ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 791 แสร้งทำเป็นรักใคร่
บทที่ 791 แสร้งทำเป็นรักใคร่
บทที่ 791 แสร้งทำเป็นรักใคร่
กู้เสี่ยวหวานจะต้องรังเกียจพวกเขาอย่างแน่นอน!
กู้ฟางสี่ลอบเงยหน้าขึ้นอย่างเงียบ ๆ และแน่นอนว่านางเห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังขมวดคิ้วมุ่นมองมายังพวกตน
กู้ฟางสี่ตระหนกตกใจ กุลีกุจอผลักแขนของหลิวชิงซานออก
น่องไก่ชิ้นโตเกือบจะถูกหลิวชิงซานกัดกิน
เมื่อเห็นว่ากู้ฟางสี่ผลักเขา หลิวชิงซานพลันรู้สึกไม่พอใจและอยากจะตำหนิภรรยาของตน แต่กลับจำได้ทันทีว่านี่คือบ้านของกู้เสี่ยวหวาน จึงได้สติทันทีและระงับความโกรธในใจเอาไว้
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองกู้เสี่ยวหวานที่กำลังจับจ้องมายังตนเองโดยไม่ปิดบัง เขาพลันหันมองน่องไก่ในมือของเขา หลิวชิงซานก็คิดในใจว่าแย่แล้ว จากนั้นก็คลี่ยิ้มทันที ยื่นน่องไก่น่องหนึ่งวางไว้ในชามของกู้ฟางสี่ และเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางกังวล “ฟางสี่ น่องไก่นี้อร่อยมาก เจ้ารีบกินเสียเถอะ ดูเจ้าสิ ผอมถึงขนาดนี้ สามีอย่างข้าเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารไม่ได้!”
คำพูดที่ฟังดูแล้วอบอุ่นใจของหลิวชิงซาน ดวงตาของกู้ฟางสี่ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความตื่นตระหนก
กู้ฟางสี่เงยหน้าขึ้นมองหลิวชิงซานด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นแววตาตำหนิของหลิวชิงซาน กู้ฟางสี่ก็เอ่ยเสียงแผ่ว “ขอบคุณสามี!”
หลิวชิงซานเลียน้ำมันบนมือของเขาอย่างพอใจ ดูเหมือนว่าเขาจะชื่นชอบมันมาก จากนั้นพูดว่า “รสชาติของน่องไก่นี้ดีมากจนข้าแทบจะกินมือเข้าไป”
ดูเหมือนว่าในเวลานี้เขาจะลืมกู้ฟางสี่ไปเสียสนิท เพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับการกินน่องไก่อันเลิศรส
จากนั้นหลิวชิงซานก็คีบหมูตุ๋นอีกชินวางลงบนชามของกู้ฟางสี่ และเอ่ยบอกภรรยาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่าให้กินมากขึ้นเพื่อบำรุงร่างกาย
หลิวชิงซานและกู้ฟางสี่ดูเหมือนจะรักใคร่กลมเกลียว และแสดงความรักหวานชื่นออกมา
แต่กู้เสี่ยวหวานมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความหวาดกลัวของกู้ฟางสี่
ไม่มีความรักที่แท้จริงระหว่างสองสามีภรรยาคู่นี้
สองคนนี้ไม่เหมือนสามีภรรยากันเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเหมือนเจ้านายกับคนรับใช้เสียมากกว่า
กู้เสี่ยวหวานฉงนสงสัย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะเอ่ยคำถามเหล่านี้ออกไป และจำใจรอให้เทศกาลปีใหม่จบลงเสียก่อน
หลังจากทานอาหารเย็นร่วมกันเสร็จ อาโม่และป้าจางนำจานชามทั้งหมดไปทำความสะอาดในครัว
กู้ฟางสี่รู้สึกไม่ดีหากต้องอยู่เฉย ๆ จึงเสนอตัวช่วยทำความสะอาด
แต่กู้เสี่ยวหวานหรือจะยอมปล่อยนางไป อย่างไรก็ตาม นางก็เป็นอาของตนเอง และมันเป็นครั้งแรกที่นางกลับมา ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้แขกล้างจาน
“ท่าน… ท่านอา… ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย ทำไมท่านไม่มาคุยกันที่ห้องของข้าล่ะ!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวเคล้ารอยยิ้ม
เมื่อก่อนไม่เคยเรียกอา เมื่อเอ่ยเรียกขึ้นมาก็รู้สึกไม่ชินเสียแล้ว!
ทันทีที่กู้ฟางสี่ได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานมีเรื่องที่ต้องการคุยกับตน นางจึงทำได้เพียงหันไปมองหลิวชิงซานทันทีด้วยสายตาหวาดกลัว
หลิวชิงซานเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน จากนั้นกลับมามีสติในทันที และพูดด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อยเสี่ยวหวานต้องการพูดคุยกับเจ้า เจ้ารีบไปเถอะ! เสี่ยวหวานถามอะไรเจ้า เจ้าต้องตอบอย่างรอบครอบ!”
คำพูดของเขาเป็นเหมือนกับการเตือน
คำพูดของหลิวชิงซานเป็นเหมือนคำสั่ง กู้ฟางสี่พยักหน้า จากนั้นเดิมก้มหน้างุดไปหากู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานมองการแสดงออกของทั้งสองด้วยความสงสัย
กู้ฟางสี่ตามกู้เสี่ยวหวานไปที่ห้องของนาง หลังจากประตูถูกปิดลง กู้เสี่ยวหวานก็เชิญกู้ฟางสี่ให้นั่งลง
กู้เสี่ยวหวานรินชาให้กู้ฟางสี่หนึ่งถ้วย จากนั้นนิ่งเงียบไม่พูดอะไรอยู่นาน เพียงแค่มองไปที่กู้ฟางสี่ และก้มศีรษะลงเพื่อดื่มชาเป็นครั้งคราว
กู้ฟางสี่หยิบถ้วยชาขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา และทำชาหกโดยไม่รู้ตัว
นางรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวของกู้เสี่ยวหวานน่าหวาดกลัว ราวกับว่ากำลังบีบคั้นนางมากเสียจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้ และนางไม่กล้าโกหกแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัวรอบกายของกู้เสี่ยวหวานนั้นแตกต่างจากของหลิวชิงซาน
บรรยากาศรอบกายของกู้เสี่ยวหวานนำมาเป็นเพียงการกดดันเท่านั้น หากแต่ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต
แต่กลับหลิวชิงซานนั้นแตกต่างออกไป…
กู้ฟางสี่ดื่มชาต่อหน้านาง หากแต่มือยังคงสั่นสะท้าน ซึ่งทรยศต่อการแสดงออกของนางในขณะนี้
ครั้นเห็นผู้เห็นอาอยู่ในอาการหวาดกลัว กู้เสี่ยวหวานก็ทนไม่ได้อีกต่อไป วางถ้วยชาในมือลงและเอ่ยถามด้วยความกังวล “ท่านอา ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง?”
ใช่แล้ว นางเป็นอย่างไรบ้างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้?
กู้ฟางสี่วางถ้วยในมือลง ด้วยความไม่ตั้งใจทำให้แขนเสื้อบริเวณข้อมือเลิกขึ้นเล็กน้อย กู้ฟางสี่กลัวว่าผู้เป็นหลานสาวจะเห็นมันจึงรีบดังเสื้อลง ครั้นกู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของนาง ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานก็เต็มไปด้วยคำถาม
“ดี ๆๆ ข้าสบายดี!” เมื่อได้ยินถ้อยคำที่กู้ฟางสี่บอกว่าสบายดี แต่เมื่อมองดูรูปร่างผอมบางของนางแล้ว มันจะดีได้อย่างไร?
“ตอนนี้ท่านอาเป็นอย่างไรบ้าง ข้าไม่รู้ว่าท่านอาโกหกตัวเองหรือโกหกข้ากันแน่” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
กู้เสี่ยวหวานเดาว่าความสัมพันธ์ระหว่างกู้ฟางสี่และหลิวชิงซานต้องไม่เหมือนสิ่งที่พวกเขาแสดงให้เห็น
ทันทีที่กู้ฟางสี่ได้ยินสิ่งนี้ มือของนางก็สั่นสะท้านด้วยความประหม่า แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ร่างกายของนางเริ่มสั่นระริก พูดอย่างตะกุกตะกักและต้องการตอบคำถามของกู้เสี่ยวหวาน แต่ก็ไม่อาจจะเอ่ยมาเป็นประโยคที่สมบูรณ์แบบได้ “ข้า… ข้า… ข้าและสามี… สบายดีมาก ก่อนหน้านี้… ค่อนข้างดี แต่ต่อมาครอบครัวข้าขาดทุนและสูญเสียทรัพย์สินทั้งหมด ดังนั้นพวกข้าจึงลงเอยด้วยการอาศัยอยู่ข้างถนน… และตอนนี้พวกข้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก…”
กู้ฟางสี่เอ่ยเหมือนคนท่องจำหนังสือ และพูดคำที่หลิวชิงซานบอกด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
กู้เสี่ยวหวานมองนางอย่างตั้งใจ กู้ฟางสี่ก็รู้สึกผิดเล็กน้อย จึงลูบจมูกตนเองและพูดว่า “เสี่ยวหวาน เจ้า… มองข้าเช่นนั้น… ทำไมกัน?”
กู้ฟางสี่รู้สึกผิดเล็กน้อยในใจ แต่นางไม่สามารถทนได้มากกว่านี้ ดูเหมือนว่ากู้เสี่ยวหวานจะมองทะลุผ่านความคิดของนางได้หมดเปลือก
“เสี่ยวหวาน… ข้า… จะไม่อยู่กับเจ้านานนัก ข้าจะรีบออกไปทันที…” กู้ฟางสี่เอ่ยเสียงแผ่ว
กู้เสี่ยวหวานคิดว่ากู้ฟางสี่คิดว่าตนเองไม่ชอบนาง ดังนั้นนางจึงรีบอธิบาย “ท่านอา ท่านเป็นญาติของข้า ท่านสามารถอยู่ที่นี่ได้นานเท่าที่ต้องการ!”
กู้ฟางสี่เป็นอาเพียงคนเดียวที่ปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดีในบรรดาสมาชิกทุกคนในตระกูลกู้ กู้เสี่ยวหวานจำมันได้เสมอ