ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 637 ช่วยหนิงผิงและเสี่ยวอี้ออกมา
บทที่ 637 ช่วยหนิงผิงและเสี่ยวอี้ออกมา
บทที่ 637 ช่วยหนิงผิงและเสี่ยวอี้ออกมา
“คราวที่แล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าเหมียวเอ้อร์ตายแล้ว…”
“ว่าอย่างไรนะ? เหมียวเอ้อร์ตายแล้ว?” หลี่ฝานเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ท่าทางของเขาตกตะลึงอย่างที่สุด
เมื่อเห็นใบหน้าไม่สบอารมณ์ของฉินเย่จือ หลี่ฝานก็หวาดกลัวเล็กน้อย เขาก้มศีรษะลงและหุบปากอย่างรวดเร็ว
“เรื่องของเหมียวเอ้อร์ถูกขุดขึ้นมา และพวกเขากล่าวหาหวานเอ๋อร์อย่างผิด ๆ ในวันพรุ่งนี้เจ้าไปที่ศาลาว่าการเพื่อจัดการเรื่องนี้” ฉินเย่จือกล่าวเสียงแผ่วเบา
หลี่ฝานเกิดความอยากรู้อยากเห็น หากแต่ไม่ได้ถามสิ่งใดให้มากความ ทำเพียงแค่พยักหน้าและตอบรับ
แม้ว่าไม่รู้ว่านายท่านพูดเรื่องนี้ทำไม แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าของนายท่าน และเรื่องของเหมียวเอ้อร์เกรงว่ามันจะเป็นเรื่องไม่ดี!
“เขายังไม่ตาย!” หลังจากหยุดชะงักไปชั่วคราาว ฉินเย่จือก็พูดขึ้นอีกครั้ง
หลังจากฟังเรื่องนี้ หลี่ฝานก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “นายท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเรื่องนี้ในวันพรุ่งนี้ และมันจะไม่ทำลายชื่อเสียงของสาวน้อยเสี่ยวหวานอย่างแน่นอน!”
ฉินเย่จือพยักหน้า
เขานั่งเหม่ออยู่ครู่หนึ่งบนเก้าอี้ หลี่ฝานเห็นเช่นนั้นจึงรีบพูดขึ้นว่า “นายท่าน ท่านต้องพักสักครู่ สาวน้อยเสี่ยวหวานยังมีข้าอยู่ที่นี่!”
ฉินเย่จือเหลือบมองไปทางด้านข้าง หลี่ฝานจึงรีบหุบปากฉับ
ทำความเคารพ จากนั้นก็ถอยออกไป
ฉินเย่จือกลับมาที่ห้องด้านหลัง มองกู้เสี่ยวหวานแล้วใบหน้าของนางดูดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อลองสัมผัสอุณหภูมิบนหน้าผากของนาง ดูเหมือนว่าจะไม่ร้อนนัก หากแต่หัวใจยังรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ภายใต้แสงเทียน สะท้อนให้เห็นใบหน้าอันสมบูรณ์แบบของฉินเย่จือ
เขาแค่จับมือของกู้เสี่ยวหวาน และมองที่ใบหน้าของนางอย่างแน่วแน่
แสงเทียนสลัวสะท้อนบนใบหน้าที่ผ่ายผอมราวกับเมล็ดแตงโมของกู้เสี่ยวหวาน
ในที่สุดเขาก็สามารถดูแลกู้เสี่ยวหวานได้เล็กน้อยจากเหตุการณ์สุดท้าย
ภัยพิบัติครั้งนี้ทำให้นางต้องได้รับคืนเงินทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย
ครั้นเห็นแก้มตอบของนาง ฉินเย่จือก็รู้สึกเป็นทุกข์
นิ้วเรียวลูบไล้แก้มของนาง และความอบอุ่นจากเนื้อของนิ้วมือทำให้เขาตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว
มีแรงกระตุ้นในการฆ่าอย่างบ้าคลั่งเกิดขึ้นในหัวใจ ซึ่งทำให้เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
ฉินเย่จือคิ้วขมวดจ้องไปที่นางด้วยความรักและไม่เคยขยับไปไหน หญิงร่างบอบบางผู้นี้ ตอนนี้นางสูญเสียเนื้อไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“หวานเอ๋อร์ เจ้าต้องหายเร็ว ๆ นะ!” น้ำตาของเขาไหลอาบแก้มแล้วหยดลงบนที่นอน จากนั้นไม่นานมันก็ซึมหายไป
ภายในห้อง นอกจากแสงเทียนสลัว มีเพียงคนที่สะอื้นไห้ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
หลี่ฝานมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านอู๋ซีเพื่อหาคนด้วยท่าทางดุดัน หากใครได้ยินเสียงนี้ เกรงว่าผู้นั้นคงจะเป็นลมจากความตื่นตระหนก
วันรุ่งขึ้น ขณะที่ท้องฟ้าแจ่มใส ฉินเย่จือเพิ่งเปลี่ยนผ้าและเช็ดหน้าให้กู้เสี่ยวหวานเสร็จ เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู “หนิงผิงและเสี่ยวอี้มาแล้ว”
จากนั้นก็ได้ยินเสียงเปิดประตู เสียงฝีเท้าจากข้างนอกก็ดังขึ้น และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ที่น่าสงสาร “ท่านพี่… ท่านพี่”
เด็กน้อยสองคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกด้วยความเร่งรีบ จากนั้นกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ก็เห็นพี่สาวของพวกเขานอนอยู่บนเตียง พลันก็ร้องไห้โฮออกมา
“ท่านพี่ ฮือ ๆ…”
“ฮือ ๆ… ท่านพี่ ข้าคือเสี่ยวอี้! ท่านพี่ได้ยินเสียงของข้าหรือไม่…”
คนบนเตียงนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ทำได้เพียงปล่อยให้ทั้งสองร้องไห้ และไม่อาจลืมตาขึ้นมาได้
ฉินเย่จือกลัวว่าหากพวกเขายังคงร้องไห้แบบนี้ต่อไป มันจะเป็นการรบกวนกู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นเขาจึงรีบไปข้างหน้าและคว้าตัวทั้งสองคนไว้ “หนิงผิง เสี่ยวอี้ อย่าร้องไห้นะ พี่สาวของพวกเจ้าต้องการพักผ่อน ให้นางพักผ่อนสักหน่อยดีหรือไม่!”
ทันทีที่ฉินเย่จือพูดเช่นนี้ กู้หนิงผิงกับกู้เสี่ยวอี้ก็หยุดร้องไห้ทันที และพูดพลางสะอึกสะอื้น “ตกลง…”
จากนั้นฉินเย่จือก็พาพวกเขาออกจากห้อง แต่เมื่อออกไป เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของกู้หนิงผิงที่มีรอยฟกช้ำ “หนิงผิง เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของเจ้า…”
เมื่อกู้เสี่ยวอี้ได้ยินคำพูดของฉินเย่จือ นางก็สะอื้นอีกครั้งด้วยเสียงต่ำ “พี่ใหญ่ฉิน พวกเขาตีพี่หนิงผิง พวกเขาทั้งหมดตีพี่ชาย… ”
“ฮือ ๆ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ได้เรียนรู้ทักษะจากอาจารย์ให้คล่องแคล่ว จึงไม่สามารถช่วยพี่สาวของข้าได้…” กู้หนิงผิงกล่าวอย่างโกรธจัด และมีความสำนึกผิดอย่างสุดซึ้งปรากฏในดวงตาของเขา
“หนิงผิง เจ้าบอกข้าทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านตั้งแต่ข้าจากไป?” ใบหน้าของฉินเย่จือเย็นเยือก
ฉนเย่จือเห็นความโกรธบนใบหน้าของกู้หนิงผิงได้อย่างชัดเจน
เมื่อหลี่ฝานมาที่นี่ เขาได้ยินกู้หนิงผิงเรียกนายท่านของเขาว่าอาจารย์ เป็นไปได้หรือไม่ที่กู้หนิงผิงผู้นี้คงจะติดตามนายท่านของเขาเพื่อเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้?
“อาจารย์ เมื่อข้ากับเสี่ยวอี้กลับมาถึงบ้าน นางก็บอกพวกข้าว่าท่านถูกทางการพาตัวไป ดังนั้นพวกข้าจึงตื่นขึ้นก่อนรุ่งสางในเช้าวันรุ่งขึ้น กำลังจะเดินทางมาที่เมืองหลิวเจียเพื่อมาพบเถ้าแก่หลี่และขอให้เขาช่วยท่าน! แต่ทันทีที่พวกข้าออกไป พวกข้าก็พบฮูหยินเหลียง” กู้หนิงผิงบอกกับฉินเย่จือว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวานนี้โดยละเอียด
ยิ่งฉินเย่จือฟังมากเท่าไร กำปั้นก็ยิ่งกำแน่นขึ้นเท่านั้น
“พวกนางยังบอกอีกว่าพี่สาวของข้าถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงและฆ่าคน ถ้าชาวบ้านคนอื่นไม่อยากเดือดร้อนและไม่อยากให้พี่สาวของข้าทำร้ายพวกเขา พวกเขาจะต้องการเผาพี่สาวของข้าให้วิญญาณร้ายนั่นตายไปเสีย! และยังเชิญทังป้านเซียนอะไรนั่นมาอีก…”
“ทังป้านเซียน?” หลี่ฝานขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อ
เป็นชายที่ดูไม่คุ้นหน้าที่อยู่บนแท่นสูงหรือไม่? เขาสวมใส่เสื้อผ้าแปลกประหลาด ดูเหมือนจะเป็นคนบงการ!
ฉินเย่จือเหลือบมองหลี่ฝาน และหลี่ฝานก็บอกทุกอย่างที่เขารู้ทันที “ทังป้านเซียนคนนี้อาศัยอยู่ในเมืองถู่ถัง แต่ข้าได้ยินมาว่าเขาไม่ใช่คนของเมืองถู่ถัง แต่เขามาตั้งรกรากที่เมืองถู่ถังในภายหลัง…”
“ให้ไปตรวจสอบก็ตรวจสอบให้มันชัดเจน!” ฉินเย่จือคำรามด้วยเสียงต่ำ
“ข้ารู้! ข้าจะหาคำตอบและอธิบายแทนสาวน้อยเสี่ยวหวาน!” หลี่ฝานกล่าวอย่างเคารพ
กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ยังเป็นเด็ก และพวกเขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพี่สาว พวกเขาไม่ได้สังเกตว่าหลี่ฝานระมัดระวังแค่ไหนเมื่อเผชิญหน้ากับฉินเย่จือ
“พวกเจ้าลงไปพักผ่อนก่อน แล้วเมื่อเสี่ยวหวานฟื้นขึ้น ข้าจะไปเรียกพวกเจ้าเอง” ฉินเย่จือกล่าว
เขาไม่ต้องการให้การพักฟื้นของกู้เสี่ยวหวานล่าช้า เขาเพียงต้องการให้นางฟื้นตัวอย่างสงบ
กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้มองหน้ากันและส่ายศีรษะ “อาจารย์ ข้าต้องการดูนางที่นี่…”