ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 75 สะใภ้ตระกูลกุ้ย
บทที่ 75 สะใภ้ตระกูลกุ้ย
บทที่ 75 สะใภ้ตระกูลกุ้ย
“ตกลง สาวน้อย ถ้าอย่างนั้นเจ้ารอสักครู่ได้หรือไม่ อีกสักพักลูกพี่ลูกน้องของข้าก็มาถึง ในช่วงเวลานี้ของทุก ๆ วัน เขาจะต้องผ่านร้านของข้า” พี่ฝูเอ่ย เดินไปที่ประตู และเฝ้ารอลูกพี่ลูกน้องของตนเอง
ช่วงเวลาเพียงไม่นาน เกวียนล่อของลูกพี่ลูกน้องของสะใภ้ฝูก็มาถึง หญิงสาวเอ่ยกับเขาสองสามคำ และชายคนนั้นก็ตอบรับทันที
หลังจากพูดแล้ว สะใภ้ฝูก็พากู้เสี่ยวหวานไปเจอลูกพี่ลูกน้องของตนเอง ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นดูเหมือนจะมีอายุไม่เกินสิบแปดหรือสิบเก้าปี ท่าทางดูจริงใจและกระตือรือร้นมาก
“สาวน้อยกู้ มานี่เร็ว นี่ลูกพี่ลูกน้องของข้า เสี่ยวเหนียน” สะใภ้ฝูแนะนำ
“พี่เหนียน” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยเรียกเสียงอ่อนหวาน
ในตอนแรกเสี่ยวเหนียนคิดว่าพี่สาวแค่ขอให้ตัวเองช่วย แต่กลับกลายเป็นว่านางมีแขกคนหนึ่งที่มาซื้อเสื้อผ้าใหม่ที่ร้าน และไม่สามารถถือไปได้ เมื่อกู้เสี่ยวหวานมายืนอยู่ข้างหน้าเขา เขาก็สังเกตเห็นว่าบนร่างของนางไม่มีเสื้อผ้าดี ๆ เลยสักชิ้น และยังมาตัดเสื้อผ้าที่ร้านของพี่สาวตนเองจำนวนหนึ่ง แถมซื้อแป้งข้าวเจ้ามาเป็นจำนวนมาก เขาจึงอดประหลาดใจไม่ได้
แต่มันเป็นแค่ความสงสัยภายในใจ ไม่ได้แสดงออกมาบนใบหน้า และไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
เมื่อรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานอายุยังน้อยและอ่อนแอ ตอนที่นางกำลังขึ้นรถ นางพยายามอย่างมากในการยกของน้ำหนักหลายสิบชั่ง ดังนั้นเขาจึงอาสายื่นมือเข้าไปช่วย
ก่อนจะออกเกวียน สะใภ้ฝูก็ไม่ลืมบอกกับลูกพี่ลูกน้องของนางว่า “ต้องไปส่งสาวน้อยคนนี้ถึงที่บ้านนะ”
ในท้ายที่สุด ของทั้งหมดก็ถูกยกขึ้นไปบนเกวียนล่อ และลูกพี่ลูกน้องของพี่สะใภ้ก็ขับเกวียนล่อไปที่หมู่บ้านอู๋ซีอย่างเชื่องช้า
ล่อลากเกวียนไปอย่างเชื่องช้า กู้เสี่ยวหวานค่อย ๆ นั่งลงบนไม้กระดาน ท้องฟ้ามืดสนิท เพิ่งจะถึงทางเข้าหมู่บ้านอู๋ซีที่กู้เสี่ยวหวานอาศัยอยู่
เพราะว่าเขาต้องไปที่หมู่บ้านอื่นอีก ทางนี้ถือว่าเป็นทางผ่าน และท้องฟ้าก็มืดแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงไม่อยากจะให้เขาเข้าไปส่งอีก อย่างไรก็ตามทางเข้าอยู่ห่างจากบ้านของนางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การเดินไปเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร ยิ่งไปกว่านั้นในเวลานี้ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าตัวเองกำลังนั่งเกวียนล่อมา หากถูกคนพบเห็น คาดว่าคงจะถูกเอาไปนินทาอย่างแน่นอน นางไม่อยากกลายเป็นหัวข้อในการสนทนาของผู้คน
กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจลง และขนของลงจากรถ
หลังจากบอกลาเสี่ยวเหนียนแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ประสบปัญหาเมื่อนางต้องแบกถุงแป้งขนาดใหญ่ และเสื้อผ้าใหม่บนหลังของนาง
ร่างกายปัจจุบันของนางผอมและอ่อนแอเกินไป อีกทั้งยังมีอายุน้อย ดังนั้นจึงสามารถแบกของที่หนักได้เพียงไม่กี่สิบชั่งเท่านั้น
แต่สิ่งของมีมากเกินไป และน้ำหนักก็หนักมากเช่นกัน การแบกของพวกนี้กลับบ้านจึงเป็นปัญหาสำหรับนาง กู้เสี่ยวหวานใช้ตะกร้าเพื่อแยกแป้งทั้งหมดและนำกลับมาทีละรอบ
ในรอบแรกกู้เสี่ยวหวานแบกแป้งไว้ที่ตะกร้าบนหลัง และถือเสื้อผ้าไว้ในมือ ของที่เหลืออยู่ไม่ได้มีมูลค่าสูงและไม่ได้มีน้ำหนักมาก ของพวกนั้นถูกซ่อนเอาไว้ในกอหญ้าเหี่ยวแห้ง กู้เสี่ยวหวานซ่อนมันอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้คนภายนอกสังเกตเห็น หลังจากที่มองดูแล้วว่าบริเวณโดยรอบไม่มีใคร กู้เสี่ยวหวานก็โล่งใจและเดินกลับบ้านพร้อมกับตะกร้าบนหลัง
เมื่ออยู่บนถนนสายเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน กู้เสี่ยวหวานก็กำลังดิ้นรนแบกของหนัก หน้าผากของนางมีเหงื่อซึมออกมา ทำให้เสื้อผ้าตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ดีที่มีเสื้อผ้าสะอาดและใหม่อยู่ในกระเป๋า ตอนกลางคืนต้องซักด้วยน้ำร้อนก่อนและค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้าในวันพรุ่งนี้
ขณะที่กู้เสี่ยวหวานกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ น้ำเสียงเหยียดหยามที่แหลมแสบหูก็ดังขึ้น
“โอ้ นี่ใครกันนะ… ที่แท้ก็เป็นสาวน้อยจากตระกูลกู้ โอ้ อะไรอยู่ในตะกร้านี้? ดูท่าทางหนักน่าดู!”
ผู้หญิงคนนั้นเป็นสะใภ้ของตระกูลกุ้ยที่นางพบเมื่อวานนี้ หญิงสาวชะเง้อคอ พยายามมองดูว่ามีอะไรอยู่ในตะกร้าบนหลังของกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานเพิ่งคลุมตะกร้าด้วยผ้าอย่างแน่นหนา จึงทำให้สะใภ้ของตระกูลกุ้ยไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในภายใน
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นสะใภ้ของตระกูลกุ้ย นางพลันรู้สึกแปลก ๆ นี่ดึกมากแล้ว สะใภ้ตระกูลกุ้ยมาทำอะไรอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน? ถ้ากลับมาจากการทำนาก็ไม่น่าจะช้ามากขนาดนี้
กู้เสี่ยวหวานเฝ้าดูสะใภ้ตระกูลกุ้ยอย่างระมัดระวัง นางไม่สามารถไปที่ทุ่งนาหรือขึ้นภูเขาได้ และมีเพียงครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานเท่านั้นที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน แล้วนางมาทำอะไรที่นี่กัน?
กู้เสี่ยวหวานไม่ตอบคำถามของกุ้ยซื่อ และคร้านเกินกว่าจะสนใจ
นอกจากนี้ ตะกร้าและห่อผ้ายังเต็มไปด้วยของต่าง ๆ ถ้านางเห็นมันเข้า มันคงจะน่าเหลือเชื่อมากกว่านี้ และกู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการดึงดูดความสนใจนางเพราะของเหล่านี้
กู้เสี่ยวหวานคิดในใจ โดยไม่สนใจอีกฝ่าย นางก้มหน้างุดและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ด้วยไม่อยากมีปัญหากับครอบครัวกุ้ยในตอนนี้
กู้เสี่ยวหวานต้องการใช้ชีวิตอย่างมั่นคงและราบรื่นในช่วงระยะวันนี้ ดังนั้นนางจึงต้องเรียนรู้ที่จะทำตัวสงบ ถ่อมตัว และไม่ยุ่งกับเรื่องไร้สาระ
เมื่อได้ยินเสียงเหยียดหยามเย็นเยียบจากด้านหลัง กู้เสี่ยวหวานแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน และเดินจ้ำอ้าวโดยไม่เงยหน้าขึ้น
ตอนที่เจอกุ้ยซื่อ นางก็อยู่ห่างจากบ้านไม่ไกลจึงกัดฟันและเดินไปอีกสองก้าว เมื่อมองอย่างละเอียดก็พบว่าประตูของลานบ้านไม่ได้ลงกลอน และถูกเปิดทิ้งไว้ครึ่งหนึ่ง ถ้ามีใครต้องการเข้ามา ตราบใดที่คนในบ้านไม่ออกมา คนนอกก็สามารถเข้าไปในลานได้ตามต้องการ
กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว มองไปที่ประตูลานที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่งและเหลือบมองกุ้ยซื่อที่เดินจากไป ในหัวใจของนางเต็มไปด้วยการคาดเดา
อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก นางเข้าไปในลานบ้านและตะโกนเข้าไปใน “หนิงอัน หนิงผิง เสี่ยวอี้ ข้ากลับมาแล้ว”
ทันทีที่เสียงเงียบไป เสียงตะโกนด้วยความดีใจก็ดังขึ้นจากในบ้าน
ประตูห้องใหญ่ถูกเปิดออกจากด้านใน และหัวไชเท้าสามหัววิ่งเข้า เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานถือของอยู่ในมือ และแบกของไว้บนหลังอีก เด็กชายทั้งสองรีบช่วยเอามันลง แรงกดทับบนร่างกายของนางหายปลิดเป็นทิ้ง ทำให้ร่างกายของนางรู้สึกโล่ง แต่ยังรู้สึกปวดหลังอยู่เล็กน้อย
เด็กทั้งสองวางสิ่งต่าง ๆ ลง กู้เสี่ยวหวานจึงไม่รอช้า “หนิงอัน หนิงผิง เจ้าสองคนออกไปกับข้า ข้าทิ้งสิ่งของบางอย่างเอาไว้ที่หน้าหมู่บ้าน ข้าแบกมันไม่ไหวจริง ๆ”
กู้เสี่ยวหวานหอบหายใจถี่ และดื่มน้ำสองสามอึกอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางและหนิงผิงก็รีบออกจากบ้านไปอีกครั้ง
กุ้ยซื่อยังไม่ได้เดินจากไปไกล นางเดินไปสามก้าวและหันกลับมาเพื่อดูความเคลื่อนไหวของบ้านกู้เสี่ยวหวาน ในเวลานี้ นางเห็นประตูบ้านของบ้านกู้ถูกเปิดอีกครั้ง กู้เสี่ยวหวานและกู้หนิงผิงรีบร้อนวิ่งออกไป ประตูบ้านถูกปิดลงอีกครั้งอย่างแน่นหนา
หลังจากที่กุ้ยซื่อเห็นพวกกู้เสี่ยวหวานออกไปอีกครั้ง นางก็นึกถึงถุงผ้าที่กู้เสี่ยวหวานถืออยู่ในมือนั้นพองใหญ่ และตะกร้าบนหลังของนางก็อัดแน่นเบียดเสียด แต่ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในนั้น
…………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สาระแนเรื่องชาวบ้านเก่งจังนะกุ้ยซื่อ มาทำอะไรดึก ๆ ที่นี่เหรอ หรือมีนัดกับใครเพื่อทำเรื่องไร้ยางอาย?
ไหหม่า(海馬)