ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 549 กล้าทำต้องกล้ารับ
บทที่ 549 กล้าทำต้องกล้ารับ
บทที่ 549 กล้าทำต้องกล้ารับ
ครั้นได้ยินเช่นนี้ กุ้ยตงเหมยก็ร้องไห้หนักขึ้น นางมองหลี่ฝานด้วยดวงตาคู่นั้นและพูดอย่างเขินอายปนความโกรธ “เถ้าแก่หลี่ ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะบอกแม่ของข้า! นางสงสารข้าจึงพาข้ามาเพื่อขอคำอธิบายจากท่าน เถ้าแก่หลี่ ได้โปรดสงสารข้าด้วย ข้ายังเด็กอยู่ ถ้าชื่อเสียงของข้าสูญเสียไป ข้าจะอยู่ได้อย่างไร! หรือข้าควรไปตายเพื่อจบเรื่องนี้!”
ทันทีที่ได้ยินว่ากุ้ยตงเหมยกำลังจะแสวงหาความตาย กุ้ยซื่อก็ใช้มือที่ดึงกุ้ยตงเหมยไว้ชี้ไปที่หลี่ฝานและสาปแช่ง “หลี่ฝาน ท่านเป็นคนมีหน้ามีตา ท่านทำเรื่องพรรค์นี้ได้โดยไม่กลัวฟ้าผ่าบ้างเลยหรือ?”
กุ้ยตงเหมยร้องไห้อย่างน่าสังเวช กุ้ยซื่อยังคงลูบไหล่ของนางและปลอบโยนเบา ๆ “ตงเหมย ไม่ต้องกลัว ข้าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้เจ้าในวันนี้! เราไปฟ้องทางการกันเถอะ แล้วให้ทางการตัดสินเรื่องนี้!”
กุ้ยตงเหมยมองหลี่ฝานด้วยความละอายและความขุ่นเคืองราวกับว่านางไม่ต้องการฟ้องทางการ นางจับมือกุ้ยซื่อและพูดด้วยความหวาดกลัว “ท่านแม่ อย่าไป! เถ้าแก่หลี่มีหน้ามีตาอยู่ในเมืองนี้ หากท่านไปเช่นนี้จะไม่เป็นการทำให้เขาอึดอัดใจหรือ?”
เมื่อได้ยินว่ากุ้ยตงเหมยยังคงห่วงใยหลี่ฝาน กุ้ยซื่อก็โกรธและพูดว่า “เจ้าจะปล่อยผ่านเรื่องที่เขาเอาเปรียบเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
สองแม่ลูกครอบครัวกุ้ยแย่งกันพูด สำหรับลี่ฟานที่ยังนิ่งเงียบ ดูเหมือนว่าจะถูกตั้งข้อหาทำอนาจารไปเสียแล้ว!
ในเวลานี้ หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกระแอมไอ เหลือบมองหลี่ฝานและพูดอย่างดุดัน “หลี่ฝาน เรื่องนี้เริ่มต้นเพราะเจ้า เจ้าทำลายชื่อเสียงของหญิงสาวไปแล้ว ตอนนี้จะทำอย่างไร? อธิบายมาสิว่าจะทำอย่างไรกับเด็กสาวผู้นี้!”
“อธิบาย? อธิบายอะไร?” หลี่ฝานเอ่ยถามอย่างงุนงง “ต้องการให้ข้าอธิบายอะไร?”
“เจ้า…” เมื่อเห็นว่าหลี่ฝานมีท่าทีไม่แยแสอยู่เสมอ หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงจึงโกรธและชี้ไปที่หลี่ฝานพลางสาปแช่ง “เจ้าคนหน้าซื่อใจคด เจ้าเป็นคน แต่ทำตัวเยี่ยงสุนัขได้อย่างไร? ทำไมถึงได้ทำเรื่องน่าขยะแขยงเช่นนั้นได้ลง? วันนี้ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับหรือไม่ เด็กสาวผู้นั้นก็ยืนยันว่าเจ้าลวนลามนาง เจ้าลองคิดดูแล้วกันว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร!”
หลี่ฝานรู้สึกว่าพวกเขามาเพื่อบังคับตน!
ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของหลี่ฝาน ในที่สุดก็คลายลงเล็กน้อยในขณะนี้ “โอ้ ใช่หรือ? หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกำลังตัดสินข้าอยู่หรือ?”
“ไม่ได้กำลังตัดสินว่ามีความผิด เจ้าต่างหากที่สมควรได้รับมัน!” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงโกรธมาก เมื่อเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของหลี่ฝาน เขาอยากจะก้าวไปข้างหน้าและกระชากหน้ากากของหลี่ฝานออกแล้วดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใต้นั้น!
ปลายนิ้วของกู้เสี่ยวหวานจับถ้วยชาไว้แน่นจนปลายนิ้วกลายเป็นสีขาวซีด และในขณะนี้ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานแสดงความโกรธอย่างมาก
เมื่อหลี่ฝานเห็นว่าแม่และลูกสาวครอบครัวกุ้ยทำการแสดงจบแล้ว
คราวนี้ หลังจากที่พวกนางแสดงจบแล้วก็ถึงเวลาที่ตนเองจะได้แสดงต่อบ้าง
หลี่ฝานเหล่มองกุ้ยซื่อและกุ้ยตงเหมย กุ้ยซื่อบังเอิญเห็นสายตานั้น แผ่นหลังของนางรู้สึกเย็นวาบ นางรู้สึกหวาดกลัว แต่วันนี้ได้พูดเรื่องนี้ไปแล้ว หากไม่ใช่นางที่ตายก็ต้องเป็นหลี่ฝานที่ตาย!
ชีวิตที่ไร้กังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า
กุ้ยซื่อจ้องมองอย่างดุดันโดยไร้ซึ้งความอ่อนโยนเฉกเช่นเดิม! เมื่อเห็นว่ากุ้ยซื่อไม่มีท่าทีหวาดกลัว หลี่ฝานก็รู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา
เมื่อมองดูภายในม่านอันหนาทึบอย่างสงบ ในขณะนี้ หลี่ฝานก็เปิดปากของเขาอย่างเงียบ ๆ
“กุ้ยซื่อ เจ้ายืนยันว่าข้าลวนลามลูกสาวเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าของหลี่ฝานเป็นสีซีดเผือด เมื่อมองไปที่กุ้ยซื่อและกุ้ยตงเหมยที่ใส่ร้ายเขา ใบหน้าของเขาบูดบึ้งเล็กน้อย
จากนั้นรอยยิ้มเยาะเย้ยแลดูน่ากลัวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
กุ้ยซื่อตัวสั่น ในเวลานี้หลี่ฝานทำให้นางตกใจ ขาแข้งของนางอ่อนแรง นี่เป็นครั้งที่สองที่นางเจอหลี่ฝาน แต่ครั้งนี้นางได้เห็นท่าทางที่น่าหวาดกลัวของเขา
วาจานั้นได้ลั่นออกไป ได้ปรักปรำเขาไปแล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้หากจะเรียกคืนกลับมา
กุ้ยซื่อรวบรวมความกล้าและเอ่ยอย่างเดือดดาล “เถ้าแก่หลี่ ข้ารู้ว่าท่านมีอำนาจและมีเงิน แต่ท่านไม่สามารถปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือเดียวได้! ท่านทำลายลูกสาวของข้า แล้วท่านจะไม่สนใจทำอะไรเลยหรือ?”
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “หลี่ฝาน ข้ายังเคารพท่านอยู่ แต่ข้าไม่คาดคิดว่าท่านจะเป็นคนหน้าซื่อใจคดที่สามารถทำสิ่งนี้ได้!”
หลี่ฝานยิ้มเยาะขัดจังหวะการตำหนิของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงและกุ้ยซื่อ “โอ้? พวกเจ้าบอกว่าข้าลักพาตัวกุ้ยตงเหมย แล้วพวกเจ้ามีหลักฐานอะไรหรือไม่ล่ะ?”
“หลักฐาน? ตงเหมยของข้าคือหลักฐาน! นางยืนยันว่านางอยู่กับท่านมานานกว่าครึ่งเดือนและอยู่กับท่านตลอดเวลา! สิ่งที่พวกท่านทำก็มีเพียงพวกท่านเท่านั้นที่รู้!” กุ้ยซื่อกล่าวอย่างดุดันด้วยสีหน้าอับอายและโกรธเคือง
อับอายที่กุ้ยตงเหมยทำสิ่งที่ไร้ยางอายเช่นนี้
โกรธเคืองที่หลี่ฝานปฏิเสธ
กุ้ยซื่อผู้นี้ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย การแสดงออกเช่นนี้ นางเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแสดงจริง ๆ!
หลังม่านหนาทึบ กู้เสี่ยวหวานได้ยินหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง กุ้ยซื่อ และกุ้ยตงเหมยกล่าวหาหลี่ฝาน และร้องไห้เกี่ยวกับการกระทำอาชญากรรมของหลี่ฝาน
หัวใจของกู้เสี่ยวหวานเย็นชาราวกับหิมะในฤดูหนาว
จู่ ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
กุ้ยซื่อนะกุ้ยซื่อ เจ้าขุดหลุมให้ตัวเองกระโดดลงไปจริง ๆ ช่างไร้ย่างอายยิ่งนัก และกุ้ยตงเหมยก็ไม่แตกต่างจากมารดาของนาง เจ้าคิดว่าจะสามารถใช้เรื่องของกุ้ยตงเหมยเพื่อจับหลี่ฝานได้ แต่ไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยหรือ? หากจับหลี่ฝานไม่ได้ ไม่เพียงกุ้ยตงเหมยเท่านั้น แต่ยังกุ้ยชุนเจียวก็จะถูกทำลายไปด้วย
เสื้อผ้าและอาหารที่เจ้าต้องการ และการแต่งงานในครอบครัวที่ร่ำรวยจะกลายเป็นเพียงฟองสบู่ และพวกเขาก็จะไม่ได้รับอะไรอีกเลย
ในขณะนี้ พวกนางดูราวกับตัวตลกที่กระโดดบนคานให้ทุกคนดู กระโดดขึ้นลง ยิ่งกระโดดสูง ยิ่งตายเร็ว!
ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานแปรเปลี่ยนเป็นดุร้าย และมองกุ้ยซื่ออย่างเย็นชาจากด้านหลังม่านหนา
“ใช่หรือ? นาง… คือหลักฐานอย่างนั้นหรือ?” หลี่ฝานนั่งลงอย่างสบาย ๆ เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจการบีบบังคับของกุ้ยซื่อเลย และเขาไม่ได้สนใจหลักฐานอย่างกุ้ยตงเหมยเลยด้วยซ้ำ สีหน้าของเขามีเพียงความผ่อนคลาย
“ท่าน… ท่านหมายความว่าอย่างไร?” กุ้ยซื่อกำลังโกหก แต่เมื่อนางได้ยินน้ำเสียงดูหมิ่นของหลี่ฝานในครั้งนี้ นางก็รู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อยและผลักกุ้ยตงเหมย “ตงเหมย เจ้าพูดสิ เจ้าพูดออกมาสิ… ”
“ฮือ ๆ…” กุ้ยตงเหมยหน้าแดงก่ำและมองกุ้ยซื่อด้วยความโกรธ แล้วเหลือบมองหลี่ฝานอย่างเขินอาย และพูดประโยคที่มีความหมายชวนให้คนคิดไปในทางนั้น “ท่านแม่ เรื่องเช่นนี้ ท่านจะให้ข้าทำอย่างไร!”
“จะทำอะไรได้ ในเมื่อเขาทำเช่นนั้น เขาก็ต้องแต่งงานกับเจ้า!” กุ้ยซื่อตะโกนเสียงดังและเหลือบมองหลี่ฝานด้วยดวงตาสีแดงฉาน “ท่านเป็นผู้ใหญ่ กล้าทำก็ต้องกล้ารับ!”
“หลี่ฝาน เจ้าเป็นผู้ใหญ่ เจ้าจะไม่กล้ายอมรับอย่างนั้นหรือ? นางเป็นเพียงแค่เด็กสาวธรรมดาที่ไม่ได้มีหน้ามีตาอะไร นางมาหาเจ้าโดยเจตนาดี!” ในเวลานี้หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพูดเกลี้ยกล่อม
กู้เสี่ยวหวานที่กำลังดื่มชาหลงจิ่งอย่างดีอยู่ภายในห้อง แม้กระทั่งชาที่มีกลิ่นหอมก็ไม่สามารถระงับความโกรธในใจของนางในขณะนี้ได้