ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 80 ใส่เสื้อผ้าใหม่แล้ว
บทที่ 80 ใส่เสื้อผ้าใหม่แล้ว
บทที่ 80 ใส่เสื้อผ้าใหม่แล้ว
แต่กู้เสี่ยวหวานขอให้ท่านป้าจางช่วยนางขายหน่อไม้ และนางก็ขอให้ท่านป้าจางช่วยนางด้วย
“ตกลง!” ท่านป้าจางตอบไม่คิด “สาวน้อยกู้ เก็บหน่อไม้ไว้ที่นี่ แล้วข้ากับฉือโถวพี่ชายของเจ้าจะเอามันไปขายที่เมืองพรุ่งนี้เช้า”
“ท่านป้าจางเจ้าคะ ดูท้องฟ้าข้างนอกสิ คาดว่าอีกไม่นานหิมะคงตก ข้ากลัวว่า…” กู้เสี่ยวหวานพูดถึงสิ่งที่คุยกับหลี่ฝาน “เถ้าแก่ร้านจิ่นฝูบอกว่าพรุ่งนี้ก่อนที่ร้านจะเปิดให้นำหน่อไม้ไปส่งที่นั่น ข้าแค่กลัวว่าถ้าพรุ่งนี้หิมะตกหนักคงยากที่จะออกไป”
ความกังวลของกู้เสี่ยวหวานไม่ผิด ถ้าหิมะตกลงมาไม่รู้จะเดินลำบากขนาดไหน ยิ่งกว่านั้น ยังมีหน่อไม้อีกกว่าสามร้อยชั่งที่ต้องเข้าไปส่งในเมือง เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดินเท้าและแบกของไปด้วย
“ไม่เป็นไร!” ท่านลุงจางซึ่งนิ่งเงียบอยู่ข้าง ๆ มาเนิ่น เขาก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “ที่บ้านมีวัวและเกวียน ข้าจะไปจัดเกวียนเดี๋ยวนี้ พรุ่งนี้ท่านและพี่ฉือโถวของเจ้าจะขับเกวียนวัวเข้าไปในเมืองตั้งแต่เช้าตรู่”
เมื่อท่านป้าจางได้ยินสิ่งนี้ นางพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ใช่ ข้าลืมสิ่งนี้ไปได้อย่างไร”
ในอดีตตอนที่ท่านลุงจางยังไม่ได้รับบาดเจ็บ หากที่บ้านมีของต้องการขายเป็นจำนวนมาก เขาจะจัดเกวียนวัวและนำมันไปขายในเมือง ต่อมาเมื่อท่านลุงจางได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่มีสิ่งใดในบ้านสามารถขายได้
เกวียนวัวนี้จึงไม่ได้ถูกใช้งานมานานหลายปี
“ท่านพ่อ ข้าจะพยุงท่านไป! พ่อแค่นั่งข้าง ๆ และสอนวิธีแก่ข้าก็พอ!” เมื่อเห็นท่านลุงจางยืนขึ้น เสี่ยวฉือโถวก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยพยุงท่านลุงจาง และช่วยพาเขาออกไปข้างนอก
กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินว่าที่บ้านท่านป้าจางมีเกวียนวัว
หลังจากบอกลาครอบครัวของท่านป้าจาง ท่านป้าจางก็ไม่วางใจให้เด็กสองคนนั้นเดินกลับไปในตอนกลางคืน นางจึงขอให้เสี่ยวฉือโถวจุดตะเกียงอีกดวง และไปส่งพวกเขากลับบ้าน
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานกลับถึงบ้าน กู้หนิงอันและกู้เสี่ยวอี้ก็อาบน้ำ แต่งตัว และนอนรออยู่ใต้ผ้าห่มแล้ว หม้อขนาดใหญ่สองใบในห้องครัวเต็มไปด้วยน้ำร้อน และพวกเขากำลังรอให้กู้เสี่ยวหวานและกู้หนิงผิงกลับมาล้างชำระร่างกาย
หลังจากวุ่นวายมาทั้งวัน กู้เสี่ยวหวานยังคงลุกขึ้นไปล้างทำความสะอาดร่างกาย และกลับมานอนบนเตียงด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ ไม่ต้องพูดถึงว่านางสบายแค่ไหน
เช้าวันรุ่งขึ้น กู้เสี่ยวหวานลืมตา ครั้นเปิดหน้าต่างสายลมหนาวก็พัดผ่านเข้ามากระทบใบหน้า กู้เสี่ยวหวานซึ่งยังคงสะลึมสะลือก็ตื่นขึ้นเต็มตา นางจึงออกไปข้างนอก และพบว่าภายนอกถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
ดูเหมือนว่าหิมะจะตกเมื่อคืน โดยมีหิมะหนาเป็นชั้น ๆ เมื่อมองดูหิมะหนาทึบนั้นกู้เสี่ยวหวานรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าท่านป้าจางและคนอื่น ๆ ไปถึงเมืองแล้วหรือยัง หิมะตกหนักเช่นนี้คงเดินลำบากแน่นอน
กู้เสี่ยวหวานในขณะนี้ก็ไม่มีกระจิตกระใจที่จะนอนอีกต่อไป และรีบลุกขึ้นแต่งตัวทันที นางไม่ต้องการสวมเสื้อผ้าสกปรกที่ถอดออกเมื่อวานนี้ เช่นนั้นจึงสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่นำกลับมาจากในเมือง แม้เสื้อผ้าจะทำจากผ้าฝ้ายราคาถูกที่สุด แต่ทว่าก็เป็นของใหม่ หนานุ่ม และให้ความอบอุ่น
ฝีมือของสะใภ้ฝูคนนี้ก็ดีมากเช่นกัน ฝีเข็มแน่น ส่วนผ้าฝ้ายด้านในก็แข็งและหนานุ่มมาก
กู้เสี่ยวหวานสวมเสื้อผ้า และเริ่มมีปัญหากับผมยาวยุ่งเหยิงของตน
ผมของกู้เสี่ยวหวานเจ้าของร่างเดิมค่อนข้างยาว แต่มันทั้งแห้งกรอบและเหลือง โดยเฉพาะปลายผมที่ทั้งแห้งและแตกปลาย และคุณภาพของผมก็แย่มาก เมื่อคืนกู้เสี่ยวหวานสระผม และพบว่าหวีผมได้อย่างลำบาก นางจึงตัดปลายผมด้วยกรรไกร วันนี้ผมของนางจึงเหลือเท่าหน้าอกเท่านั้น
แม้จะไม่ยาวนัก แต่ในสมัยนี้ผมดังกล่าวถือว่ายังเป็นผมยาวอยู่
กู้เสี่ยวหวานในชาติก่อนมีผมสั้น นางคิดว่าผมยาวนั้นดูแลยากและก็ใช้ยาสระผมมากไปด้วย ถ้ามีเวลาว่างมานั่งดูแลผมก็คิดว่าควรใช้เวลาว่างนั้นไปกับการทำอาหารดี ๆ สักจาน และให้รางวัลตัวเองดีกว่า ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงไม่ชอบไว้ผมยาว
แต่ที่นี่ต่างออกไป เด็กผู้หญิงควรไว้ผมยาว ถ้าตัดผมสั้นอย่างเรียบร้อยเหมือนในชาติก่อน กู้เสี่ยวหวานคาดว่าในวันพรุ่งนี้นางจะถูกจับขัง และชาวบ้านจะคิดว่ากู้เสี่ยวหวานเสียสติไปแล้วแน่นอน
กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการเป็นที่ดึงดูดความสนใจมากนัก นางยังคงเข้าใจหลักการของจารีตประเพณีในชนบท
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน นางก็ไม่รู้ว่าจะประดับเครื่องประดับผมโบราณและซับซ้อนเหล่านี้อย่างไร แล้วทำไมไม่ทำผมเปียสองเส้นล่ะ? คิดดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงตัดสินใจถักเปียสองข้าง
หลังจากถักเปียแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็หันศีรษะ และเห็นกู้เสี่ยวอี้มองตัวเองด้วยดวงตาเป็นประกาย “ท่านพี่ ท่านพี่สวยมาก!”
กู้เสี่ยวหวานไม่คิดว่าจะได้ยินพูดคำเช่นนี้จากปากของกู้เสี่ยวอี้ที่อายุยังน้อย เมื่อได้ยินเรื่องนี้นางก็รู้สึกเขินเล็กน้อย นางดึงชายเสื้อของตนเองด้วยความเขินอายและพูดว่า “เสี่ยวอี้ ดูดีหรือไม่?”
กู้เสี่ยวอี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ปรบมือและพูดว่า “ท่านพี่สวยมาก ท่านพี่สวยมาก…”
กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงก็ตื่นแต่เช้าเช่นกัน แต่พวกเขารู้สึกหนาวเพราะข้างนอกมีหิมะตก ดังนั้นจึงไม่อยากลุกขึ้นจริง ๆ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวอี้ พวกเขาทั้งหมดก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน
ปัจจุบันกู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่และสะอาดเอี่ยม และหวีผมของนางอย่างพิถีพิถันราวกับว่านางได้เกิดเป็นคนใหม่
เดิมทีกู้เสี่ยวหวานเป็นเด็กหน้าตาดี มีคิ้วหนาและดวงตากลมโต ริมฝีปากอวบอิ่ม จมูกเป็นสันโด่ง ใบหน้าเรียวเล็ก มาตอนนี้แต่งตัวสะอาดสะอ้านจึงทำให้ดูสะดุดตา
กู้หนิงผิงถึงกับเอ่ยชมอย่างเกินจริง “ว้าว นี่คือท่านพี่ของข้าหรือเนี่ย?”
เมื่อเห็นกู้หนิงผิงเอ่ยเช่นนั้น กู้เสี่ยวหวานก็พูดอย่างอารมณ์ดี “หากข้าไม่ใช่พี่สาวของเจ้า แล้วใครเป็นพี่สาวของเจ้ากัน!”
“ท่านพี่ วันนี้ท่านสวยเกินไปแล้ว” กู้หนิงอันก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน
เด็กทั้งสามคนพูดถูก แท้จริงแล้วกู้เสี่ยวหวานสวมเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายบุนวมมีลวดลายดอกไม้สีชมพูบนพื้นหลังสีขาว ฝีมือของพี่ฝูดีมากจริง ๆ มันเป็นไปตามขนาดของกู้เสี่ยวหวาน ไม่คับจนเกินไป ไม่หลวมจนเกินไป อย่างไรก็ตามการสวมใส่บนร่างกายจะดูพิเศษกว่าเล็กน้อย แต่ดูไม่บวมเลย อวดหุ่นได้ดีมาก ด้านล่างเป็นกางเกงขายาวสีเดียวกันซึ่งขับให้นางดูบอบบางและอ่อนโยน เปียสองข้างยาวพาดผ่านบ่าระอยู่บนหน้าอกอย่างเรียบร้อย นางมีมารยาทงามพอกับหญิงสาวจากตระกูลใหญ่ อีกทั้งกู้เสี่ยวหวานก็หน้าตาดีอยู่แล้ว ดังนั้นการแต่งตัวแบบนี้ก็ทำให้นางดูน่ารักเหมือนกับภูติสวรรค์ตัวน้อยที่อยู่บนภูเขา
“เจ้าเด็กบ้าพวกนี้รีบลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้าใหม่สิ แล้วพวกเจ้าก็จะดูดีเหมือนกัน” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อเด็กเหล่านี้จ้องมาที่ตน และรีบมาที่เตียงเพื่อปลุกเด็ก ๆ ให้ลุกขึ้น
…………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนมันหน้าตาดีอยู่แล้ว แต่งตัวให้ดีก็ดูดีขึ้นเป็นธรรมดา
น้อง ๆ ที่เหลือเอาเสื้อผ้าใหม่มาใส่บ้างสิ
ไหหม่า(海馬)