ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 620 ขังพวกนางไว้
บทที่ 620 ขังพวกนางไว้
บทที่ 620 ขังพวกนางไว้
ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดหวั่น หลังจากได้ยินคำสั่งของฮูหยินเหลียง ทุกคนก็ก้าวไปข้างหน้าทันทีและวิ่งเข้าไปในลาน คนจำนวนมากเข้าสู่สนามรบและในที่สุดก็ปราบกู้หนิงผิงลงได้ ตราบใดที่ควบคุมเด็กคนนี้ได้ ก็จะรับมือกับกู้เสี่ยวหวานได้มากขึ้น
สามคนก้าวไปข้างหน้า คนหนึ่งลากกู้เสี่ยวอี้ที่กำลังจับมือกู้เสี่ยวหวานอยู่ และอีกสองคนจับมือกู้เสี่ยวหวาน
กู้หนิงผิงถูกควบคุมโดยพวกเขา เด็กคนนั้นไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตนเองแม้แต่น้อย เพียงกังวลเกี่ยวกับการปกป้องพี่สาวของเขา
แค่ก้มหน้ามองลงมาก็พบว่าพี่สาวถูกชายฉกรรจ์สองคนจับไว้
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ดิ้นรน นางรู้ว่าการต่อสู้นั้นไร้ประโยชน์ การเก็บแรงเอาไว้ใช้ยามจำเป็นจะดีกว่า
“พวกท่านปล่อยพี่สาวข้า ปล่อยพี่สาวข้านะ!”
กู้หนิงผิงตะโกน เขาพยายามอย่างหนักที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของคนที่จับเขาไว้ หากแต่มันก็ไม่มีประโยชน์
ครั้นฮูหยินเหลียงเห็นว่าจับกู้เสี่ยวหวานได้ราบรื่นมาก ยกเว้นกู้หนิงผิงที่ดิ้นรนตะเกียกตะกาย แต่กู้เสี่ยวหวานไม่ได้พยายามเลย
นางยิ้มในใจ มองไปที่กู้หนิงผิงและกล่าวว่า “หนิงผิง ไม่ต้องกังวล พี่สาวของเจ้าจะไม่เป็นไร ตราบใดที่ทังป้านเซียนมาและไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายของนาง พี่สาวของเจ้าก็จะไม่เป็นไร!”
“ท่านนั่นแหละที่เป็นปีศาจร้าย! ท่านคือปีศาจร้าย!” กู้หนิงผิงกรีดร้องเมื่อเห็นฮูหยินเหลียงอ้าปากและกล่าวหาว่าพี่สาวของเขาโดนวิญญาณร้ายเข้าสิง ร่างกายของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงและกรีดร้องออกมา
เมื่อมองไปที่พี่สาวอีกครั้งก็เห็นนางกำลังมองมาที่ตนอย่างลำบากใจ “หนิงผิง เจ้าต้องเชื่อฟังข้า!”
คนสองคนนั้นดึงกู้เสี่ยวหวานเดินจากไป กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ด้านหลังพยายามคว้าเสื้อผ้าของกู้เสี่ยวหวานพลางร้องไห้อย่างหนัก
“ท่านพี่…”
“ท่านพี่… พี่สาวของข้าไม่ใช่คนไม่ดี พวกท่านอย่าจับนาง!”
เด็กทั้งสองร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างทุกข์ระทม
หากแต่ไร้ซึ่งหนทาง ฮูหยินเหลียงไม่สนใจ ไม่ว่าเด็กทั้งสองจะเศร้าโศกเพียงใด นางไม่ได้หวั่นไหวเลย
“ขังกู้เสี่ยวหวานไว้ในหอบรรพบุรุษ และรอจนกว่าทังป้านเซียนจะมาถึง!”
ฮูหยินเหลียงออกคำสั่ง และทั้งสองก็ลากกู้เสี่ยวหวานออกไปทันที
กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ร้องไห้เรียกพี่สาวของพวกเขา กู้เสี่ยวหวานกลัวว่าเด็กสองคนนี้จะต้องทนทุกข์ทรมานจึงพูดเสียงดัง “หนิงผิง อย่าร้องไห้ เจ้าเป็นพี่ชาย เจ้าต้องดูแลเสี่ยวอี้ให้ดี!”
เมื่อกู้หนิงผิงได้ยินพี่สาวพูดเช่นนั้น เขาก็ปาดน้ำตาและมองดูร่างที่กำลังจากหายลับไปจากสายตา นางยังคงแข็งแกร่งไร้ซึ่งความหวั่นเกรง นางกอดกู้เสี่ยวอี้ไว้ แต่ฮูหยินเหลียงไม่หยุดเพียงแค่นั้น
นางชี้ไปที่กู้เสี่ยวอี้และกู้หนิงผิง แล้วสั่งว่า “เอาเด็กสองคนนี้ไปขังไว้ด้วยกัน”
กู้เสี่ยวหวานถูกคุมตัวไปจนถึงหอบรรพบุรุษ และนางไม่รู้ว่ากู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ก็ถูกคุมขังโดยคำสั่งของฮูหยินเหลียงเช่นกัน
“ทำไมท่านต้องขังพวกเราด้วย?” กู้หนิงผิงไม่เห็นด้วยและพยายามอย่างยิ่งที่จะต่อต้าน แต่เด็กจะมีความแข็งแกร่งเช่นผู้ใหญ่ได้อย่างไร และเขาถูกรายล้อมไปด้วยคนเหล่านั้นภายในชั่วพริบตา
กู้เสี่ยวอี้ร้องไห้อย่างน่าสงสาร เมื่อเห็นว่าพี่ชายของนางต่อสู้กับคนเหล่านั้นจนถูกคนเหล่านั้นทุบตี จมูกเขียวช้ำ ใบหน้าบวมแดง กู้เสี่ยวอี้กอดกู้หนิงผิงร้องไห้ฟูมฟาม “ท่านพี่ หยุดเถอะ หยุดเถอะ”
ใบหน้าของกู้หนิงผิงช้ำและบวมเป่งเพราะถูกผู้ใหญ่เหล่านั้นทุบตี กู้เสี่ยวอี้มองไปที่ท่าทางชั่วร้ายของคนเหล่านั้น แต่พี่ชายของนางไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้เลย
เมื่อเห็นกู้หนิงผิงดิ้นรนต่อสู้ กู้เสี่ยวอี้ก็กอดเขาและร้องไห้อย่างขมขื่น “ท่านพี่พอแล้ว เสี่ยวอี้กลัว เสี่ยวอี้กลัว!”
กู้หนิงผิงไม่กล้าที่จะเมินน้องสาว เขาลูบศีรษะกู้เสี่ยวอี้และกล่าวว่า “ข้าต้องออกไป!”
กู้หนิงผิงรู้ว่าหญิงแก่ผู้นี้เพียงต้องการขังเขาและเสี่ยวอี้เพื่อควบคุมพวกเขา ป้องกันไม่ให้พวกเขาติดต่อกับโลกภายนอก
พี่สาวของเขาโดนจับตัวไป แล้วถ้าพี่สาวโดนทำร้ายล่ะ จะทำเช่นไร?
พวกเขาคงจะขังพี่สาวของตนไว้ในหอบรรพบุรุษ และรอให้ทังป้านเซียนอะไรนั่นมาตัดสินพี่สาวอย่างนั้นหรือ?
ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!
เขาต้องหาคนช่วยพี่สาวของเขาให้ได้ เขาต้องทำ!
กู้หนิงผิงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลบหนี แต่เขาสู้กับกับผู้ใหญ่เหล่านั้นไม่ได้
กู้หนิงผิงถูกทุบตีไปทั้งตัว และในท้ายที่สุดเขาก็ถูกผู้ใหญ่พวกนั้นทุบตีจนทรุดฮวบนอนอยู่บนพื้นจนไม่สามารถขยับตัวได้
กู้เสี่ยวอี้กอดกู้หนิงผิงและร้องไห้ พี่สาวถูกจับตัวไป พี่ชายยังถูกทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้อีก
“หยุดร้องได้แล้ว ให้สองคนนั้นไปอยู่ในห้องเก็บฟืนในหมู่บ้าน แล้วส่งคนสองคนไปเฝ้า”
ฮูหยินเหลียงมองไปที่กู้หนิงผิงที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นและพูดอย่างไม่พอใจ
จากนั้นชาวบ้านสองคนก็อุ้มกู้หนิงผิงพาดไว้บนบ่า และอีกคนก็อุ้มกู้เสี่ยวอี้ไป
ลูก ๆ ของครอบครัวกู้ทั้งสามคนถูกพาตัวไป ครอบครัวกู้ที่เมื่อครู่ยังคึกคักก็กลับมาเงียบอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่ากู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ถูกพาตัวไป ไม่ต้องบอกว่าฮูหยินเหลียงพึงพอใจแค่ไหน
ตราบใดที่เด็กเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุม ก็จะไม่มีใครมาช่วยพวกเขาได้ เมื่อทังป้านเซียนมาถึงก็จะมีวิธี
ประเด็นสำคัญคือ ไม่มีใครสามารถรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของกู้เสี่ยวหวานได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฮูหยินเหลียงมองดูท้องฟ้าที่ยังเช้าอยู่ ชาวบ้านที่มาดูจึงไม่ได้มากนัก
“กู้เสี่ยวหวานถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง ซึ่งนั่นทำให้หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงหวาดกลัว ข้าได้ส่งคนไปตามทังป้านเซียนมาเพื่อขับไล่วิญญาณร้ายแล้ว พวกเจ้าต้องหุบปากและอย่าพูดเรื่องไร้สาระข้างนอก หากวิญญาณร้ายไปทำร้ายพวกเจ้าล่ะก็ อย่าโทษว่าข้าไม่เตือน!”
ฮูหยินเหลียงมองดูฝูงชนและกล่าวอย่างดุดัน
คนรอบข้างเมื่อได้ยินก็ตกใจ
พวกเขาได้แต่มองหน้ากัน
เมื่อเห็นท่าทางที่ชั่วร้ายของฮูหยินเหลียง พวกเขาทั้งหมดก็พยักหน้าและยืนยัน “ไม่ต้องกังวล ไม่พูดแน่ ไม่พูดแน่!”
เมื่อเห็นว่าคนเหล่านี้รับปากแล้ว ฮูหยินเหลียงก็หุบปาก สายตาไม่ดุร้ายเหมือนเมื่อครู่
อย่างไรก็ตาม หลังจากมองไปรอบ ๆ ชาวบ้านผู้ซึ่งถูกสายตาที่ขุ่นมัวของฮูหยินเหลียงกวาดไป ทุกคนรู้สึกกลัวเล็กน้อยและก้มหน้าลงทีละคน
ฮูหยินเหลียงมองดูใบหน้าที่หวาดกลัวของคนเหล่านี้ด้วยความพึงพอใจ แล้วกล่าวว่า “หัวหน้าครอบครัวของข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านอู๋ซีมาเป็นเวลาหลายสิบปี และเขามักจะคิดถึงทุกคนเสมอ คราวนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นปีศาจร้าย แน่นอนว่าเขาต้องช่วยจัดการแทนทุกคนอย่างแน่นอน! ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ทังป้านเซียนมาและทำในสิ่งที่เขาพูด เขาจะสามารถขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างของกู้เสี่ยวหวานได้ อย่ากังวล!” ฮูหยินเหลียงเกลี้ยกล่อมอย่างจริงใจ