ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 686 กู้หนิงอันเสียใจ
บทที่ 686 กู้หนิงอันเสียใจ
บทที่ 686 กู้หนิงอันเสียใจ
“เจ้า…” กู้หนิงอันตะลึงกับสิ่งที่กู้หนิงผิงพูด เขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว หากไม่มีต้นไม้ข้างหลังเขาก็คงจะล้มลงกับพื้น “ทำไมถึงเกิดเรื่องมากมายกับท่านพี่เช่นนี้ ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้า!”
“บอกอย่างนั้นหรือ?” กู้หนิงผิงกระตุกยิ้มเย็นชา “ข้าอยากบอกท่านนะ แต่ท่านพี่ไม่ยอม ท่านพี่บอกว่าจะทำให้การเรียนของท่านล่าช้าไม่ได้ และไม่อาจให้เกิดข้อผิดพลาดได้เด็ดขาด! แต่ถึงข้าบอกท่าน แล้วอย่างไรล่ะ? ท่านสามารถช่วยท่านพี่ได้อย่างนั้นหรือ? ท่านช่วยได้หรือไม่ล่ะ?เมื่อวานข้าก็บอกท่านไปแล้วว่า ในโลกนี้คนที่ไม่มีคุณสมบัติตำหนิอาจารย์ได้ก็คือข้าและท่าน! พวกเราก็ตกลงกันไว้แล้วว่าจะคอยปกป้องท่านพี่ แต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นฉินเย่จือที่ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องพี่สาวของเรา ไม่ใช่ท่านกู้หนิงอัน หรือข้ากู้หนิงผิง!” กู้หนิงผิงคำรามอย่างบ้าคลั่ง ชี้หน้ากู้หนิงอันและก่นด่า
หลังจากที่กู้หนิงอันได้ยินเขาก็ตกตะลึง
ปรากฏว่ามีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นกับครอบครัว!
“เจ้าบอกว่าเขาใช้ชีวิตเพื่อปกป้องท่านพี่หรือ?” กู้หนิงอันดูเหมือนจะไม่เชื่อและเอ่ยถามอีกครั้ง
“พี่หนิงอัน ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ของข้า พี่สาวของเราก็คงถูกข่มเหงด้วยสิ่งเหล่านี้นับไม่ถ้วน!” กู้หนิงผิงกล่าว “อาจารย์ใช้ชีวิตของเขาเพื่อปกป้องท่านพี่ และเขาก็รักท่านพี่มาก ท่านคิดว่าการที่ท่านใช้วิธีไม่เหมาะสมนั่นจะสามารถปกปิดและลบล้างได้อย่างนั้นหรือ?”
กู้หนิงผิงมองกู้หนิงอันด้วยความผิดหวัง
เขาครุ่นคิดมาหนึ่งวัน และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี!
แต่เมื่อเห็นท่าทางทนไม่ได้ของอาจารย์ของเขา กู้หนิงอันก็รู้สึกไม่สบายใจ
ท่าทางของพี่สาวที่มีต่ออาจารย์ของเขา ไม่ว่าใครจะพูดใส่ร้ายฉินเย่จืออย่างไร กู้เสี่ยวหวานจะไม่มีวันเชื่อ
ความเชื่อในตัวฉินเย่จื่อของนางมาจากก้นบึ้งของหัวใจ และเป็นการพึ่งพาจากก้นบึ้งของหัวใจเช่นกัน
แต่ถ้าพี่สาวมองจิตใจของกู้หนิงอันออก นางจะรู้สึกเช่นไร!
ด้านหนึ่งเป็นน้องชายของนาง และอีกด้านหนึ่งคือชายผู้ช่วยชีวิตนางมาหลายครั้ง
มันไร้ความปรานีหรือไม่ชอบธรรม?
กู้หนิงผิงไม่กล้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ การตัดสินใจที่ยากลำบากเช่นนี้ตกอยู่กับพี่สาวของเขาอีกครั้ง เกรงว่าพี่สาวจะเป็นบ้าไปเสียก่อน
ถ้านางรู้ว่ากู้หนิงอันทำให้เรื่องยุ่งยากกับฉินเย่จือครั้งแล้วครั้งเล่า นางคงเป็นทุกข์มาก!
กู้หนิงอันไม่ได้คิดมากและไม่สามารถคิดมากได้เลย
ในใจของเขา เขาทำเพื่อประโยชน์ของพี่สาวเสมอมา และเขาไม่ต้องการให้พี่สาวของเขามีชื่อเสียงแย่ ๆ กับคนนอกผู้นี้ก่อนจะถึงวัยแต่งงาน
จุดเริ่มต้นนั้นยอดเยี่ยม แต่กู้หนิงอันไม่รู้ว่าฉินเย่จือมีบุญคุณต่อกู้เสี่ยวหวาน และเขาไม่รู้ว่าหากไม่มีฉินเย่จือก็คงจะไม่มีกู้เสี่ยวหวานในวันนี้
ฉินเย่จือใช้ชีวิตของเขาเพื่อปกป้องกู้เสี่ยวหวาน และกู้เสี่ยวหวานตอนนี้ นางจะไม่ปฏิบัติต่อฉินเย่จือราวกับชีวิตของนางเองได้อย่างไร?
กู้หนิงอันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง เขาสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าลึก ๆ แต่รู้สึกว่าภายในหน้าอกของเขาถูกอัดแน่นด้วยมวลอากาศ ไม่ว่าอย่างไรก็หายใจไม่ราบรื่นราวกับลมหายใจหยุดนิ่ง อากาศก็ติดอยู่ในลำคอของเขา ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง และเนื่องจากไม่มีอากาศ การหายใจของเขาจึงเร็วขึ้น
“ข้า… ข้า…” เป็นครั้งแรกที่กู้หนิงอันได้ยินเรื่องนั้น ความตกใจและความแปลกใจราวถูกสาดน้ำเย็นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เย็นจากเท้าเข้าสู่หัวใจ
กู้หนิงอันเสียใจ เขาเหลือบไปที่กู้หนิงผิง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ มุ่ยปากไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จากนั้นทรุดตัวลงบนพื้นอย่างเศร้าสร้อยและตบแก้มตนเองอย่างแรง “มันเป็นความผิดของข้า มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด!”
“ท่านพี่ ท่านพี่…” เมื่อกู้หนิงผิงเห็นกู้หนิงอันทำร้ายตัวเอง กู้หนิงผิงก็รู้สึกลำบากใจอีกครั้ง และรีบรุดขึ้นหน้าเพื่อขวางกู้หนิงอันที่กำลังจะตบหน้าตนเองและพูดอย่างทุกข์ใจ “ท่านพี่ ท่านกำลังทำอะไรอยู่!”
“ข้าขอโทษพี่ใหญ่ฉิน… ข้าขอโทษ…” กู้หนิงอันโทษตัวเอง เขาเป็นเพียงแค่เด็ก และเมื่อได้ยินว่าตนเองทำผิดต่อใคร ตนเองจะมีหน้าไปพบเขาได้อย่างไร กู้หนิงอันก็พลันร้องไห้ออกมาทันที
เดิมทีเขาไม่ได้มุ่งเป้าหมายไปที่ฉินเย่จือ เขาเพียงแค่รักพี่สาวของตนเองอย่างสุดหัวใจ
ตนเองรู้สึกว่าพี่สาวต้องผ่านอะไรมามากมาย ชีวิตต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ และสุขสบายยิ่งขึ้น อนาคตจะแต่งงานมีลูก นี่แหละความสุขในชีวิต
เขาไม่ต้องการให้ใครก็ตามมารบกวนพี่สาวของเขาและทำลายชื่อเสียงของนาง และฉินเย่จือก็สนิทสนมกับพี่สาวของตนเกินไป แน่นอนว่าเขาทนไม่ได้!
อย่างไรก็ตาม หลังจากฟังคำพูดของกู้หนิงผิง ร่องรอยความไม่ชอบของกู้หนิงอันก็หายไป เหลือเพียงความรู้สึกผิดและสำนึกผิดอย่างสุดซึ้งเท่านั้น
“พี่หนิงอัน นางเริ่มสงสัยแล้ว ท่านไม่สามารถทำมันต่อไปได้แล้ว ถ้านางรู้ นางจะต้องโกรธแน่นอน!” กู้หนิงผิงแนะนำ เมื่อเห็นว่ากู้หนิงอันได้ยินคำพูดของเขาแล้ว หินก้อนใหญ่ในหัวใจของเขาก็ตกลงไปตามธรรมชาติ
กู้หนิงอันพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ตกลง!”
ทั้งสองพี่น้องได้บรรลุข้อตกลง
ก่อนหน้านี้ภาระในการดูแลและปกป้องพี่สาวเป็นหน้าที่ของพวกเขา แต่ตอนนี้ภาระนี้กลับตกไปอยู่บนบ่าของฉินเย่จือ กู้หนิงอันจึงไม่มีสิทธิ์หรือมีคุณสมบัติที่จะกล่าวหาฉินเย่จือได้เลย
กู้เสี่ยวหวานใกล้ชิดกับฉินเย่จือเพราะนางปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นพี่น้องกัน
เนื่องจากฉินเย่จือเป็นสมาชิกของตระกูลกู้แล้ว จะคิดเล็กคิดน้อยได้อย่างไร!
ถ้ามีคนพูดไร้สาระจริง ๆ แต่ปากก็อยู่บนหน้าคนอื่น จะไปบังคับคนเหล่านั้นไม่ให้พูดเรื่องไร้สาระได้อย่างไร!
ในรถม้ามีสวีเฉิงเจ๋อและฮูหยินสวีกำลังเดินทางกลับ
สวีเฉิงเจ๋อยังคงเงียบตลอดเวลาราวกับว่าเขามีบางอย่างอยู่ในใจ
ฮูหยินสวีเหลือบมองสวีเฉิงเจ๋อ และเมื่อนางคิดถึงสายตาของสวีเฉิงเจ๋อที่มองไปยังกู้เสี่ยวหวาน นางก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“เฉิงเจ๋อ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” จู่ ๆ ฮูหยินสวีก็เอ่ยถามซึ่งทำให้สวีเฉิงเจ๋อแปลกใจ เพราะเขากำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความคิด
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้… ข้าไม่ได้… ไม่ได้คิดอะไร!” สวีเฉิงเจ๋อพูดตะกุกตะกักราวกับกลัวว่าความคิดจะถูกอ่าน และรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
คำแก้ตัวเหล่านี้ราวกับจะปกปิด แต่มันกลับกลายเป็นการเปิดเผย