ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 658 นอนเตียงเดียวกัน
บทที่ 658 นอนเตียงเดียวกัน
บทที่ 658 นอนเตียงเดียวกัน
การเคลื่อนไหวของฉินเย่จือนั้นอ่อนโยนราวกับว่าสิ่งเขากำลังถือสมบัติอันล้ำค่า
เมื่อเห็นฉินเย่จือกอดนาง กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกว่านางสามารถผ่อนคลายได้
นางเอื้อมมือไปโอบรอบคอของฉินเย่จือโดยไม่คิดมาก และใช้มือสัมผัสผิวหนังของเขาโดยไม่รู้ตัว
มันอบอุ่น ซึ่งทำให้นางรู้สึกทั้งอุ่นใจและอบอุ่น
ไม่ว่าเมื่อไรและที่ไหน ตราบใดที่เขาอยู่ที่นั่น นางรู้ว่านางจะมีที่หลบภัยเสมอ
ไม่ว่าพายุหรือฟ้าร้องฟ้าผ่า นางก็ไม่ต้องกลัวหรือเศร้า ขอเพียงมีเขาคอยบังลมฝน นางก็จะอยู่เย็นเป็นสุข
ฉินเย่จือรู้สึกตื่นเต้นมากที่เขารู้สึกว่ามีมือเล็ก ๆ คู่หนึ่งสัมผัสผิวของเขาเบา ๆ ทำให้หัวใจของเขาเดือดพล่านทันที
“หวานเอ๋อร์…”
มันเป็นเพียงชื่อและเขาไม่ได้พูดอะไรเลย เสียงของเขาสั่นเครือ และดูเหมือนเขาจะสำลักเล็กน้อย
ก่อนกู้เสี่ยวหวานจะรู้สึกถึงน้ำตาร้อน ๆ ไหลลงมาที่คอของนาง
กู้เสี่ยวหวานผงะเล็กน้อย “พี่ใหญ่ฉิน…”
โดยไม่คาดคิด ชายคนนั้นกอดตัวเองแน่นขึ้น กอดแน่นราวกับได้รับสมบัติที่หายไปกลับคืนมา
กู้เสี่ยวหวานกลับมามีสติ ราวกับว่านางสัมผัสได้ถึงความกังวลและความกลัวของเขาผ่านกระแสจิต มือเล็ก ๆ ของนางลูบหลังเขาโดยไม่รู้ตัวและกระซิบว่า “ข้าไม่เป็นไรแล้ว… ข้าไม่เป็นไร…”
ฉินเย่จือส่งเสียงรับคำเบา ๆ พลางเช็ดน้ำตาออก จากนั้นปล่อยตัวนาง ก่อนพับผ้านวมซ้อนกันเพิ่มอีกผืนที่ด้านหลังนาง เพื่อให้นางนอนอิง
กู้เสี่ยวหวานมองทุกสิ่งรอบตัวนางอย่างอยากรู้อยากเห็น ทุกจุดล้วนได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา แม้แต่ร่างกายของนางก็ถูกคลุมด้วยผ้านวมซึ่งแตกต่างจากผ้านวมผ้าฝ้ายที่บ้านอย่างสิ้นเชิง
อีกทั้งการตกแต่งในบ้านหลังนี้ก็ดูไม่เหมือนโรงเตี๊ยม
กู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น บางทีฉินเย่จืออาจรู้สึกได้จึงเงยหน้าขึ้นและพูดเบา ๆ ว่า “นี่คือร้านจิ่นฝู”
กู้เสี่ยวหวานเอ่ยตอบหนึ่งเสียง และเข้าใจทันที
คิดว่าหลังจากที่นางได้รับการช่วยเหลือจากฉินเย่จือ นางคงถูกพามาที่เมืองหลิวเจีย
“เจ้าเพิ่งหายจากอาการไข้สูง และเจ้ายังอ่อนแอเกินไป อย่าคิดมาก หนิงผิงกับเสี่ยวอี้อยู่ที่ปีกชั้นล่าง พวกเขาต่างสบายดี ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลไป!” ฉินอี้จือกล่าว
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า แต่นางไม่ได้กังวลเลย “ตราบใดที่เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจึงไม่ต้องกังวลอะไร!”
คำพูดที่จริงใจของกู้เสี่ยวหวานทำให้ฉินเย่จือตื่นเต้นมาก เขาคว้ามือของกู้เสี่ยวหวานและพูดอย่างมีความสุข “เจ้าหิวหรือไม่? เถ้าแก่หลี่ให้พ่อครัวทำโจ๊กร้อน ๆ ไว้ ข้าจะไปเอามาให้นะ!”
เวลานี้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าท้องของนางว่างเปล่าจริง ๆ ตัวนางถูกขังไว้ในห้องโถงบรรพบุรุษมาสองวันโดยไม่ได้กินข้าว ส่วนตอนนี้ก็ไม่รู้ว่านางหมดสติมากี่วันแล้ว
ครั้นยามนี้ไข้ลดลง นางจึงรู้สึกหิวเล็กน้อย
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานพยักหน้า ฉินเย่จือก็รีบออกมาข้างนอก ซึ่งมีคนรับใช้รออยู่ไม่ไกล เมื่อเห็นประตูเปิด คนรับใช้ก็วิ่งไปข้างหน้าทันที “นายท่านต้องการสิ่งใดหรือ?”
ตอนนี้ยังเป็นเวลาก่อนรุ่งสาง หลี่ฝานคงจะให้คนผู้นี้มาเฝ้ายาม เพื่อให้เขาได้เรียกใช้ตลอดเวลา
“ไปเอาโจ๊กมาหนึ่งชาม”
เมื่อคนรับใช้ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบรับคำสั่งและวิ่งลงไปที่ห้องครัวชั้นล่าง
หลังจากนั้นไม่นาน คนรับใช้ก็เดินขึ้นมาพร้อมกับชามโจ๊กอย่างระมัดระวัง
ครั้นฉินเย่จือป้อนโจ๊กให้กู้เสี่ยวหวานเสร็จ เขาก็เห็นว่าใบหน้าของนางมีเลือดฝาดขึ้นเล็กน้อย และอารมณ์ของนางก็ดีขึ้นตามไปด้วย
“เจ้าเหนื่อยหรือไม่? เจ้าอยากพักสักครู่ไหม? เจ้ายังต้องดื่มยาทีหลังอีก!” ฉินเย่จือพูดเบา ๆ
กู้เสี่ยวหวานทำตามที่ฉินเย่จือบอกและหลับไป
หลังจากกินโจ๊กแล้ว นางก็รู้สึกอบอุ่นและสบายตัว นางจึงอยากจะนอนหลับให้สบายอีกครั้ง
ทว่าเมื่อมองไปที่ฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อย “ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้นอนหลับมาหลายวันแล้วสินะ?”
ตอนนางตื่นขึ้นเมื่อครู่ เขาน่าจะนอนอยู่ข้างเตียงของนาง
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้พักผ่อนและดูแลตัวเอง เขาดูผอมลงมาก ซึ่งมิอาจเห็นท่าทีที่เดิมมีพลังของเขาได้อีกต่อไป ใต้ตาของเขาดำคล้ำและอิดโดรย แม้แต่คางของเขาก็มีตอเขียวขึ้น
ร่างกายของเขาดูอิดโรยมากจนใคร ๆ ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาไม่ได้พักผ่อนนานแค่ไหนแล้ว
และเขายังพยายามดูแลนางอย่างเต็มที่อีก
“หลังจากที่เจ้าหลับไป ข้ามักจะพักสายตาอยู่ที่นี่สักพัก” เมื่อเห็นความทุกข์ในดวงตาของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็อดเป็นห่วงนางไม่ได้ กลัวว่าน่างจะเป็นห่วงเขา
“นอนอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือ?” กู้เสี่ยวหวานยื่นมือออกไปและตบขอบเตียงข้าง ๆ นางเบา ๆ ความเจ็บปวดในดวงตาของนางไม่สามารถควบคุมได้
ฉินเย่จือตัวสูงนัก ถ้าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาพักผ่อนที่นี่เช่นนี้ มันจะต้องอึดอัดแค่ไหนกัน!
“อืม… ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นไร!” ฉินเย่จือไม่ต้องการทำให้นางกังวล ดังนั้นเขาจึงรีบปลอบนาง
“ทำไมเจ้าไม่พักผ่อนล่ะ ข้าไม่เป็นไรแล้ว”
“ไม่ได้ ไข้ของเจ้าเพิ่งลดลง และไม่มีใครดูแลเจ้า ดังนั้นข้าจึงต้องอยู่ดูแลเจ้าที่นี่!”
ฉินเย่จือยืนกรานที่จะไม่จากไป เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นเขายืนกรานเช่นนั้น นางก็รู้สึกสะเทือนใจและเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เมื่อมองไปที่เตียง นางขยับร่างกายเข้าไปข้างใน จากนั้นตบที่เตียงข้าง ๆ และพูดว่า “พี่ใหญ่ฉิน ทำไมเจ้าไม่นอนลงและพักผ่อนด้วยกันล่ะ!”
ดวงตาของฉินเย่จือมีแสงสว่างวาบ และความเข้มแข็งทั้งหมดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาก็สลายไปภายใต้คำพูดของกู้เสี่ยวหวาน
เมื่อเห็นนางขยับร่างกายเพื่อให้มีพื้นที่ว่างครึ่งหนึ่ง และต้องการให้เขานอนลงและพักผ่อน ฉินเย่จือยิ้มหวานเหมือนดอกไม้ทันที “ตกลง!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นและล้มตัวลงนอนข้าง ๆ
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกงุนงงเล็กน้อย คนผู้นี้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบนัก ซึ่งหลังจากที่เห็นเขานอนลง เขาก็ยังหันหน้าเข้าหานาง
หูของกู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
นอกเหนือจากการนอนกอดกู้เสี่ยวอี้ไว้ในอ้อมแขนของนางแล้ว นางก็ไม่เคยนอนเตียงเดียวกันกับใครเลย
ยังคงเป็นเช่นนี้ ตัวต่อตัว แม้ระยะห่างระหว่างทั้งสองจะไม่เกินหนึ่งฉื่อ
แต่กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจของฉินเย่จือ
ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นปรากฏอยู่ใกล้นางมาก เวลานี้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ในที่สุด เสี่ยวหวานของเราก็ฟื้นขึ้นมาสักที แถมยังมีฉินเย่จือคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ อีก อบอุ่นใจจริง ๆ
ไหหม่า(海馬)