ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 573 พวกเขากลับมาแล้ว
บทที่ 573 พวกเขากลับมาแล้ว
บทที่ 573 พวกเขากลับมาแล้ว
แส้ในมือของฉินเย่จือยังคงฟาดลงบนตัววัว และวัวก็วิ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ฉินเย่จือยังคงรู้สึกว่ามันช้าเกินไป
ไม่ได้การแล้ว เขาต้องซื้อรถม้า เกวียนวัววิ่งไม่เร็วเท่ารถม้า ถ้ามีอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้นแล้วยังชักช้าอยู่เช่นนี้คงจะไม่ทันการณ์
เมื่อฉือโถวเห็นว่าฉินเย่จือได้แจกจ่ายงานให้กับทุกคน แต่เขาเป็นคนเดียวที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ฉือโถวรู้สึกอับอายและวิตกกังวล และอยากจะออกไปข้างนอกเสียให้ได้ ป้าจางเห็นว่าเขากำลังจะออกไป นางจึงรีบหยุดเขา “ฉือโถว เจ้าจะไปไหน?”
ฉือโถวหันศีรษะและกล่าวอย่างกังวลว่า “ท่านแม่ ข้าจะไปที่ที่ว่าการอำเภอเพื่อฟ้องร้องต่อทางการ และขอให้พวกเขาช่วยค้นหาร่วมกัน ไม่เช่นนั้น แค่คนไม่กี่คนของเรา เราจะหาเสี่ยวหวานเจอได้เมื่อใด!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ป้าจางก็รีบลุกขึ้น “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!” พูดจบนางก็ดึงฉือโถวอย่างแรงจนทำให้เขาสะดุด “หากไปฟ้องทางการ ชื่อเสียงของสาวน้อยเสี่ยวหวานจะสูญสิ้นไป!”
เมื่อฉือโถวได้ยินคำพูดของป้าจาง สมองของเขาก็เหมือนจะระเบิด
ใช่แล้ว ใช่แล้ว!
เหตุใดเขาถึงคิดไม่ได้นะ เสี่ยวหวานหายตัวไป ถ้าคนอื่นรู้เกรงว่าชื่อเสียงของนาง…
แม้จะไม่มีอะไร แต่ก็อาจจะถูกคนอื่นเอาไปพูดอยู่ดี
ฉือโถวบ่น “ท่านแม่ ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี”
ฉือโถวรู้สึกหดหู่ ขุ่นเคือง และสำนึกผิด ทุกอารมณ์ท่วมท้นอยู่ในใจ ทุกอย่างมันเป็นเพราะเขา เป็นเพราะเขา
เสี่ยวหวานหายตัวไป ล้วนเป็นเพราะเขา!
“เสี่ยวฉินคงไปหาเสี่ยวหวาน พวกเราอย่าเพิ่งรีบร้อน เราต้องมีสติเขาไว้” ป้าจางแนะนำ อันที่จริงนางแค่พูดไปเช่นนั้น อย่ารีบร้อนอย่างนั้นหรือ แล้วจะทำอย่างไรล่ะ?
กู้เสี่ยวหวานหายไปและมีแนวโน้มมากที่สุดว่านางจะถูกลักพาตัว
คนเหล่านี้ต้องการอะไร?
ป้าจางรู้ว่าคนเหล่านี้ไม่มีเจตนาดีอย่างแน่นอน
ในตอนนี้ไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว!
ฉือโถวกุมศีรษะด้วยความโกรธ หมอบลงกับพื้นและร้องไห้งอแงราวกับเด็ก “มันเป็นความผิดของข้าเอง มันเป็นความผิดของข้า…”
ป้าจางรู้สึกเศร้าครั้นเห็นท่าทางเศร้าโศกของลูก แต่ตอนนี้ทุกห้วงเวลานางต้องไปตามหาคนก่อน จึงเอ่ยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “เสี่ยวอี้ เจ้าอยู่กับพี่ฉือโถวที่บ้าน ข้าจะออกไปดูสถานการณ์ข้างนอก!”
ใบหน้าของกู้เสี่ยวอี้เอ่อนองไปด้วยน้ำตา และพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ท่านป้า มันมืดแล้วท่านต้องระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ!”
ป้าจางอยากจะร้องไห้ เมื่อได้ยินคำพูดที่อ่อนโยนที่ห่วงใยจากเด็กตัวน้อย
สาวน้อยเสี่ยวหวานผู้นี้สอนน้อง ๆ ได้ดีเสียจริง
ใครกันแน่ที่ใจร้ายและกล้าทำเรื่องชั่ว ๆ เช่นนี้!
หัวใจของป้าจางราวกับมีมีดที่จ่ออยู่และพร้อมที่จะแทงหัวใจของนางได้ทุกเมื่อ และปล่อยให้นางเลือดไหลจนตาย
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ระหว่างเฝ้ารอ
ตอนนี้เพียงเสี้ยวลมหายใจก็มีค่า
นอกเหนือจากการคิดหาวิธีหลบหนี กู้เสี่ยวหวานยังคิดหาวิธีจัดการกับพวกเขา หากพวกเขากลับมาในภายหลัง
กุ้ยชุนเจียวยังคงสะอื้นไห้ ท่าทางโศกเศร้าของนางทำให้ผู้พบเห็นไม่สบายใจ
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกรำคาญเล็กน้อยกับเสียงนี้ ดังนั้นนางจึงสูดหายใจอย่างเย็นชา “อย่าร้องไห้…”
กุ้ยชุนเจียวถูกกู้เสี่ยวหวานทำให้กลัว ดังนั้นนางจึงหยุดร้องไห้และมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยสายตาว่างเปล่า
ในขณะนี้ ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานซีดเซียวไร้สีเลือด
นางยากที่จะยอมรับ
ตอนนี้พวกนางอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ไม่อาจช่วยเหลือตนเองได้ และไม่สามารถพึ่งพาคนอื่นมาเพื่อช่วยพวกนางได้ หรือจะตนเองจะยอมอยู่นิ่ง ๆ เพื่อรอความตายงั้นหรือ?
กู้เสี่ยวหวานนั่งนิ่งและต่อสู้อย่างดุเดือดในใจ นางรู้ว่าสิ่งที่จะต้องเผชิญต่อไปจะเป็นอย่างไร!
หากถูหมิ่นปรากฏตัว กุ้ยชุนเจียวคงหนีไม่พ้นแน่นอน
เป็นไปได้หรือไม่ที่ถูหมิ่นจะไม่ฆ่านาง แต่แล้วตัวนางเองล่ะ?
ถูหมิ่นจะไม่มีวันใจอ่อนและยังมีกุ้ยตงเหมยอีก กุ้ยชุนเจียวเป็นพี่สาวของนาง ดังนั้นเป็นไม่ได้ที่จะรอดูพี่สาวตนเองตาย
กุ้ยชุนเจียวคงจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่สิ่งอื่น ๆ ยากที่จะพูด
เป็นการยากที่จะบอกว่าถูหมิ่นจะทำอะไรกับกุ้ยชุนเจียวหรือไม่
สถานการณ์ตอนนี้ คนที่เป็นอันตรายที่สุดคือตัวนางเอง
ตนเองทำให้กุ้ยตงเหมยและถูหมิ่นขุ่นเคือง ทั้งสองแทบรอไม่ไหวที่จะกำจัดตนเอง!
เพราะตนเองไปทำลายแผนการของถูหมิ่น
กู้เสี่ยวหวานรู้ดีถึงสถานการณ์ที่จะได้เผชิญ ไม่ว่าจะเป็นความตายหรือถูกทำลายชื่อเสียง
แม้ว่านางจะเป็นเพียงเด็กอายุสิบขวบ แต่คนชั่วที่ชั่วร้ายไม่สนใจเรื่องนี้ ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็สามารถเป็น ‘อาหาร’ ของพวกเขาได้!
กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่เด็กที่ไม่เข้าใจอะไรเลย สถานการณ์ของนางอันตรายมาก แต่ยิ่งอันตรายมากเท่าไรก็ยิ่งต้องสงบมากขึ้นเท่านั้น การอยู่อย่างสงบเท่านั้นจึงจะมีโอกาสหาทางออกได้
หากนางร้องไห้เหมือนกุ้ยชุนเจียวในเวลานี้ นางก็จะกลายเป็นปลาบนเขียงของคนอื่น
กู้เสี่ยวหวานยืนขึ้นและมองไปรอบ ๆ นางได้ดูสถานที่นี้อย่างระมัดระวังแล้วและไม่มีที่ไหนเลยที่นางสามารถออกไปได้ ดูเหมือนว่าความคิดที่จะหลบหนีจากที่นี่จะเป็นไปไม่ได้เลย
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังมาจากข้างนอก “บัดซบ ให้เรากลับมาก่อน ส่วนเขากำลังดื่มเหล้าดอกไม้*[1] อยู่เนี่ยนะ! บัดซบ!”
“พี่ใหญ่ เขาไม่ได้ให้เหล้าแก่พี่ด้วยหรือ?” ชายผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“หึ… ข้าอยากดื่มเหล้าดอกไม้ ไม่อยากดื่มอยู่ในที่อุดอู้เช่นนี้!” น้ำเสียงนั้นตะโกนลั่น กู้เสี่ยวหวานตกใจและเหลือบมองกุ้ยชุนเจียวที่ยืนขึ้นอย่างประหม่าและหวาดกลัว
ชายผู้นี้ดื่มเหล้าจริงหรือ?
ผู้ชายดื่มเหล้า หากเหล้าคุณภาพไม่ดี เขาจะทำอะไรก็ได้
กู้เสี่ยวหวานคิดเกี่ยวกับวิธีรับมือในจิตใจ ทันใดนั้น นางก็เห็นขี้เถ้าที่เหลือจากไฟที่ลุกโชน นางรีบรุดขึ้นหน้าและเอาขี้เถ้าไม้มาทาบนใบหน้าของนาง ใบหน้าที่เคยขาวสะอาดตอนนี้กลับสกปรกราวกับลิง
กุ้ยชุนเจียวจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของกู้เสี่ยวหวานอย่างว่างเปล่า และยังรู้สึกมึนงงกับการกระทำของนาง
ขณะที่กำลังคิดจะทำอะไรอยู่ จู่ ๆ มีเสียงกลอนประตูถูกปลด
*[1] หมายถึง ทำอะไรร่วมกับโสเภณี