหลายปี ในขณะนี้กู้เสี่ยวหวานจึงสูงเพียงแค่หน้าอกของฉินเย่จือเท่านั้น
หยาดน้ำในดวงตาของกู้เสี่ยวหวานหลั่งรินราวกับทำนบแตก
“เรียบร้อยแล้ว อย่าร้องไห้เลย หากเจ้าร้องไห้อีก หัวใจข้าจะแตกสลาย ข้ารู้สึกเจ็บแผลมาก!” เมื่อเห็นน้ำตาของกู้เสี่ยวหวาน แววตาของฉินเย่จือก็เต็มไปด้วยความทุกข์
มือของกู้เสี่ยวหวานโดนบาดแผลมีของฉินเย่จือโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาจึงอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวด
กู้เสี่ยวหวานรีบถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหน? เจ้าเจ็บตรงไหน?”
ร่างกายของฉินเย่จือมีสภาพไม่น่ามอง บาดแผลจากรอยข่วนและรอยกัดของหมาป่าปรากฏทั่วร่าง ความลึกตื้นของบาดแผลแตกต่างกัน
น้ำตาแห่งความทุกข์ของกู้เสี่ยวหวานกำลังจะร่วงลงมาอีกครั้ง
ดวงตาแดงก่ำของนาง ฉินเย่จือมองดูแล้วช่างเป็นทุกข์ยิ่งนัก “คนโง่ มันไม่เจ็บ มันไม่เจ็บ! ไม่ต้องเสียใจ” ฉินเย่จือหงุดหงิดกับคำที่เขาเพิ่งตะโกนว่าเจ็บ เดิมทีเขาอยากจะทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะทำให้กู้เสี่ยวหวานตกใจจริง ๆ
ฉินเย่จือรู้สึกประหม่าและรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “เสี่ยวหวาน ไปกันเถอะ กลิ่นคาวเลือดจะดึงดูดสัตว์อื่นเข้ามาได้!”