ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 589 กุ้ยตงเหมย ผู้สมควรได้รับมัน
บทที่ 589 กุ้ยตงเหมย ผู้สมควรได้รับมัน
บทที่ 589 กุ้ยตงเหมย ผู้สมควรได้รับมัน
ฉินเย่จือทั้งโกรธและเป็นทุกข์ ดวงตาเรียวยาวเพียงแค่มองไปที่กู้เสี่ยวหวานเช่นนั้น กู้เสี่ยวหวานพลันรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยความสุขเมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ของฉินเย่จือ
ลูกแมวน้อยตัวนี้พูดเช่นนั้นจริง ๆ เขาต้องรีบไปสร้างบ้านในเมืองแล้วเกลี้ยกล่อมกู้เสี่ยวหวานให้ซื้อคนใช้กลับมาสองสามคน
เขาจะปล่อยให้ลูกแมวของเขาทำงานหนักต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
ฉินเย่จือลอบตัดสินใจ เมื่อเขามองไปที่กู้เสี่ยวหวาน ดวงตาเขาก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างลึกล้ำ
เขาห่มผ้าให้กู้เสี่ยวหวานพลางกระซิบว่าพักผ่อนได้แล้ว ก่อนหันหลังเตรียมจะออกไป
แต่กู้เสี่ยวหวานกลับดึงเขาไว้จากด้านหลังโดยไม่คาดคิด
มือเล็ก ๆ ที่อ่อนนุ่มบีบสองนิ้วเรียวยาวของเขา ซึ่งเขาพลิกกลับมากุมฝ่ามือเล็ก ๆ ไว้ในมือแน่น แล้วหันกลับมาถามอย่างแผ่วเบาว่า “มีอะไรหรือ?”
“เกิดเรื่องอะไรผิดปกติกับกุ้ยตงเหมยหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานถามด้วยดวงตาคาดคั้น
จากน้ำเสียงของนาง ดูเหมือนว่านางจะคาดการณ์เรื่องของกุ้ยตงเหมยได้แล้ว
ฉินเย่จือไม่สามารถซ่อนมันได้อีกแล้ว แต่เขาเลือกไม่บอกกู้เสี่ยวหวาน เพราะกลัวว่าเรื่องสกปรกนี้จะทำให้นางตกใจ
กุ้ยตงเหมยสมควรได้รับผลดังกล่าว ทั้งหมดมันเป็นความผิดของนางเอง ฉินเย่จือจึงไม่รู้สึกสงสารเลย
แต่กู้เสี่ยวหวานไม่คิดอย่างนั้น แม้ว่ากุ้ยตงเหมยสมควรถูกลงโทษกับสิ่งที่นางทำลงไป แต่ถ้านางได้รับบทเรียนที่โหดร้ายเช่นนี้จริง ๆ มันจะโหดร้ายเกินไป
นี่คือความใจดี ในใจของกู้เสี่ยวหวานจะมีด้านที่อ่อนโยนและใจดีอยู่เสมอ
แม้ว่านางจะไม่ใช่แม่พระ แต่อย่างน้อยนางก็มีจิตใจดี!
“ที่เจ้าช่วยข้าในวันนั้น ข้าจำอะไรไม่ได้เลย ทั้งหมดที่ข้ารู้คือเจ้าดึงข้าออกจากถ้ำ แต่ข้าจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป” กู้เสี่ยวหวานกล่าว
ฉินเย่จือเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานอยากรู้ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งลงด้านข้างกู้เสี่ยวหวาน โดยมือนั้นยังคงกุมมือเล็ก ๆ ของกู้เสี่ยวหวานไว้ ซึ่งกู้เสี่ยวหวานดูเหมือนจะไม่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ก่อนที่ข้าจะไปช่วยนางในวันนั้น ข้าได้ช่วยกุ้ยชุนเจียวในลานใหญ่” ฉินเย่จือบอกกู้เสี่ยวหวานโดยละเอียดเกี่ยวกับการช่วยชีวิตของกุ้ยชุนเจียวในวันนั้น
หลังจากฟัง กู้เสี่ยวหวานก็พยักหน้า “ดีแล้ว!”
นางยังคงจำได้ ในยามนั้นกุ้ยชุนเจียวอยู่ในกระท่อมและทำการอ้อนวอนเพื่อนาง
แม้ว่านางจะถูกจับ แต่ทั้งหมดเป็นเพราะกุ้ยตงเหมยและถูหมิ่น ส่วนกุ้ยชุนเจียวมีจิตใจที่ดี ซึ่งเห็นได้จากการที่นางขอร้องให้กู้เสี่ยวหวาน
“แล้วกุ้ยตงเหมยล่ะ?”
“หลังจากที่ข้าช่วยนาง ข้าก็ลงจากภูเขา ข้าไม่ได้ไปหากุ้ยตงเหมยต่อ!” ฉินเย่จือกล่าว “ต่อมาเป็นตระกูลกุ้ยที่ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อช่วยนาง!”
“นางเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่ค่อยดีนัก…” ฉินเย่จือพูดด้วยสีหน้าว่างเปล่า แต่มือของเขาไม่หยุด เขาดึงมือเล็ก ๆ ของกู้เสี่ยวหวาน แล้ววาดวงกลมบนฝ่ามือของนาง
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกคันเล็กน้อยที่ฝ่ามือ นางจึงปิดฝ่ามือโดยไม่รู้ตัวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าเกา มันจั๊กจี้!”
ฉินเย่จือรับคำอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ เจ้าพักผ่อนให้ดี!”
จากนั้นเขาก็รีบวางมือของกู้เสี่ยวหวานลงบนเตียง และเดินออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามอง
กู้เสี่ยวหวานยังคงคิดเรื่องที่เขาเพิ่งเกาบนฝ่ามือของนาง ซึ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว นางก็ยังงุนงงเล็กน้อย
แต่จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ตอบคำถามของนางเลย!
คนหายไปแล้ว
ทั้งป้าจางและฉินเย่จือไม่เคยบอกนางเกี่ยวกับเรื่องของกุ้ยตงเหมยเลย กู้เสี่ยวหวานจึงรับรู้ได้จากการแสดงออกและท่าทางของพวกเขาว่า สถาการณ์ของกุ้ยตงเหมยต้องไม่ดีอย่างแน่นอน
อั้ย…
ทำตัวเองจริง ๆ!
นี่เรียกว่าทำร้ายคนอื่น แต่กลับทำร้ายตัวเองไม่ใช่หรือ?
นางวางแผนร่วมมือกับถูหมิ่นและผูกมัดตัวเอง แต่นางไม่คิดว่าถูหมิ่นจะหักหลังนาง มัดนางไว้ และมอบนางให้กับพวกค้ามนุษย์ และสุดท้ายก็จบลงเช่นนี้
กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจแล้วหลับตาลง นางรู้สึกเหนื่อยจึงผล็อยหลับไป
นอกบ้าน ฉินเย่จือได้ยินเสียงถอนหายใจของกู้เสี่ยวหวาน
ดวงตาของเขามองอย่างดุดันไปในทิศทางของตระกูลกุ้ย
ขณะนี้ตระกูลกุ้ยกำลังประสบปัญหา!
หลังจากได้รับข่าวจากฉินเย่จือ ผู้คนในตระกูลกุ้ยก็ไปที่หมู่บ้านเหมยเพื่อตามหากุ้ยชุนเจียว เมื่อรู้ว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว จึงขึ้นไปบนภูเขาเพื่อตามหากุ้ยตงเหมย
กุ้ยชุนเจียวได้รับการช่วยเหลือจากฉินเย่จือในช่วงเวลาวิกฤตจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น และกลับไปที่บ้านตระกูลกุ้ยอย่างปลอดภัย
แต่กุ้ยตงเหมยล่ะ?
นางถูกนำกลับมาโดยเหลือแค่หนึ่งลมหายใจ
เดิมทีคิดว่ากู้เสี่ยวหวานสบายดีแล้ว กุ้ยตงเหมยก็คงจะสบายดีเช่นกัน
แต่เมื่อครอบครัวกุ้ยพบกุ้ยตงเหมยก็เป็นเวลาเที่ยงวันของวันรุ่งขึ้น
ไม่รู้ว่าสองคนนั้นไปที่ใด หรือไม่ก็อาจได้ยินเสียงพวกเขามา จึงวิ่งหนีไปแล้ว
เมื่อพบกุ้ยตงเหมย กุ้ยตงเหมยก็ไม่อาจอธิบายด้วยคำว่าดีหรือไม่ดีอีกต่อไป
เสื้อผ้าของกุ้ยตงเหมยถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ และร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำม่วงเหมือนตุ๊กตาผ้าขาดวิ่น นางนอนเหมือนตายอยู่ในกอหญ้า
ปรากฏว่าหลังจากที่กุ้ยตงเหมยวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับสองพี่น้องสยง ด้วยความมืดและมองไม่เห็นทาง กุ้ยตงเหมยจึงหลงทาง และในที่สุดนางก็วิ่งกลับไปโผล่ตรงหน้าสองพี่น้องสยงที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้วยความงุนงง
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าแกะวิ่งเข้าปากเสือ
เดิมทีหัวหน้าสยงนั้นก็กลัดมันอยู่แล้ว เมื่อเห็นกุ้ยตงเหมยวิ่งกลับมาอีกครั้ง เขาจะปล่อยกุ้ยตงเหมยไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
เขาจึงคว้าตัวนางและระบายอารมณ์อย่างรุนแรงหนึ่งวันหนึ่งคืน
จนกระทั่งกุ้ยตงเหมยลืมตาค้างราวกับว่าตายไปแล้ว ทั้งยังได้ยินเสียงตะโกนจากใกล้ ๆ หัวหน้าสยงจึงลุกออกจากร่างของกุ้ยตงเหมยอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะรีบแต่งตัวและวิ่งหนีไปพร้อมกับเอ้อร์สยง
ในขณะนี้ กุ้ยชุนเจียวเข้าไปในบ้านพร้อมกับชามยา
หลังจากพักผ่อนมาหลายวัน กุ้ยตงเหมยก็ตื่นขึ้นในที่สุด
ทว่านางเหมือนเสียสติไปแล้ว
ยามนี้กุ้ยตงเหมยนั่งกอดเข่าพลางซ่อนตัวอยู่ที่มุมกำแพง เมื่อนางเห็นใครเข้ามาใกล้ก็จ้องไปที่คน ๆ นั้นด้วยท่าทางดุร้ายเหมือนสัตว์เดรัจฉานที่พร้อมพุ่งเข้าใส่ได้ทุกเมื่อ หากอีกฝ่ายหนึ่งทำอะไร นางจะรีบพุ่งไปกัด