ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 534 ในอนาคตต้องเงยหน้าขึ้นมองเขา
บทที่ 534 ในอนาคตต้องเงยหน้าขึ้นมองเขา
บทที่ 534 ในอนาคตต้องเงยหน้าขึ้นมองเขา
“เสี่ยวหวาน แม้ว่าตงเหมยของข้าจะยังเด็ก แต่นางก็มีจิตใจดี! พวกเจ้าทุกคนต่างเข้าไปในเมืองและปล่อยให้เสี่ยวฉินอยู่บ้านตามลำพัง ทันทีที่กุ้ยตงเหมยได้ยินว่าเขาป่วย นางจึงรีบไปตามหมอหม่ามาดูอาการเขาทันที หากเจ้าไม่เชื่อก็สามารถไปถามหมอหม่าได้!” กุ้ยซื่อเงยหน้าขึ้นมองหมอหม่าที่กำลังมองดูความสนุกอยู่
หมอหม่าไม่คาดคิดว่าเขาที่มาที่นี่เพื่อดูความสนุกเท่านั้นจะถูกกุ้ยซื่อดึงลงน้ำไปด้วย เขาอารมณ์เสียเล็กน้อยและจ้องเขม็งไปที่นาง แต่เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานทำหน้าสงสัย หมอหม่าทำได้เพียงพยักหน้า เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ข้ามากับกุ้ยตงเหมย แต่ข้าไม่ได้ดูอาการเขา ตอนนั้นข้าไม่ได้นำยามาเพียงพอ เมื่อข้ากลับไปเอายาและกลับมา กุ้ยตงเหมยก็กลับบ้านไปแล้ว!”
หมอหม่าเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้นบ้าง เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยิน คิ้วของนางขมวดมุ่น
แล้วกุ้ยซื่อนำเรื่องนี้มาพูดทำไม! เป็นไปได้หรือไม่ที่นางมาตำหนิตนเองที่โหดร้ายเพราะเข้าไปในเมือง และทิ้งคนป่วยอย่างฉินเย่จือไว้ที่บ้านเพียงลำพัง จากนั้นกุ้ยตงเหมยก็มาดูอาการเขาด้วยความกรุณา แต่กู้เสี่ยวหวานกลับไม่พอใจ?
หากกุ้ยซื่อพูดอย่างนั้นจริง ๆ เกรงว่าคนรอบข้างคงจะต้องพูดอะไรที่ไม่น่าฟังออกมาแน่นอน
ฉินเย่จือไม่ได้เป็นอะไรกับนางทั้งนั้น ไม่ใช่คู่หมั้น ไม่ใช่สามี แล้วนางจะครอบครองฉินเย่จือได้อย่างไร!
แม้ว่าเขาจะเป็นสมาชิกของครอบครัวกู้ หากคนอื่นมาทำดีด้วย แต่กู้เสี่ยวหวานไม่เห็นด้วย คนอื่นจะมองกู้เสี่ยวหวานอย่างไร
ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานแย่มาก และนางก็จ้องที่กุ้ยซื่อเขม็ง
กุ้ยซื่อรู้ว่าในขณะนี้กู้เสี่ยวหวานกำลังโกรธ แต่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตน วันนี้นางต้องพูดมันออกมา ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่รู้ว่ากุ้ยตงเหมยไปที่ไหน ตายหรือมีชีวิตอยู่ พวกนางก็ไม่รู้
“เสี่ยวหวาน ตงเหมยของครอบครัวข้ามีจิตใจที่ดี แต่ปากของนางไม่ดีนัก ในขณะนั้นนางพูดไม่กี่คำและทำให้เสี่ยวฉินขุ่นเคือง ดังนั้นอย่าใส่ใจเลย” กุ้ยซื่อกล่าวต่อ
ว่าอย่างไรนะ? พูดตำหนิฉินเย่จือ? กุ้ยตงเหมยช่างกล้าหาญจริง ๆ!
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างฉุนเฉียวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ฉินเย่จืออย่างสงสัย แต่เห็นว่าใบหน้าของฉินเย่จือก็แย่มากเช่นกัน ดูเหมือนว่ากุ้ยตงเหมยคงต้องพูดอะไรน่าเกลียดในวันนั้นแน่
กู้เสี่ยวหวานชำเลืองมองไปรอบ ๆ อย่างดุดัน หมอหม่าหดศีรษะ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น!
กุ้ยชุนเจียวร้องไห้ “เสี่ยวหวาน ข้าขอโทษ ตงเหมยของครอบครัวข้าเป็นคนอวดดี ในเวลานั้นนางด่าพี่ใหญ่ฉินเล็กน้อย ตอนนั้นข้าก็อยู่ที่นี่และขอโทษพี่ใหญ่ฉินแล้ว!”
“ในเวลานั้นกุ้ยตงเหมยพูดว่าอะไร?” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าไฟแห่งความโกรธกำลังลุกไหม้อยู่ในใจ กุ้ยตงเหมยดูถูกฉินเย่จือหรือ? ช่างกล้าหาญมากจริง ๆ!
“ตงเหมยในเวลานั้น… ในเวลานั้นนางพูดว่า… พี่ใหญ่ฉินเป็นขอทานตัวเหม็น และเมื่อเขามาถึงครอบครัวกู้ เขาก็เป็นขอทานตัวเหม็นเช่นกัน! ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพี่ใหญ่ฉินไม่สนใจนาง ตงเหมยจึงพูดคำพูดที่เจ็บแสบเหล่านั้นออกมา!”
ศีรษะของกุ้ยชุนเจียวกำลังจะตกลงไปที่พื้น เมื่อทุกคนได้ยินคำเหล่านี้ พวกเขาก็ตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากตกตะลึงแล้ว ใบหน้าของพวกเขาก็แปลกไปเล็กน้อย
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินเรื่องนี้ นางโกรธมากและเหลือบมองที่ฉินเย่จือ ยังดี!
ไม่มีความไม่พอใจบนใบหน้าของฉินเย่จือเลย!
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกโล่งใจในที่สุด
ขณะที่นางกำลังจะพูด กู้หนิงผิงก็ออกมาจากข้างใน เอามือเท้าเอวเอ่ยตำหนิ “เจ้านั่นแหละคือขอทานตัวเหม็น ทุกคนในครอบครัวของเจ้าก็เป็นขอทานตัวเหม็น พี่ใหญ่ฉินงดงามกว่าเทพเซียนเสียอีก ถ้าไม่ใช่เพราะครอบครัวเขาประสบกับโชคร้าย เขาจะตกทุกข์ได้ยากเช่นนี้ได้อย่างไร!”
เมื่อกู้หนิงผิงได้ยินคนพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับอาจารย์ของตนเอง เขาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
เมื่อได้ยินกู้หนิงผิงปกป้องตัวเอง ใบหน้าของฉินเย่จือก็ดีขึ้นเล็กน้อย
“ไร้สาระ! แม้ว่าครอบครัวเมื่อก่อนของฉินเย่จือจะมีสถานการณ์ไม่ดี แต่เขาก็อยู่ในครอบครัวกู้ของข้า พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงมาดูถูกเขาเช่นนี้! ข้ากู้เสี่ยวหวานขอพูดไว้ ณ ที่ตรงนี้ว่า ในอนาคต ฉินเย่จือจะยืนอยู่ในที่ที่พวกเจ้าไม่สามารถแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองได้!”
สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดเป็นคำพูดที่โหดเหี้ยม แต่ก็เป็นคำพูดจากใจจริง นางไม่เคยคิดว่าฉินเย่จือ จะมีชีวิตอยู่อย่างจืดชืดตลอดไป
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเย่จือเป็นมังกรหงส์ในฝูงชน*[1] ความรู้ ศิลปะการต่อสู้ และความอดทนของเขาล้วนบอกนางกว่าในชีวิตนี้ฉินเย่จือจะไปได้ไกลกว่านี้!
ฉินเย่จือมองไปยังกู้เสี่ยวหวานที่ใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น ด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของนางมีประกายที่มีเสน่ห์
ลูกแมวตัวนี้มีดวงตาที่เฉียบคม!
คนรอบข้างยังคงตกตะลึงกับคำพูดของกู้เสี่ยวหวานเมื่อครู่นี้
นอกจากนี้ยังมีกุ้ยซื่อและกุ้ยชุนเจียว หลังจากฟังคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน พวกนางก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง แต่พวกนางก็กลับมารู้สึกตัวทันที ก้มศีรษะและตะโกนเสียงดัง “เสี่ยวหวาน เสี่ยวหวาน เราเป็นเพื่อนบ้านกันมาหลายปี เจ้าให้อภัยกุ้ยตงเหมยเถอะนะ! ตงเหมยกลัวเจ้าจนไม่กล้ากลับมาบ้านแล้ว!”
“ว่าอย่างไรนะ?”
ทันทีที่คนรอบข้างได้ยินคำพูดของกุ้ยซื่อ ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง
เมื่อครู่กุ้ยซื่อพูดว่าอย่างไร? กุ้ยตงเหมยไปบ้านตาของนางเพื่อดูแลตาที่ป่วยไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงกลายเป็นว่านางกลัวกู้เสี่ยวหวานจนไม่กล้ากลับบ้านล่ะ?
เมื่อเห็นทุกคนมองนางด้วยความสงสัย กุ้ยซื่อก็รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ข้าขอโทษ ข้าโกหกทุกคน แต่ข้าก็จนปัญญา! ตงเหมยมีนิสัยอย่างไร ทุกคนในที่นี้คงรู้กันดี เด็กผู้นี้มีปากมีดหัวใจเต้าหู้*[2] แม้ว่าคำพูดนางจะรุนแรง แต่ความกล้าของนางช่างเล็กนัก! นางรู้ว่านางดูถูกเสี่ยวฉินและกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะตำหนินาง ดังนั้นนางจึงไปที่เมืองหลิวเจียในชั่วข้ามคืนเพื่อไปหาเถ้าแก่หลี่ เถ้าแก่หลี่เห็นแก่หน้าของกุ้ยชุนเจียวนจึงรับนางไว้ แต่ไม่สะดวกที่จะให้อยู่ในร้านอาหาร!ข้าขอให้สามีข้าไปเรียกนางกลับมาแล้ว แต่ตงเหมยบอกว่าถ้ากู้เสี่ยวหวานไม่ให้อภัยนาง นางก็จะไม่กลับมา ข้าก็จนปัญญาแล้ว! เรามักจะรู้สึกแย่กับการรบกวนเถ้าแก่หลี่! แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมาถามสาวน้อยเสี่ยวหวาน!”
คำพูดของกุ้ยซื่อออกมา และกู้เสี่ยวหวานก็ตระหนักได้ว่ากุ้ยซื่อมาไม้นี้เพื่อที่จะบีบบังคับนาง และยังบอกว่าอีกฝ่ายกลัวนางจนไม่กล้ากลับบ้าน
*[1] ผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นในบรรดาผู้คนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าตาและความสามารถ
*[2] เป็นคนปากร้ายแต่ใจดี
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
กุ้ยซื่อทำแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่ ลูกสาวตัวเองหนีไปเองแท้ ๆ แต่ยังโยนขี้ให้คนอื่นแบบนี้อีก ทุเรศจริง ๆ
ไหหม่า (海馬)