ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 581 หลบหนีออกจากกระท่อม
บทที่ 581 หลบหนีออกจากกระท่อม
บทที่ 581 หลบหนีออกจากกระท่อม
ทันทีที่เอ้อร์สยงได้ยินเรื่องนี้ เขาก็หยิบกุญแจออกมาเปิดประตูโดยไม่ได้คิด แล้วเดินเข้าไป
กู้เสี่ยวหวานแสร้งทำเป็นหวาดกลัวชี้ไปทางกุ้ยตงเหมย และพูดโดยไม่แม้แต่จะลืมตาว่า “น่ากลัว มันทำให้ข้าตกใจจะตาย เลือดเต็มไปหมดเลย บนหัวนางมีแต่เลือด!”
สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง และเอ้อร์สยงก็กลัวมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาหวาดกลัวจนตัวสั่น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาทำเรื่องเช่นนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่านางจะตาย?
เป็นเช่นนั้นไม่ได้!
หญิงสาวผู้นี้ล้มลงกับพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจ และนางก็สิ้นลม!
เอ้อร์สยงเดินไปหากุ้ยตงเหมยทีละก้าว แม้แต่ขาของเขาก็ยังสั่นสะท้าน
เมื่อไปถึงตรงหน้ากุ้ยตงเหมย เขาคุกเข่าลงและกำลังจะพลิกตัวกุ้ยตงเหมยเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง
ด้านหลัง กู้เสี่ยวหวานหยิบโถเหล้าที่หัวหน้าฉยงทิ้งไว้หลังจากดื่มเสร็จ ถือมันไว้ในมือแน่น แล้วเดินตามหลังเอ้อร์สยงไปทีละก้าว เมื่อเห็นเขาคุกเข่าและก้มศรีษะลง
โอกาสมาถึงแล้ว!
สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กู้เสี่ยวหวานหยิบโถเหล้าและทุบมันลงตรงด้านหลังศีรษะของเอ้อร์สยงอย่างแรง
ความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมา ทำให้เขาหยุดการกระทำที่จะพลิกตัวกุ้ยตงเหมย และยกมือกุมด้านหลังศีรษะของเขาแล้วร้องโอดโอย
การเคลื่อนไหวของกู้เสี่ยวหวานนั้นแม่นยำ แต่น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของนางยังน้อยเกินไป นางไม่ได้ทำให้เขาหมดสติ เพียงแต่ทำให้เขาเลือดออกบริเวณศีรษะเท่านั้น
ชายผู้นั้นรู้สึกถึงเลือดที่ไหลซึมออกมา เขารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย จึงพยายามลุกขึ้นและคว้าตัวกู้เสี่ยวหวานเอาไว้
เอ้อร์สยงไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่ากุ้ยตงเหมยที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นหยิบไม้ท่อนหนึ่งจากบนพื้นขึ้นมา แล้วฟาดไปที่ศีรษะของเขาเต็มแรง
เอ้อร์สยงล้มลงทันที หากแต่ยังไม่หมดสติ เขานอนราบกับพื้นโดยกุมศีรษะไว้และร้องคร่ำครวญ
กู้เสี่ยวหวานไม่กล้าที่จะลังเลอีกต่อไป นางหยิบไม้ขึ้นมาจากพื้น และกระแทกลงบนส่วนล่างของร่างกายเอ้อร์สยง
เอ้อร์สยงกุมส่วนกลางลำตัวของเขาและส่งเสียงคร่ำครวญน่าสังเวชออกมา ราวกับจะทำลายค่ำคืนที่เงียบสงบ
เมื่อกุ้ยตงเหมยเห็นว่าตนเองตีคน มือของนางก็สั่นเล็กน้อย และไม้ในมือก็ตกลงไปที่พื้นทันที นางตกตะลึง
กู้เสี่ยวหวานไม่มีเวลาคิดมาก นางดึงกุ้ยตงเหมยที่ยังคงตกใจและพูดว่า “ไปเถอะ ก่อนที่พี่ชายของเขาจะมาถึง หนีออกไปกันเถอะ หากรอพี่ชายของเขากลับมา พวกเรามีแต่จะตายทั้งนั้น”
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าการตีของนางค่อนข้างโหดเหี้ยมสำหรับเอ้อร์สยง
เอ้อร์สยงผู้นี้ไม่ใช่ภัยคุกคามใหญ่ หากแต่คือพี่ชายของเขาต่างหาก
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อฟังคำพูดพี่ชายของเขาเป็นอย่างมาก ใครจะรู้ว่าเขาจะทำอะไรตามคำพูดของพี่ชายของเขาบ้าง นี่เป็นภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้าม!
เอ้อร์สยงกุมส่วนกลางลำตัวของเขาไว้ในมือหนึ่ง และอีกมือหนึ่งกุมหน้าพลางนอนร้องไห้อยู่บนพื้น
กู้เสี่ยวหวานดึงกุ้ยตงเหมยและวิ่งหนีไป
หลังจากวิ่งออกไปได้ กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ที่ประตูและมองไปข้างนอกสักพัก จากนั้นดึงกุ้ยตงเหมยแล้วเริ่มออกวิ่ง
ตอนนี้พวกนางอยู่บนภูเขา หัวหน้าสยงกำลังไปส่งคนที่ต้าย่วนจื่อให้ถูหมิ่น กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าต้าย่วนจื่ออยู่ที่เชิงเขา ถ้าหัวหน้าสยงกลับมา เขาจะต้องเดินขึ้นมาจากข้างล่างแน่นอน
พวกเขาไม่สามารถลงภูเขาตามปกติได้ ถ้าบังเอิญเจอเข้ากับหัวหน้าสยง ตนเองก็คงถูกส่งไปที่ปากเสือจริง ๆ
พวกนางทำได้เพียงวิ่งขึ้นภูเขาเท่านั้น
กู้เสี่ยวหวานดึงกุ้ยตงเหมยให้วิ่งขึ้นไปบนภูเขา ระหว่างวิ่งก็มองย้อนกลับไปว่ามีผู้ใดไล่ตามตนมาหรือเปล่า
ทั้งสองวิ่งอยู่ประมาณครึ่งชั่วยาม ยิ่งวิ่งเข้าไปลึกเท่าใด ต้นไม้รอบข้างก็ยิ่งหนาแน่น
กู้เสี่ยวหวานวิ่งอย่างบ้าคลั่ง กิ่งไม้รอบ ๆ เกี่ยวเสื้อผ้าและข่วนผิวหนังของนาง แต่กู้เสี่ยวหวานไม่ได้สนใจจะร้องออกมา
นางกัดฟันและวิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต เพียงเพื่อจะหาที่ปลอดภัยในการเอาตัวรอด อาการบาดเจ็บเหล่านี้ไม่สำคัญ เพราะสองพี่น้องนั่นน่ากลัวกว่า!
หลังจากวิ่งไปได้สักพัก
“ไม่ไหวแล้ว ข้าวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว” กุ้ยตงเหมยหยุดชะงัก เอนกายพิงตนไม้แล้วทรุดตัวลงนั่ง
กู้เสี่ยวหวานก็หยุดวิ่ง และมองไปรอบ ๆ
กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าตนเองวิ่งมาถึงที่ใด
ทุกหนทุกแห่งมืดสนิทและเงียบสงัด เว้นแต่เสียงต้นไม้ที่หวีดหวิวยามสายลมพัด
แต่ว่าตอนนี้ หากพวกเขามาตามหาที่แห่งนี้ พวกเขาอาจจะเจอตัวพวกนางได้
สายลมยามค่ำคืนนั้นหนาวเหน็บ เนื่องจากวิ่งอยู่นานทำให้ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ เมื่อสายลมพัดผ่าน ร่างกายก็พลันสั่นสะท้าน
“ไม่ได้ พวกเรายังต้องหาที่ซ่อน!” กู้เสี่ยวหวานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างใจเย็น
ประการที่หนึ่ง ในตอนนี้พวกนางไม่รู้เลยว่าตนเองอยู่ที่ใด หากพวกเขาตามมาแล้วเห็นพวกนางยืนอยู่ที่นี่อย่างไม่ระมัดระวัง นี่ไม่ใช่การรอให้ทั้งสองคนตามมาจับตัวพวกนางไปอีกหรอกหรือ?
ประการที่สอง ตอนกลางคืนอากาศหนาวเย็น หากตากลมทั้งคืนเช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้เช้าอาจจะหนาวตาย ประการที่สาม ไม่รู้ว่าที่นี่มีสัตว์ร้ายหรืออะไรทำนองนั้นอยู่หรือไม่ หากไม่หาที่ปลอดภัยตอนนี้ มันจะอันตรายเกินไป!
จู่ ๆ กุ้ยตงเหมยก็ค้านหัวชนฝา “ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าวิ่งต่อไปไม่ได้แล้ว หากต้องวิ่งอีกเจ้าก็วิ่งไปเสียเถอะ! ข้ายังคงเวียนหัวอยู่เลย!”
กู้เสี่ยวหวานร้อนใจเล็กน้อย “กุ้ยตงเหมย มันไม่ง่ายเลยที่เราจะหนีออกมาได้ เจ้าต้องการล้มเลิกกลางทางอย่างนั้นหรือ?”
พวกนางยังไม่ปลอดภัยจนกว่าจะถึงบ้าน
แต่กุ้ยตงเหมยหอบหายใจและพูดว่า “ไม่ไหวแล้ว เราวิ่งมาเป็นเวลานานแล้ว และก็ไม่เห็นใครไล่ตามเรามาเลย ป่านี้ก็ทึบมาก พวกเขาหาเราไม่เจอแน่นอน”
หลังจากหยุดชั่วคราว กุ้ยตงเหมยก็พูดต่อ “ไม่ต้องรอให้สองพี่น้องนั่นฆ่าตาย ข้าก็จะเหนื่อยตายก่อนอยู่แล้ว!”
กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว และมองท่าทางแน่วแน่ของกุ้ยตงเหมย
นางก็คิดในใจว่า ข้าขอยอมตายด้วยความเหน็ดเหนื่อย ดีกว่าปล่อยให้ชีวิตอยู่ในมือของผู้อื่น
กู้เสี่ยวหวานมองไปรอบ ๆ เพื่อหาพุ่มไม้และหวังว่าจะหาที่หลบลม
บริเวณโดยรอบไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว คนเหล่านั้นไม่ได้ตามมา ทำให้นางรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย เมื่อกุ้ยตงเหมยพักจนหายเหนื่อย พวกนางจะเริ่มมองหาที่พักอีกครั้ง
เมื่อยังไม่ปลอดภัยก็ไม่อาจะประมาทได้