ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 78 ขุดมาเท่าไร
บทที่ 78 ขุดมาเท่าไร
บทที่ 78 ขุดมาเท่าไร
กู้เสี่ยวหวานตอบรับหนึ่งคำ ในห่อผ้าใบใหญ่แบ่งเป็นอีกสองถุง ใบหนึ่งสำหรับกู้เสี่ยวหวานและกู้เสี่ยวอี้ และอีกใบสำหรับกู้หนิงอันและกู้หนิงผิง หลังจากที่เปิดออก เสื้อผ้าใหม่เอี่ยมก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
“ท่านพี่ ๆ นี่คืออะไร?!” กู้เสี่ยวอี้มองสิ่งของสีสันสดใสข้างหน้านางอย่างสงสัย แม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ไม่สามารถปิดบังได้
“เด็กโง่ นี่มันเสื้อผ้าใหม่ เสื้อผ้าใหม่ที่ท่านพี่ทำให้เราเมื่อครั้งที่แล้ว!” กู้หนิงผิงพูดอย่างมีความสุข
“อ๋อ เสื้อผ้าใหม่ เสี่ยวอี้มีเสื้อผ้าใหม่ใส่แล้ว เสี่ยวอี้มีเสื้อผ้าใหม่ให้ใส่แล้ว!” ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานหันศีรษะไป นางเห็นดวงตาที่กลมโตเหมือนองุ่นและสดใสของกู้เสี่ยวอี้ รำพึงรำพันอย่างมีความสุข ดีใจอย่างถึงที่สุด
เมื่อมองไปที่กู้หนิงอัน แม้จะรอบคอบสักเพียงใดเขาก็ยังคงเป็นเด็ก เมื่อเห็นเสื้อผ้าใหม่ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายมีความสุข
ตั้งแต่จำความได้ กู้หนิงอันเคยเห็นแต่คนอื่นใส่เสื้อผ้าใหม่ รวมถึงลูก ๆ ของครอบครัวท่านลุงใหญ่ และลูก ๆ ของครอบครัวท่านลุงเล็ก ไม่เพียงแต่เด็ก ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงท่านลุง ท่านป้า ท่านอาสามและท่านอาสะใภ้ พวกเขาล้วนมีกันหมด แต่ครอบครัวของพวกเขาไม่มี แม้ว่าพวกเขาจะไม่มี แต่พวกเขามีความสุขมาก ดังนั้นแม้ว่ากู้หนิงอันจะมีความคาดหวังสำหรับเสื้อผ้าใหม่ แต่เขาไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
เสื้อผ้าทั้งหมดบนตัวของเขาทำด้วยผ้ากระสอบเน่า ๆ เมื่อก่อนที่ผู้เป็นมารดายังอยู่ นางจะตัดเย็บและซักให้ หรือถ้าเล็กลงท่านแม่ก็จะขยายให้ แต่เนื่องจากท่านพ่อและท่านแม่ทั้งสองเสียชีวิต เมื่อเสื้อผ้าขาดหรือสกปรกจึงไม่มีใครดูแลพวกเขา
มันสกปรกจนมองไม่เห็นสีเดิมของผ้าอีกต่อไป และเสื้อผ้าเกือบจะเป็นสีดำและเป็นมันเงา
เขาไม่เคยรู้ว่าฝ้ายเป็นอย่างไร และไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นสัมผัสแบบไหน ดังนั้นเขาจึงมีความสุขมากเมื่อพี่สาวของเขาทำชุดให้เขา
เมื่อมองไปที่กู้หนิงผิง เขาสัมผัสเสื้อผ้าใหม่ในมือ เบิกบานใจและยิ้มจนตาปิด
กู้เสี่ยวหวานมองการแสดงออกอย่างความสุขของน้องชายและน้องสาวของตนเอง ความเหนื่อยล้าจากการวิ่งไปรอบ ๆ เมืองตลอดทั้งวันก็หายไปในคราวเดียว
และวันนี้นางยังทำเงินได้อีกสามร้อยตำลึง เมื่อรวมกับห้าร้อยตำลึงจากคราวที่แล้ว เท่ากับว่าพวกเขามีเงินทั้งหมดแปดร้อยตำลึง นี่เป็นเงินจำนวนมาก ถ้าอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน นับเป็นเงินก้อนโตจริง ๆ
เพียงแต่ว่าครอบครัวนี้ยากจนเกินไปและในอนาคตต้องมีเรื่องให้ใช้เงินอีกมาก หากใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลือง หรือหากนั่งอยู่เฉย ๆ ก็อาจเลี้ยงพี่น้องไม่พอ
ดังนั้น เมื่อมองย้อนกลับไปถึงรายได้และวิธีการที่หาเงิน นางจึงไม่ได้วางแผนที่จะบอกน้องของนาง
เพราะการทำเงินในครั้งนี้อาจจะเรียกได้ว่าทำง่ายจริง ๆ หากไม่มีเงินจะใช้ก็เพียงขายสูตรอาหารหนึ่งหรือสองสูตร เท่านี้ก็ได้เงินมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้สมองหรือพลังงาน แต่กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการทำแบบนั้น เรื่องนี้อาจจะเก็บไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ แต่การจะทำเงินได้จริงก็ยังขึ้นอยู่กับแรงงานและความสามารถ
ดังนั้นนางจึงทำเพียงครั้งเดียวและจะไม่ทำอีก เพราะมันเสี่ยงเกินไป ถ้าคนในร้านอาหารอื่นรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานมีความคิดมากมายในหัวอย่างที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ชีวิตของตนก็อาจต้องเผชิญกับอันตราย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ลอบถอนหายใจ และลูบศีรษะของกู้เสี่ยวอี้ เมื่อเห็นน้อง ๆ มีความสุขเช่นนี้ นางก็รู้สึกทั้งสุขและเศร้าในใจ
อันที่จริง ในอนาคตพวกเขาจะร่ำรวย มีฐานะ มีอำนาจ และเมื่อโตขึ้นคนอื่นจะไม่กล้ารังแกพวกเขาแล้ว พวกเขาจะตัดเสื้อผ้าเพิ่มอีกสองสามชุด และการทำเสื้อผ้าให้ดีนั้นไม่มีอะไรเลยจริง ๆ
เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังมีเงินไม่มาก และประการที่สองพวกเขายังเป็นเด็กและไม่มีการคุ้มครองจากพ่อแม่ หากพวกเขาแต่งตัวดี ก็ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกบุคคลภายนอกสงสัยและถูกนินทา
กู้เสี่ยวหวานเลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายหยาบที่ถูกที่สุดในร้าน กล่าวคือ นางต้องการให้เด็กพวกนี้แต่งตัวให้ดูดีและสะอาดกว่านี้ ในหมู่บ้านจะได้ไม่มีใครรังแกพวกเขา
กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการให้คนอื่นปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนเด็กที่พอเห็นพวกเขาใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ขาด ๆ และรังแกเหมือนพวกเขาเป็นขอทานตัวน้อย
กู้เสี่ยวหวานต้องการบอกให้คนอื่นรู้ผ่านความพยายามของนางเอง แม้ว่าลูก ๆ ของครอบครัวกู้จะไม่มีผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือ แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะอายุแค่เจ็ดหรือแปดขวบก็ตาม และแม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะ ยากจน ใส่ผ้าขี้ริ้ว แต่ละมื้อก็กินไม่อิ่ม และอดทนต่อความหิวก็ตาม…
แม้ว่าจะมีความยากลำบากมากมายแค่ไหน แต่กู้เสี่ยวหวานยังคงสามารถนำน้องชายและน้องสาวของนางมาเลี้ยงดูครอบครัวเล็ก ๆ นี้ได้ด้วยความพยายามของพวกเขาเอง เพื่อให้เด็ก ๆ มีชีวิตที่ดี
เนื่องจากหิมะกำลังจะตก กู้เสี่ยวหวานจึงแนะนำให้ทุกคนอาบน้ำหลังอาหารเย็น และอาบให้สะอาดเล็กน้อยเพื่อต้อนรับวันปีใหม่ที่ดีขึ้น
ทุกคนต่างมีกำลังใจขึ้นมากเพราะมีเสื้อผ้าใหม่ให้ใส่หลังจากอาบน้ำเสร็จ
กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงมีหน้าที่ตักน้ำ กู้เสี่ยวหวานรับผิดชอบการทำอาหาร คนสองสามคนทำงานกันอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้รีบกินข้าวเย็น ถึงแม้จะเป็นของง่าย ๆ แต่ทุกคนก็อิ่มหนำสำราญ ในตอนเย็นมีปลาตุ๋น ปรุงน้ำแกงด้วยหัวไชเท้าฝอยและเนื้อหั่นบาง ๆ และยังต้มข้าวฟ่างอีกด้วย
เพียงแค่กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ปลาตุ๋นนี้ไม่มีซีอิ๊ว ทำเพียงทอดให้เป็นสีน้ำตาลทองในตอนแรกเท่านั้น หลังจากใช้น้ำมันสองหรือสามวัน กู้เสี่ยวหวานก็มองดูน้ำมันที่ค่อย ๆ ลดลง และหัวใจของนางก็เจ็บปวดนิดหน่อย
การทำอาหารโดยไม่มีข้าว ถ้าไม่มีข้าว ต่อให้ฉลาดแค่ไหนก็ทำอาหารไม่ได้ นั่นคือเหตุผล
สีของชิ้นปลาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง กลิ่นหอมของเนื้อปลาและน้ำมัน นั้นช่างหอมเหลือเกิน เด็กแต่ละคนกินปลาตุ๋นหลายชิ้น ไม่นานก็กินจนหมดจาน ซึ่งถือว่าเป็นการชดเชยสำหรับกู้เสี่ยวหวาน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ กู้สี่ยวหวานก็นึกขึ้นได้ว่านางสัญญาอะไรกับเถ้าแก่ร้านหลี่ไว้ในวันนี้และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ นางลืมไปเสียสนิท และเมื่อมองท้องฟ้าที่มืดสนิทอย่างรวดเร็วนอกหน้าต่าง กู้เสี่ยวหวานก็คิดว่าถ้าไม่ไปตอนนี้ หากหิมะตกในตอนกลางคืน ถนนจะยิ่งเดินยากขึ้นไปอีก
หลังจากตัดสินใจแล้วกู้เสี่ยวหวานก็พูดกับกู้หนิงอันและกู้หนิงผิงที่กำลังยุ่งอยู่ “ข้าพบผู้ซื้อหน่อไม้ในเมืองวันนี้ ในสองสามวันนี้ครอบครัวของเราขุดหน่อไม้ได้กี่หน่อ?”
กู้หนิงอันทำท่าทางนึก “น่าจะร้อยกว่าชั่งแล้ว”
ร้อยกว่าชั่ง! ภายในสองวันทำไมถึงขุดได้เยอะขนาดนี้ ดูเหมือนว่าวันนี้ที่ตัวเองไม่อยู่ เจ้าหัวไชเท้าน้อย ๆ เหล่านี้คงทำงานหนักเป็นแน่
…………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ชื่นใจจังเลยค่ะ ขณะที่เสี่ยวหวานจัดการกับธุระในเมือง น้อง ๆ ก็ขยันทำงานไม่แพ้กัน
ไหหม่า(海馬)