ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 748 ฮูหยินเจียงเป็นคนตระหนี่
บทที่ 748 ฮูหยินเจียงเป็นคนตระหนี่
บทที่ 748 ฮูหยินเจียงเป็นคนตระหนี่
หลิวเทียนฉือเข้าใจแล้ว แค่เพียงนางชำเลืองมองที่เสี่ยวเถา เสี่ยวเถาก็เข้าใจทันที จากนั้นเห็นเสี่ยวเถาดึงคนรับใช้คนนั้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ชาย มาคุยกันสักหน่อย”
หลิวเทียนฉือเดินจากไปไกลแล้ว เสี่ยวเถาถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว นางจึงพาคนรับใช้เข้าไปในป่าข้าง ๆ และกระซิบกระซาบกัน
ในตอนแรก เขาไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
ได้ยินข่าวลือจากคนในตระกูลเจียงว่าทำไมฮูหยินถึงใจดีกับหลิวเทียนฉือมาก เพราะในอนาคต นางจะกลายมาเป็นภรรยาของลูกชาย และนางก็ใช้เงินกับคนของนางเอง ดังนั้นนางจึงไม่สนใจ
นี่คือนายหญิงในอนาคตของพวกเขา ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองใจได้ และพวกเขาก็ไม่สามารถบอกหลิวเทียนฉือเกี่ยวกับอดีตของนายน้อยได้
ใบหน้าของคนรับใช้แดงก่ำ และเขาไม่สามารถพูดสิ่งใดได้เลย
ฮูหยินสั่งไว้แล้วว่าใครกล้าพูดเรื่องไร้สาระ นางจะตัดลิ้นพวกเขาทิ้ง
แม้ว่าคนรับใช้จะไม่กล้าทำให้หลิวเทียนฉือขุ่นเคือง แต่เขาก็ยังเป็นทาสของตระกูลเจียงและอยู่ภายใต้การควบคุมของฮูหยิน หากเขาบอกคุณหนูหลิวและฮูหยินทราบเรื่องนี้เข้า นางคงจะถลกหนังของเขาแน่นอน
คนรับใช้ไม่ปริปากไม่ว่าจะเป็นหรือตาย แต่บอกเพียงว่านางเป็นเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่บนถนนสายนี้ และมาหาเขาเพื่อบ่นเรื่องร้องทุกข์ของนาง!
เมื่อเห็นท่าทางดื้อรั้นของคนรับใช้ แม้เสี่ยวเถาใช้นิ้วเท้าของนางคิดก็รู้ว่าต้องมีเรื่องราวบางอย่างปิดบังไว้อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าคนรับใช้ไม่พูดอะไร เสี่ยวเถาซินจึงหยิบเศษเงินออกมาจากเสื้อของนางอย่างรู้เท่าทันและส่งให้เขา
คนรับใช้มองเงินเหล่านั้นและเห็นว่าคุ้มกับค่าจ้างหนึ่งปี จึงอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ให้เสี่ยวเถาฟัง
“แม่นางคนนั้นแซ่กู้ นางเป็นหญิงสาวจากครอบครัวที่อยู่อีกฟากหนึ่งของถนนสายนี้ ถึงจะเรียกว่าเป็นคุณหนู แต่ก็อย่าประเมินนางสูงไป พ่อของนางทำงานเป็นคนทำบัญชีในร้านอาหาร เมื่อเทียบกับคุณหนูหลิวแล้ว คนหนึ่งคือเมฆสีขาวบนท้องฟ้าสีคราม และอีกคนคือโคลนบนพื้นดิน…”
หลิวเทียนฉือกลับไปที่ลานบ้าน นางดื่มชาสักสองสามถ้วยก่อนจะเห็นเสี่ยวเถาเดินเข้ามาด้วยความดีใจ เมื่อนางเข้ามาและไม่เห็นใครอยู่รอบ ๆ นางก็รีบปิดประตูและพูดอย่างมีความสุข “คุณหนู สาวน้อยคนนั้นมีเรื่องกับเจียงหย่วน…”
เสี่ยวเถาเล่าทุกอย่างที่ได้ยินจากคนรับใช้คนนั้นให้หลิวเทียนฉือฟัง หลิวเทียนฉือฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและวางถ้วยชาในมือลง นางรู้สึกมีคำถามสองสามข้อในใจ
“เจ้าหมายถึงฮูหยินเจียงเอาของทั้งหมดที่เจียงหย่วนนำออกจากบ้านไปมอบให้กับสาวน้อยคนนั้นคืนมา และยังส่งแม่ของสาวน้อยคนนั้นเข้าคุกในฐานะหัวขโมย?” เหอะ ๆ ไม่เคยได้ยินมาก่อน!
ดูเหมือนว่าฮูหยินเจียงจะเป็นคนตระหนี่
จากนั้นนางก็ดึงปิ่นปักผมของนางมาถือไว้ในมือและเพ่งมองอย่างพิจารณา ตระกูลเจียงซื้อมันให้นางทั้งหมด และไม่รู้ว่าฮูหยินเจียงจะอาเจียนเป็นเลือดด้วยความทุกข์ใจหรือไม่!
สิ่งที่หลิวเทียนฉือคิดนั้นถูกต้อง ฮูหยินเจียงใจดีกับนาง แต่กลับจู้จี้จุกจิกกับคนอื่น!
“ถูกต้อง คุณหนู ไม่คาดคิดเลยว่าฮูหยินเจียงจะเป็นคนเช่นนี้” เสี่ยวเถากล่าวอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตาม หลิวเทียนฉือไม่ได้คิดเกี่ยวกับแง่มุมนี้
ก่อนจะมาอยู่ที่บ้านของตระกูลเจียง ท่านพ่อของนางพูดกับนางว่าตระกูลเจียงเคยร่ำรวยที่สุด และตอนนี้กิจการเกลือถูกราชสำนักยึดไป เจียงอวิ้นหลิ่วจึงบ่นต่อหน้าพ่อของนาง
ของที่ให้พ่อเมื่อไม่กี่วันมานี้ไม่ดีเท่าทุกปี
บังเอิญว่าราชสำนักกำลังพยายามอย่างมากที่จะแก้ไขกิจการเกลือในครั้งนี้
กิจการของเจียงอวิ้นหลิ่วนั้นใหญ่ที่สุด และเพื่อที่จะอวดต่อราชสำนัก สิ่งแรกที่ทำก็คือจัดการเจียงอวิ้นหลิ่ว
เจียงอวิ้นหลิ่วสาบานต่อหน้าพ่อของนางว่า กิจการเกลือทั้งหมดของเขามีส่วนสนับสนุนในราชสำนัก
เขาพนันแม้กระทั่งทรัพย์สินและชีวิตของเขาเอง
หลิวฉงหร่านยังแอบส่งคนไปตรวจสอบ แต่พวกเขาไม่พบอะไรเลย รู้เพียงว่าตระกูลเจียงนั้นดีมากมาโดยตลอด เจียงอวิ้นหลิ่วไปทำงานข้างนอกตลอดเวลาและไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกิจการเกลืออีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าตระกูลเจียงจะยังคงเหมือนเดิมหรือไม่ สิ่งที่แน่นอนก็คือฮูหยินเจียงเอาของที่เจียงหย่วนส่งไปสาวน้อยผู้นั้นยึดกลับคืนมาและกล่าวหาคนอื่นว่าเป็นหัวขโมยอย่างผิด ๆ มันไร้มนุษยธรรมมาก!
“สาวน้อยคนนั้นเป็นใคร?” หลิวเทียนฉือถาม
“เป็นเพียงเด็กสาวในหมู่บ้าน พ่อของนางเป็นคนทำบัญชีในร้านอาหาร นางมีฐานะต่ำต้อย หากนางต้องการเป็นภรรยาของเจียงหย่วนก็คงเป็นคางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า*[1] จริง ๆ!” เสี่ยวเถาหัวเราะเยาะ
ดูเหมือนเสี่ยวเถาจะมีความไม่พอใจในใจ
ชื่อของผู้หญิงคนนั้นมีคำว่าเถาอยู่ด้วยและชื่อก็ซ้ำกันอีก แค่คิดก็รู้สึกอึดอัด!
เมื่อหลิวเทียนฉือได้ยินสิ่งนี้ นางก็ตอบรับหนึ่งคำ
นี่เป็นเรื่องของเจียงหย่วน แค่ฟังก็เพียงพอแล้วและไม่มีความหมายอื่นใด เมื่อเห็นว่าหลิวเทียนฉือไม่สนใจอีก เสี่ยวเถาก็กล่าวอย่างกระตือรือร้น “คุณหนูรู้ชื่อของสาวน้อยคนนั้นหรือไม่?”
“หือ?” หลิวเทียนฉือเหลือบมองเสี่ยวเถาเบา ๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่มีความสุขของนางราวกับว่ามีข่าวดีที่จะแบ่งปัน
หลิวเทียนฉือชำเลืองมองเสี่ยวเถาและให้สัญญาณให้นางพูดต่อ เมื่อหลิวเทียนฉือให้สัญญาณ เสี่ยวเถาจึงเปิดปากของนางและบอกหลิวเทียนซีในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน “คุณหนู สาวน้อยคนนั้นแซ่กู้ และชื่อของนางคือกู้ซินเถา”
หลิวเทียนฉือพยักหน้าราวกับว่านางไม่ได้รับรู้อะไรเลยและเอ่ยถามว่า “แล้วอย่างไร?”
จากนั้น ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง นางหน้าซีดด้วยความตกใจ “นางเกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวานหรือเปล่า?”
เสี่ยวเถาพยักหน้าด้วยความประหลาดใจ “พวกนางเป็นญาติกัน เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน!”
หลังจากพูดจบ เสี่ยวเถาก็บอกหลิวเทียนฉือว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นญาติของสาวน้อยคนนั้น
หลังจากได้ยินเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง หลิวเทียนฉือก็ตระหนักได้ทันที จากนั้นก็ได้ยินเสี่ยวเถาพูดอีกครั้ง “แม้ว่าพวกนางจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ความสัมพันธ์ไม่ดีเลย! ได้ยินมาว่าแม่ของสาวน้อยคนนั้นโลภที่ดินของกู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นนางจึงถูกจำคุกเป็นเวลาสองหรือสามเดือน!”
ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อกู้ซินเถาและกู้เสี่ยวหวานน่าจะเป็นศัตรูกัน!
หลิวเทียนฉือมีความสุขมาก ตราบใดที่กู้เสี่ยวหวานมีศัตรู เรื่องก็จะง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้นางยังเป็นญาติของกู้เสี่ยวหวานอีก เมื่อถึงเวลานั้นจะทำอะไรได้ง่ายขึ้นมาก
*[1] คนที่ชอบฝ่ายที่ฐานะทางสังคมดีกว่าตัวเอง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณหนูหลิวคนนี้จะมีแผนการอะไรอีกหรือไม่กันนะ?
ไหหม่า (海馬)