ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 7 ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
บทที่ 7 ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
บทที่ 7 ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อกู้ซินเถาเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจมลงสู่ก้นแม่น้ำราวหินก้อนหนึ่งในเวลาไม่นาน นางก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ในเดือนสิบสองแบบนี้ ขนาดใส่เสื้อนวมขนาดใหญ่ยังรู้สึกหนาวเลย แล้วน้ำในแม่น้ำที่ยิ่งเย็นยะเยือกเท่าน้ำแข็งล่ะ? ถ้าตกลงไปจะหนาวเหน็บขนาดไหน? …
สุดท้ายแล้วกู้ซินเถาก็เป็นเพียงแค่เด็กอายุสิบขวบ ในใจจึงรู้สึกตื่นตกใจขึ้นมา บนใบหน้ามีร่องรอยของความตื่นตระหนกและความหวาดกลัว เอ่ยพึมพำอยู่สองสามครั้ง “นางว่ายน้ำเก่งนักไม่ใช่หรือ?”
กู้ซินเถาหวาดกลัวและตื่นตระหนก บนผิวน้ำไร้ซึ่งริ้วกระเพื่อมไหว และไม่เห็นกู้เสี่ยวหวานลอยขึ้นมาแม้แต่น้อยทำให้นางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
นางมองไปรอบ ๆ กวาดตามองเด็กคนอื่น ๆ ที่กำลังดูเหตุการณ์ความตื่นเต้น ก่อนจ้องมองด้วยแววตาดุร้าย เด็กเหล่านั้นจึงก้มหน้าลงอีกครั้งราวกับหวาดกลัวกู้ซินเถามาก พวกเขาก้มหน้าและไม่พูดอะไร
กู้ซินเถาหันหน้ามาด่าทอกู้เสี่ยวอี้อย่างกดขี่ “นังเด็กสารเลว มันเป็นพี่สาวของเจ้าที่ตกลงไปในแม่น้ำเอง อย่ามาพูดจาไร้สาระนะ”
หลังจากพูดแบบนั้น นางก็จ้องไปที่กู้เสี่ยวอี้อย่างชั่วร้ายและขู่ว่า “ถ้าเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระอีก ข้าจะฆ่าเจ้าแน่!”
พอข่มขู่เด็กน้อยเสร็จ นางก็ไม่สนใจกู้เสี่ยวหวานอีกต่อไป ก่อนเหลือบมองไปยังแม่น้ำที่สงบนิ่ง และวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างรวดเร็ว
คนอื่น ๆ ที่ติดตามกู้ซินเถารู้ว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น หากพวกเขายังอยู่ตรงนี้ต่อไปคงต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับตนแน่ ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบหลบหนีทันที
กู้เสี่ยวอี้จึงเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในบริเวณแม่น้ำ ที่ตรงนั้นมีเพียงเสียงร้องไห้ดังลั่นกับผืนแม่น้ำสงบนิ่งเท่านั้น
“ท่านพี่ ท่านพี่…”
เนื่องด้วยเหตุการณ์นี้เอง กู้เสี่ยวหวานตัวจริงจึงเสียชีวิตในแม่น้ำ
ส่วนกู้เสี่ยวหวานในศตวรรษที่ 21 ก็ควรจะเสียชีวิตด้วยเช่นกัน แต่บังเอิญได้ย้อนเวลากลับมาและได้ครอบครองร่างของกู้เสี่ยวหวาน เด็กสาวในหมู่บ้าน
จากกู้เสี่ยวหวานที่เป็นสาวทึนทึกผู้โดดเด่นสามประการ [1] กลายเป็นเด็กกำพร้าในหมู่บ้านที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ กู้เสี่ยวหวานจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดก็ได้เปลี่ยนจาก ‘ไป๋ฟู่เหม่ย’[2] กลายเป็น ‘เด็กเตี้ยและยากจน [3]’ ที่มีชีวิตอยู่เมื่อพันกว่าปีที่แล้ว และยังพ่วงด้วยน้องชายฝาแฝดกับน้องสาวรวมสามคนด้วย
โชคดีที่เด็กน้อยทั้งสามมีเหตุผลและเชื่อฟัง
เมื่อยามที่กู้เสี่ยวหวานยังไม่ฟื้น นางก็เป็นไข้ตลอดเวลา ครั่นเนื้อครั่นตัวเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ในบรรดาเด็กทั้งสามนั้น กู้หนิงอันแฝดชายคนโตได้เอาผ้าเช็ดหน้าอุ่น ๆ มาวางบนหน้าผากของพี่สาวและเช็ดมือของนาง กู้หนิงผิงแฝดชายคนน้องก็ป้อนอาหารให้กู้เสี่ยวหวานอย่างระมัดระวังสลับกับป้อนน้ำเป็นครั้งคราว
ท่านหมอหม่า หมอเท้าเปล่า[4] จากทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านกล่าวว่า ผู้ที่มีไข้ควรดื่มน้ำร้อนและเช็ดร่างกายด้วยน้ำอุ่น
กู้เสี่ยวหวานกำลังหนาวสั่น ผ้าห่มทั้งหมดในบ้านจึงได้ถูกนำมาห่มให้กับนาง แต่กู้เสี่ยวหวานยังคงตัวสั่นอยู่ในผ้าห่มอยู่ดี
ผ้านวมเหล่านี้ใช้มาหลายสิบปีแล้ว ฝ้ายที่ยัดด้านในจึงแข็งและจับตัวกันเป็นก้อน แน่นอนว่าไม่ได้ให้ความอุ่นมากนัก
เด็กทั้งสามมองดูพี่สาวที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วงและริมฝีปากเป็นสีคล้ำเขียวอย่างช่วยไม่ได้ แต่ร่างกายของนางกลับร้อนมาก ทำให้พวกเขาทั้งประหม่าและหวาดกลัวจนอยากจะร้องไห้ออกมา
นอกจากกู้เสี่ยวหวานที่ป่วยแล้ว ในบรรดาเด็กน้อยทั้งสามก็มีกู้หนิงอันและกู้หนิงผิงที่โตที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้น เขาทั้งสองก็มีอายุเพียงหกขวบเท่านั้น พวกเขาดูแลตัวเองไม่ได้ นับประสาอะไรกับการดูแลพี่สาวที่ป่วย เด็กน้อยทำได้เพียงทำตามตัวอย่าง เรียนรู้จากผู้อื่น และดูแลพี่สาวของตนอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อเห็นท่าทางหนาวสั่นของพี่สาว ทุกคนก็จ้องตากันเพื่อหารือถึงวิธีแก้ปัญหา ในท้ายที่สุดกู้เสี่ยวอี้ก็ถอดเสื้อผ้าของตนและปีนขึ้นไปบนผ้าห่มและนอนถัดจากกู้เสี่ยวหวาน กอดพี่สาวไว้แน่นด้วยแขนผอมบางทั้งสอง และใช้ไออุ่นจากร่างกายตัวเองทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกอบอุ่น
ทุกการกระทำของเด็กสามคนนี้ทำให้กู้เสี่ยวหวานฟื้นขึ้นมา
กู้เสี่ยวหวานลืมตาขึ้นอีกครั้ง เด็กทั้งสามตื่นเต้นมาก พอฝาแฝดเห็นแบบนั้นก็รีบเข้ามาใกล้ ๆ ทันที
กู้เสี่ยวอี้ยังคงนอนอยู่บนเตียงในตำแหน่งเดิมโดยไม่ขยับเขยื้อนเพราะกลัวว่าหากตนขยับกาย ลมหนาวจะพัดเข้าไปในผ้าห่มและทำให้กู้เสี่ยวหวานหนาวขึ้นมาอีกครั้ง นางจึงทำเพียงกระพริบตากลมโตงดงามราวองุ่นดำทั้งสองข้างและยิ้มอย่างมีความสุข พร่ำเอ่ยโดยไม่หยุดปาก “ท่านพี่ ท่านพี่…”
กู้หนิงอันกล่าวอย่างตื่นเต้น “ท่านพี่ ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว”
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานฟื้นขึ้นมาแล้ว กู้หนิงผิงก็เทน้ำอุ่นอีกชามหนึ่งส่งให้กู้หนิงอันยกป้อนกู้เสี่ยวหวานอย่างระมัดระวัง กู้เสี่ยวหวานเห็นชามที่ยื่นมาจ่อปากของนาง มันถูกใช้งานมาหลายปีแล้วจนมองไม่เห็นกระทั่งรูปลักษณ์เดิม อีกทั้งขอบชามยังบิ่นอยู่หลายจุดด้วย
กู้เสี่ยวหวานก้มศีรษะ ห่อปากให้เล็กที่สุดและดื่มน้ำอย่างระมัดระวังโดยไม่มีช่องว่างให้น้ำหก นางกลัวเหลือเกินว่าขอบชามอันคมกริบจะบาดปากของนาง
ครอบครัวนี้ยากจนมาก หากพบแพทย์อีกครั้ง เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่มีเงิน ถ้าปากนางเป็นแผลขึ้นมาคงจะไม่คุ้มแน่
กู้เสี่ยวหวานจิบน้ำ นางรู้สึกว่าร่างกายของตนยังร้อนอยู่เล็กน้อยและอ่อนแอมาก
ก่อนจะนอนลง นางก็ได้เหลือบมองดูบ้านที่ทรุดโทรมอย่างน่าเวทนาหลังนี้
นอกจากเตียงเตาหนึ่งหลังก็มีฟูกนอนหลายใบที่ไม่รู้ว่าใช้มาเกินสิบปีแล้วหรือเปล่า โต๊ะและเก้าอี้ที่พัง เก้าอี้หักสองสามตัว และตู้ไม้พัง ๆ ซึ่งส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดทันทีที่เปิด นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้วในบ้านนี้ก็ไม่มีของมีค่าอื่นใดอีก
หลังมองดูเด็กน้อยทั้งสามที่มีแขนและขาผอมบาง กู้เสี่ยวหวานก็มองไปที่แขนขนาดใหญ่กว่าท่อนฟืนเล็กน้อยของตน นางอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาจริง ๆ
กู้เสี่ยวหวานต้องการฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด ดังนั้นนางจึงดื่มน้ำไปทั้งชาม
เด็กแฝดทั้งสองดีใจมากเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานดื่มน้ำได้มากขึ้น
“ท่านพี่ ท่านหมอหม่าบอกว่าดื่มน้ำร้อน ๆ แล้วจะดีขึ้นนะขอรับ!” กู้หนิงอันพูดอย่างมีความสุข
ชาติที่แล้วหมอทุกคนบอกว่าเวลาป่วยควรดื่มน้ำร้อนให้มากขึ้น ในยุคนี้ถ้าไม่มียาก็ต้องดื่มน้ำร้อนให้มาก ๆ เพื่อปัสสาวะให้บ่อยขึ้นและขับความร้อนออกจากร่างกาย
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยิน คิ้วของนางก็ขมวดขึ้นอีกครั้ง แต่แล้วก็หัวเราะในใจ
นี่มันอะไรกันเนี่ย เป็นไปได้ไหมที่แพทย์ในพันปีต่อมาบอกให้นางดื่มน้ำร้อนมากขึ้น และนี่คือสิ่งที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น?
ในกรณีนี้คือให้ดื่มน้ำร้อนมากขึ้นเมื่อคุณป่วย และในไม่ช้าคุณก็จะลงสถิติในกินเนสบุ๊คได้ นี่เป็นใบสั่งยาด้วย
ยิ่งกว่านั้นใบสั่งยานี้มีราคาถูกและประหยัด ไม่มีผลข้างเคียง ไม่มีส่วนผสมใหม่ ไม่มีมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม สะดวกสบาย และปลอดภัย น่าเสียดายที่ไม่ได้ยื่นขอสถิติโลกในกินเนสบุ๊ค
ด้วยความคิดนี้ กู้เสี่ยวหวานจึงเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็วและปรับตัวสู่บทบาทได้ทุกที่ที่นางไป
ในอดีตตอนที่นางกำลังศึกษาอยู่ ไม่ว่าความกดดันทางวิชาการหรือความกดดันจากงานจะมากเพียงใด นาง…กู้เสี่ยวหวาน จะปรับความคิดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และรับมือกับความท้าทายที่นางกำลังจะเผชิญด้วยทัศนคติที่ดี
……………………………………………………………………………………
[1] 三高剩女 แปลว่า สาวโสดอายุมากที่มีตำแหน่งการงานสูง ฐานะการเงินสูง และการศึกษาสูง
[2] 白富美 เป็นคำที่นิยมใช้สำหรับเรียก ผู้หญิงที่รูปร่างดี หน้าตาดี มีระดับ และร่ำรวย
[3] 矮戳窮 ตรงข้ามกับ 白富美 เป็นคำที่ใช้เรียกผู้หญิงฐานะยากจนและด้อยโอกาส
[4] แปลว่า คนที่ทำการรักษาคนอื่น ๆ โดยไม่ได้ผ่านการฝึกฝนมาเป็นหมอ อาจเป็นผู้ที่พอมีความรู้ในด้านการรักษาการใช้สมุนไพรบ้างในพื้นที่นั้น ๆ หรือหมอเถื่อนก็ว่าได้
สารจากผู้แปล
ฟื้นมาในร่างและในสภาพแวดล้อมที่อนาถาสุด ๆ ไปเลยค่ะ เอาใจช่วยให้เริ่มฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปได้ด้วยดีนะคะ
ไหหม่า(海馬)