ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 571 วิธีการหลบหนี
บทที่ 571 วิธีการหลบหนี
บทที่ 571 วิธีการหลบหนี
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่กุ้ยชุนเจียวเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ ดังนั้นจึงพ่นลมหายใจเย็นชา “หยุดร้องไห้ได้แล้ว!”
กุ้ยชุนเจียวไม่คิดว่าจะมีคนอื่นอยู่ในห้องนี้ นางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง กลัวว่าคนร้ายสองคนเมื่อครู่นี้จะหวนกลับมา เด็กสาวตัวสั่นระริกไม่กล้าเงยหน้าขึ้น “ได้โปรด อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้าเลย!”
“กุ้ยชุนเจียว ลืมตาของเจ้าแล้วดูว่าข้าเป็นใคร!” กู้เสี่ยวหวานยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อเห็นแก้มบวมเป่งของกุ้ยชุนเจียว
สถานการณ์ตอนนี้อันตรายเกินไป หากแต่ยังมัวร้องไห้อยู่เช่นนี้ ไม่ว่ามันจะตกไปอยู่ในมือของถูหมิ่นหรือมือของชายสองพี่น้องในตอนนี้ ทั้งสองคนคือผู้หญิงอ่อนแอที่ไร้ซึ่งทางสู้
ไม่ใช่ว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นกระต่ายตื่นตูม แต่เพราะร่างกายของผู้หญิงถูกลิขิตให้ถูกผู้ชายรังแก
ตอนนั้นเองที่กุ้ยชุนเจียวได้ยินว่าเป็นเสียงของเด็กผู้หญิง นางรู้สึกว่าเสียงนั้นค่อนข้างคุ้นเคย ดังนั้นนางจึงเงยหน้าขึ้นทันที และมองไปยังทิศทางของเสียงนั้น “เจ้านั่นเอง…”
แสงจันทร์ที่ลอดผ่านช่องเข้ามายังในกระท่อมตกกระทบที่ใบหน้าของกุ้ยชุนเชียว กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าแก้มของกุ้ยชุนเจียวบวมแดง แต่สิ่งนี้ไม่ส่งผลต่อรูปลักษณ์ที่น่ารักของกุ้ยชุนเจียวเลย
ไม่ใช่ว่ากู้เสี่ยวหวานคิดมากเกินไป แต่ในฐานะสตรี นางต้องคิดถึงสิ่งที่แย่ที่สุด และหาโอกาสให้ตนหลบหนี
เมื่อเห็นว่าเป็นกู้เสี่ยวหวาน กุ้ยชุนเจียวกุลีกุจอคลานเข้าไปหา และพูดอย่างมีความสุขว่า “เสี่ยวหวาน เหตุใดถึงเป็นเจ้า เจ้าก็ถูก…”
กู้เสี่ยวหวานกลอกตา ถ้าไม่ใช่เพราะกุ้ยชุนเจียวที่ตาบอดหนีไปกับถูหมิ่นในตอนนั้น และหากนางเป็นคนไม่ดีไม่มีจิตใจเมตตา เรื่องราวเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
กุ้ยชุนเจียวไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้นางตกใจกับชายสองพี่น้อง แต่ในที่สุด นางก็สงบลงและได้สติกลับคืนมา ด้วยความสนิทสนม กุ้ยชุนเจียวจึงไม่กลัวเหมือนเมื่อก่อน แต่เมื่อนางคิดว่ากู้เสี่ยวหวานอายุน้อยกว่าตัวเอง และไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จึงปิดหน้าร้องไห้ออกอีกครั้ง “เสี่ยวหวาน เสี่ยวหวาน เจ้ารีบคิดหาวิธีเร็วเข้า เราตายที่นี่ไม่ได้!”
“…”
คิดว่าข้าอยากตายที่นี่หรือ!
“ใครต้องการลักพาตัวเรามากันแน่ ข้าไม่รู้จักพวกเขาเลย!”
“เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? สองคนนั้นได้รับมอบหมายมาจากคนอื่น!” กู้เสี่ยวหวานมองคนตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง นางไม่เคยครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ เลย มันจะเป็นหายนะเมื่อช่วยนาง
เบิกตาดูเสีย การลงโทษกำลังจะมาถึงแล้ว
“ใครจ้างมา? ใครมอบหมาย? ข้าไม่ได้ทำให้ผู้ใดขุ่นเคือง ใครจะมาทำร้ายข้ากัน!” กุ้ยชุนเจียวยังไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้ ในขณะนี้จิตใจของนางว่างเปล่า
ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ และยังมีคนแปลกหน้าสองคนที่ดุร้ายอีก ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังทำลายสติของกุ้ยชุนเจียว สมองของนางไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง
“หึ เจ้าไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนหรือ?” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างเย็นชา “ตอนนี้เราอยู่ในกระท่อมร้างกลางเขา ถ้าข้าเดาไม่ผิด คาดว่าพวกเราคงมาถึงบริเวณหมู่บ้านเหมยแล้ว”
ว่าอย่างไรนะ?
เมื่อกุ้ยชุนเจียวได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน ร่างกายพลันถอยหนีด้วยความกลัวแล้วทรุดลงกับพื้น และพึมพำกับตัวเองราวกับว่านางไม่แน่ใจ “เจ้าพูดอะไร? เป็นไปได้อย่างไร?”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?” กู้เสี่ยวหวานกล่าวต่อ “ในตอนนั้น ข้าขอให้พวกเจ้าสอนบทเรียนให้ถูหมิ่น แต่เจ้าไม่ต้องการ คราวนี้ถูหมิ่นจึงมาแก้แค้นพวกเรา เจ้ารอดูเถอะ หลังจากที่ถูหมิ่นกลับมา เขาจะทำอะไรกับพวกเรา!”
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ขู่ให้นางกลัว หากแต่เป็นความจริง
แม้ว่านางไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อนในชีวิต แต่เขากลับมีเครือข่ายไปทั่วทุกแห่ง
เครือข่ายที่สะดวกและรวดเร็ว เพียงแค่เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในหนึ่งก้านธูปก็สามารถทำให้เขารู้เรื่องทุกอย่างในโลกนี้ได้ ไม่ว่าที่ไหนมีเรื่องเกิดขึ้น
หญิงจำนวนมากหายไปและถูกทิ้งไว้ในถิ่นทุรกันดาร
มีผู้ชายจำนวนมากที่ไม่ขึ้นศาล พวกเขาทำตัวราวกับสัตว์ร้าย ลักพาตัวสตรีไปข่มขืนและลงมือฆ่าทิ้งเสีย!
สตรีโดยเฉพาะเด็กสาวอย่างกู้เสี่ยวหวานและกุ้ยชุนเจียว ในขณะนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดเรื่องง่ายที่สุด และเป็นประเภทกลุ่มที่มีแนวโน้มจะเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากที่สุด
กู้เสี่ยวหวานสาบานว่า หากนางมีชีวิตรอดออกไปได้ ในอนาคตนางจะไม่มีวันอยู่คนเดียวในที่แปลก ๆ โดยไม่มีผู้ใดอยู่ข้างกายอีก สถานที่เช่นนี้มักจะเกิดเรื่องได้ง่าย
กุ้ยชุนเจียวตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ นางหวาดกลัวถูหมิ่นเป็นอย่างมาก ทันทีที่นางได้ยินชื่อหมู่บ้านเหมยหรือถูหมิ่น ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านด้วยความกลัว
บุรุษผู้นี้ สถานที่แห่งนี้ และสถานที่ที่เรียกว่าต้าย่วนจื่อ มีอดีตของนางมากมายที่นางไม่อยากจะหวนนึกถึงมากเกินไป
“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าน่าจะสับเขาให้แหลกตั้งแต่ทีแรก” ทันใดนั้นกุ้ยชุนเจียวก็ตะโกนอย่างดุดัน
กู้เสี่ยวหวานเหล่มองนางด้วยท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยาม
มาพูดตอนนี้จะไปมีประโยชน์อันใด
ในเวลานั้น เขาได้บอกใบ้พวกนางแล้ว แต่เพื่อเงินหนึ่งร้อยตำลึง เขายอมทำทุกอย่าง และในวันนี้ยังพาตนเองมามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้
กุ้ยชุนเจียวรู้สึกเศร้า ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานมองดูนางด้วยความรังเกียจ
ใช่ ตอนนี้สายเกินไปแล้วที่จะพูดอะไร อีกฝ่ายจะเห็นอกเห็นใจตนเองได้อย่างไร ตั้งแต่กลับจากหมู่บ้านเหมย นางก็ไม่เคยนอนหลับได้อย่างสบายใจและไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข จิตใจของนางเต็มไปด้วยความคิดมากมายว่า หากคนอื่นรู้เข้าจะเกิดอะไรขึ้น
กุ้ยชุนเจียวสั่นไปทั้งตัวและพึมพำกับตัวเอง โดยไม่รู้ว่านางกำลังพูดถึงอะไร!
ในขณะนั้น กู้เสี่ยวหวานก็เริ่มสนใจเงานั้นอีกครั้ง
นางมีร่างกายอายุสิบปี แต่มีจิตวิญญาณอายุสามสิบปีแล้ว นางรู้ว่าจะต้องใจเย็นเมื่อเผชิญกับเหตุฉุกเฉิน แต่กุ้ยชุนเจียวผู้นี้อายุแค่สิบสองปีเท่านั้น
นางทำผิด รักคนผิด ทั้งหมดนี้…
ล้วนเป็นสิ่งที่นางเลือกได้ไม่ใช่หรือ!
ใครจะไปอยากเจอผู้ชายเลว ๆ!
เฮ้อ…
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อครู่ตนไม่ควรโกรธนาง
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เริ่มต้นเพราะกุ้ยชุนเจียว และกู้เสี่ยวหวานทำได้เพียงอดทน ความดื้อรั้นในหัวใจของนางกำลังกลับมาอีกครั้ง
กุ้ยชุนเจียวคลานกลับไปที่มุมห้องอีกครั้ง และเริ่มร้องไห้กระจององแง ฟูมฟายว่าตนไม่อยากตายอยู่หลายครั้ง