ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 667 เข้ารับตำแหน่ง
บทที่ 667 เข้ารับตำแหน่ง
บทที่ 667 เข้ารับตำแหน่ง
มีตู้โดยสารทั้งหมดสองตู้ และคันหลังบรรทุกสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการอาศัยอยู่ที่นี่
เนื่องจากฉินเย่จือมาอาศัยอยู่ที่นี่ หลี่ฝานจึงไม่ได้จัดให้คนในร้านอาหารของเขามาที่นี่เพื่อทำความสะอาดและปฏิบัติตามความปรารถนาของกู้เสี่ยวหวาน พวกนางอาศัยอยู่ที่นี่เหมือนกับอาศัยอยู่ในหมู่บ้านอู๋ซี พึ่งพาตัวเองและไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ จากคนอื่น
ดังนั้นนอกจากคนที่จัดการทำความสะอาดสถานที่ในสองวันที่ผ่านมาแล้ว บ้านหลังนี้จึงไม่มีใครนอกจากพวกเขา
ฉินเย่จือไม่ชอบให้คนนอกมารบกวนเขา และหลี่ฝานก็รับรู้เรื่องนี้ดี!
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีอาโม่อยู่ที่นี่ด้วย หลี่ฝานก็โล่งใจมากขึ้น!
เสี่ยวเซิ่งจื่อนั่งอยู่ในรถม้าที่ด้านหลังและสั่งให้คนรับใช้ย้ายทุกอย่างในรถม้าเข้าไปข้างใน และเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เกือบจะเที่ยง
เนื่องจากร้านอาหารกลับมาเปิดทำการ หลี่ฝานจึงไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ และเตรียมตัวกลับไปดูแลร้าน
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา อาหารเรียกน้ำย่อยที่กู้เสี่ยวหวานสอนพวกเขาเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว และร้านเพิ่งกลับมาเปิดในวันนี้ ดังนั้นจึงมีการแนะนำอาหารจานใหม่เกิดขึ้น
ในตอนนี้ มีคนจำนวนมากที่ยุ่งอยู่กับการจัดระเบียบสิ่งนี้ และวางสิ่งนั้น
สวนหลี่นี้ดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าตอนแรก บรรยากาศรอบด้านอบอุ่นขึ้นจากการแนะนำของหลี่ฝาน
แม้แต่ผ้าปูที่นอนก็ยังเป็นสิ่งของใหม่
กู้เสี่ยวหวานมีตั๋วเงินติดตัวไม่กี่ใบ และนางต้องการมอบให้หลี่ฝานใบหนึ่ง เพราะอีกฝ่ายซื้อของจำนวนมากมายให้แก่พวกเขา
แต่หลี่ฝานไม่รับ “ข้าไม่ได้อาศัยอยู่สวนหลี่นี้มาหลายปีแล้ว แม้จะลงกลอนไว้แน่หนา แต่ข้ายังกังวลเล็กน้อย ครั้งนี้ดีที่เจ้ามาช่วยข้าดูบ้านหลังนี้ ข้าเองก็โล่งใจ!”
สวนหลี่เป็นเรือนที่สร้างขึ้นโดยหลี่ฝาน เมื่อตอนที่เขาเริ่มย้ายมากอยู่ในเมืองหลิวเจีย แรกเริ่มเดิมทีคิดว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป แต่หลังจากนั้นก็มีเรื่องต่าง ๆ นานาเกิดขึ้น
หลี่ฝานลอบมองฉินเย่จื่อเงียบ ๆ และเห็นว่าเขากำลังมองดูบ้านอย่างครุ่นคิด หัวใจของหลี่ฝานไม่เพียงแต่เศร้าโศกเท่านั้น แต่ยังตื่นเต้นอีกด้วย “เสี่ยวหวาน ข้าก็เคยเป็นเหมือนเจ้า ออกมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ ทำไมข้าถึงชอบเจ้ามากน่ะหรือ? นั่นก็เพราะว่าเมื่อข้าเห็นเจ้าก็เหมือนเห็นตัวเองเมื่อหลายสิบปีก่อน!”
หลี่ฝานกล่าวอย่างเคร่งขรึมด้วยสีหน้าจริงจัง
กู้เสี่ยวหวานสามารถเข้าใจได้ดี
“ท่านลุงหลี่ ขอบคุณเจ้าค่ะ!” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกขอบคุณอย่างมาก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ถ้อยคำล้วนอัดแน่นอยู่ในคำขอบคุณนี้แล้ว ซึ่งประกอบด้วยความกตัญญูทั้งหมดของนาง
“เสี่ยวหวาน พวกเราทั้งสองไม่จำเป็นต้องขอบคุณกัน สำหรับข้า เจ้าคือลูกจ้างของข้า เจ้าคือลูกสาวของข้า และเป็นสิ่งที่งดงามสำหรับข้าเสมอ ระหว่างเราเหมือนเป็นญาติสนิทมิตรสหาย เสี่ยวหวานเจ้าเป็นคนดี ในอนาคตเจ้าจะได้ดีกว่าลุงหลี่คนนี้ร้อยเท่า พันเท่า หมื่นเท่า!”
หลังจากพูดแบบนี้ หลี่ฝานก็กระโดดขึ้นไปบนรถม้าและกระซิบไปทางกู้เสี่ยวหวาน
เมื่อเห็นการจ้องมองของฉินเย่จือ หลี่ฝานก็รู้ว่านายท่านได้ยินสิ่งที่เขาพูดในตอนนี้อย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงรีบหุบปากและบอกลากู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือ
เมื่อเข้าไปในบ้าน บ้านที่เต็มไปด้วยผู้คนวิ่งยุ่งวุ่นวายเมื่อครู่ คราวนี้เหลือเพียงครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานเท่านั้น
ไม่สิ วันนี้มีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามา
“เจ้าชื่ออาโม่หรือ?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามเบา ๆ ผู้มาใหม่คนนั้นไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง แม้ว่าเขาจะโดดเดี่ยวเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานก็คอยสังเกตเขาเป็นครั้งคราว และพบว่าบุคคลนี้ระมัดระวังตัวมาก ดวงตาของเขาเป็นประกาย และเขากวาดไปรอบ ๆ ราวกับว่าเขามีพลังที่จะทะลุทะลวงหัวใจของผู้คน
เมื่อชายคนนั้นได้ยินกู้เสี่ยวหวานพูดกับเขา เขาก็รีบเดินไปจากมุม ยอบตัวลงเตรียมคุกเข่าอีกครั้ง แต่กู้เสี่ยวหวานก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเขาและกล่าวว่า “เมื่อครู่เจ้าก็ได้ยินแล้ว ข้าเกิดในครอบครัวที่ยากจน ช่วงนี้ดีหน่อยที่มีอาหารกินอิ่ม! ถ้าจะมาอยู่บ้านข้าบอกได้อย่างเดียวว่าตอนนี้ไม่มีเงินเดือน มีเพียงอาหารให้กินจนอิ่มเท่านั้น! ถ้าอยากมีรายได้ แนะนำให้ไปที่อื่นเถอะ ในเมืองมีคนรวยอีกเยอะแยะ!”
กู้เสี่ยวหวานเอ่ยวาจาน่ารังเกียจ
ถ้าคนผู้นี้ต้องการอาหารและต้องการที่พักพิง นางสามารถมอบให้เขาได้ แต่ถ้าเขาอยากได้ค่าจ้างหรืออยากมีแผนอื่นก็ต้องขอโทษด้วย นางไม่มีให้
อาโม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังพยายามกำจัดตัวเองออกไป
นายท่านอยู่กับกู้เสี่ยวหวานมานานแค่ไหนแล้ว อาโม่ได้เฝ้าดูกู้เสี่ยวหวานอย่างลับ ๆ
อาจกล่าวได้ว่าเขาเข้าใจกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานเป็นคนตรงไปตรงมาและเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก
เมื่อก่อนนางอายุเพียงเก้าขวบและไม่ค่อยมีอาหารพอกิน แต่ตอนนี้นางซื้อที่ดินและบ้านได้แล้ว
เด็กทุกคนในวัยนี้ที่เขาเห็นยังคงซ่อนตัวอยู่หลังพ่อแม่ของพวกเขา เพลิดเพลินกับความเมตตาที่พ่อแม่มอบให้
หรือเรียนฉิน หมากรุก การเขียนพู่กันและการวาดภาพในห้องส่วนตัว หรือเรียนรู้สี่หนังสือห้าคัมภีร์ในสำนักศึกษา ไม่มีเด็กหญิงและเด็กชายในวัยเดียวกับนางคนใดที่เหมือนกับกู้เสี่ยวหวานที่ต้องวิ่งวุ่นเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
นางเป็นเด็ก แต่ไม่เหมือนเด็ก นางมีความคิดและความยึดมั่นของนางเอง เหมือนผู้ใหญ่กำลังวางแผนสำหรับอนาคตอย่างไรอย่างนั้น
อาโม่ยังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าเขาคือกู้เสี่ยวหวาน เกรงว่าเขาคงทำได้ไม่ถึงครึ่งของกู้เสี่ยวหวาน
อาโม่ชื่นชมกู้เสี่ยวหวานและเต็มใจรับใช้นาง เมื่อหลี่ฝานเสนอคำแนะนำนี้ อาโม่ก็เห็นด้วยตามธรรมชาติ นอกจากจะไม่อยากให้ฉินเย่จือเศร้าอีกแล้ว เขายังชื่นชมและนับถือกู้เสี่ยวหวานอีกด้วย
นางเป็นบุคคลที่สองที่เขาชื่นชมนอกเหนือจากนายท่านของเขา
แม้ว่าตัวจะยังเป็นเด็ก แต่ก็มีความจริงใจ
อาโม่ไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขายังคงคุกเข่าลง การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วจนกู้เสี่ยวหวานไม่มีเวลาแม้แต่จะช่วยเขา
เมื่อเห็นอาโม่คุกเข่าต่อหน้านาง กู้เสี่ยวหวานก็ย้ายไปด้านข้างโดยไม่คิด
ความคิดของสังคมศักดินานี้มันแย่มาก!