ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 802 ท่านอามีชีวิตที่ยากลำบาก
บทที่ 802 ท่านอามีชีวิตที่ยากลำบาก
บทที่ 802 ท่านอามีชีวิตที่ยากลำบาก
“อ่า? เสี่ยวหวาน ข้าไม่ได้เข้าไป ข้าไม่ได้…” กู้ฟางสี่อธิบายอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยินสิ่งนี้
“ไม่ได้เข้าไปหรือ? ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไมปิ่นปักผมของข้าถึงไปอยู่ที่โรงรับจำนำ นอกจากนี้ชายที่โรงรับจำนำยังบอกว่าคนนำสิ่งนี้ไปไว้ที่โรงรับจำนำลักษณะเหมือนสามีท่าน!” กู้เสี่ยวหวานร้อนรนกระวนกระวาย
เมื่อกู้ฟางสี่ได้ยินสิ่งนี้ หัวใจก็รู้สึกห่อเหี่ยว “เสี่ยวหวาน ข้า… ข้า…”
ในขณะนี้ป้าจางที่ได้ยินเสียงทะเลาะโวยวายจึงรีบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นกู้ฟางสี่ล้มลงบนพื้น จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ฟางสี่ เจ้าเป็นอะไรไป? รีบลุกขึ้นเร็ว!”
อย่างไรก็ตาม กู้ฟางสี่นั่งไร้เรี่ยวแรง และมองไปยังกู้เสี่ยวหวานอย่างรู้สึกผิด “เสี่ยวหวาน ข้าขอโทษ! ข้าต้องการเงินเป็นอย่างมาก ดังนั้น ข้า… ข้าจึงต้องขายของของเจ้า! ปิ่นปักผมในห้องของเจ้า ก็เป็นข้าที่ขโมยไป…”
“ฟางสี่ เจ้าขโมยปิ่นปักผมของสาวน้อยเสี่ยวหวานหรือ? ถ้าเงินไม่พอเจ้าก็บอกสาวน้อยหวานได้ ไม่จำเป็นต้องมาขโมยเช่นนี้!” ป้าจางรู้สึกโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ นางดึงกู้ฟางสี่ขึ้นแล้วถอนหายใจ “ฟางสี่ เจ้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมเจ้าถึงกลายเป็นแบบนี้? เจ้าบอกข้ามา เจ้าบอกข้ามาสิ!”
ป้าจางคว้าแขนของกู้ฟางสี่ไว้ สีหน้าของกู้ฟางสี่เปลี่ยนไป นางสะบัดตัวออกจากการจับกุมของป้าจางทันที “พี่สะใภ้ ข้าแค่ต้องการใช้เงิน!”
“เจ้าเอาเงินไปทำอะไร!” ป้าจางเอ่ยอย่างขมขื่น “เจ้ากับหลิวชิงซานอาศัยอยู่ที่นี่ สาวน้อยเสี่ยวหวานก็ไม่เคยเก็บเงินจากพวกเจ้าเลย ทั้งยังให้เสื้อผ้า ให้อาหาร ให้เครื่องดื่ม ให้ของใช้อีกมากมาย สาวน้อยเสี่ยวหวานจัดการทุกอย่างให้เจ้า ทำไมเจ้าถึงตั้งใจทำเรื่องน่าละอายและทำร้ายจิตใจสาวน้อยเสี่ยวหวานแบบนี้!”
ป้าจางต้องการปลุกกู้ฟางสี่ที่อยู่ตรงหน้าให้ได้สติขึ้นมา
กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าซีดเผือด และมองไปยังกู้ฟางสี่ด้วยแววตาเย็นชา
มันเป็นเวลาเนินนานที่ป้าจางไม่เคยเห็นกู้เสี่ยวหวานตำหนิสมาชิกในครอบครัวแบบนี้ แต่คราวนี้กู้ฟางสี่ทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไปมาก
นี่มันต่างอะไรกับการเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้!
ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยความโกรธ หัวใจเต้นแรงขนแทบเด้งกระดอนออกมา
นางไม่เคยคิดว่าจะมีขโมยอยู่ในบ้าน
ยิ่งกว่านั้น หัวขโมยผู้นี้ แท้จริงแล้วคืออาของนางเอง!
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกโกรธมากจริง ๆ
นางกลัวว่ากู้ฟางสี่และหลิวชิงซานจะรู้สึกอึดอัดที่จะอยู่ที่นี่ ดังนั้นนางจึงบอกพวกเขาเป็นครั้งคราวว่าให้ถือว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง
นั่นเป็นการพูดเพื่อให้นางสบายใจ และคิดว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองจริง ๆ
การเข้าไปในห้องของคนอื่นก็เหมือนกับการเข้าห้องของตัวเอง และการหยิบของคนอื่นไปก็เหมือนกับหยิบสิ่งของตนเอง
มันไม่สมเหตุสมผลเลย!
ป้าจางเองก็โกรธมากเช่นกัน ดังนั้นนางจึงยืนขึ้นและพูดอย่างดุดันว่า “ฟางสี่ เรื่องที่เจ้าทำคราวนี้ ยกโทษให้พี่สะใภ้ที่ไม่ได้อยู่ข้างเจ้าแล้วกัน เสี่ยวหวานใจดีต่อพวกเจ้ามาก แต่เจ้ากลับขโมยของของนางไป มันต่างอย่างไรกับการเลี้ยงขโมยไว้ในบ้าน อย่าว่าแต่สาวน้อยเสี่ยวหวานจะโกรธเลย แม้แต่ข้า ครั้งนี้ข้าก็จะไม่ยืนข้างเจ้าแน่!”
คราวนี้ ป้าจางพูดจนสุดลมหายใจ หยุดลงด้านข้างและจ้องมองไปยังกู้ฟางสี่
เมื่อกู้ฟางสี่เห็นสายตาของกู้เสี่ยวหวานและป้าจางมองมาที่ตนเองอย่างเศร้าสร้อย และรู้สึกว่าความผิดครั้งนี้ของนางมันมากเสียจนเกินไป
แต่… ดวงตาของกู้ฟางสี่ฉายชัดถึงความคับข้องใจและความเศร้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แต่จะให้นางพูดความจริงได้อย่างไร
ผู้เป็นอามีน้ำตาคลอเบ้า นางได้แต่มองดูกู้เสี่ยวหวานอย่างรู้สึกผิดโดยไม่พูดอะไรสักคำ
หลังจากผ่านไปนาน และเห็นนางปิดปากเงียบอยู่เนินนาน กู้เสี่ยวหวานจึงถือว่านางยอมรับ
กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าและปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา นางคิดเสมอว่าอาของนางยังคงเป็นอาคนเดิม แต่ใครจะรู้เล่า เวลาเปลี่ยนไป สิ่งต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไป แม้แต่ผู้คนเองก็เปลี่ยนไป และนางไม่สามารถย้อนกลับไปในอดีตได้
หัวใจของกู้เสี่ยวหวานรู้สึกอ้างว้าง
ตนเองปฏิบัติต่อนางอย่างดี แต่คนอื่น ๆ กลับเห็นว่านางเป็นคนโง่ ความรู้สึกของการได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ยังคงอยู่รอบตัวของกู้เสี่ยวหวานและไม่สามารถฟื้นตัวได้นาน
หลังจากนั้นไม่นาน กู้เสี่ยวหวานก็เช็ดน้ำตาออกจากหางตาและพูดอย่างเย็นชา “ท่านอา ถ้าพบสถานที่ที่ดีแล้ว พวกท่านโปรดออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด!”
หลังจากพูดจบ กู้ฟางสี่ก็มีท่าทางประหลาดใจ และกู้เสี่ยวหวานก็ผลักประตูเปิดออกและเดินจากไป
เสี่ยวหวานกำลังออกคำสั่งขับไล่แขก
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานจากไปด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ป้าจางก็ถอนหายใจ “ฟางสี่ ทำไมเจ้าถึงทำร้ายจิตใจของเสี่ยวหวานด้วยการทำสิ่งนี้ด้วย!”
หลังจากพูดจบ นางก็ส่ายศีรษะและเดินตามกู้เสี่ยวหวานออกไป
ในใจของกู้ฟางสี่รู้สึกราวกับโดนมีดกรีดลงบนหัวใจ ความเจ็บปวดรวดร้าวที่นางไม่สามารถทนได้เข้ามาเกาะกุมหัวใจ นางถือผ้าเอาไว้แล้วร้องไห้คนเดียวเงียบ ๆ
เมื่อกู้เสี่ยวหวานจากไปด้วยความโกรธและไม่สบายใจ นางได้พบกับฉินเย่จือที่กลับมาจากข้างนอกพอดี
เมื่อเห็นท่าทางไม่พอใจของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย และเดินตามนางเข้าไปในห้อง
“หวานเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” ฉินเย่จือถามด้วยความกังวลทันทีที่เข้ามาในห้อง
ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานดูไม่ค่อยดีนัก ดูเหมือนว่านางกำลังโกรธ หางตาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ท่าทางของนางน่าสงสารยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานไม่ได้พูดอะไร และโผเข้าไปในอ้อมแขนของฉินเย่จืออย่างไร้เรี่ยวแรงและร้องไห้อย่างเงียบ ๆ
ฉินเย่จือกอดนางเอาไว้ แล้วลูบแผ่นหลังนางอย่างแผ่วเบาและปลอบโยนนาง
หลังจากนั้นไม่นาน กู้เสี่ยวหวานก็สะอื้นและพูดว่า “ข้าขอให้อาหญิงและหลิวชิงซานย้ายออกไปโดยเร็วที่สุด!”
ฉินเย่จือผงะ และถามอย่างกระวนกระวาย “ที่เจ้าร้องไห้นี่เป็นเพราะอาของเจ้าขโมยปิ่นปักผมที่ข้าเคยให้เจ้าหรือ?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” กู้เสี่ยวหวานสงสัยว่าทำไมฉินเย่จือถึงรู้เรื่องนี้
“ท่านลุงหลี่บอกข้า!” ฉินเย่จือกล่าว “เพราะข้าเพิ่งได้รับข่าว หลังจากได้ยินข่าวจากลุงหลี่ข้าก็กลับมาเพื่อบอกเจ้า! บางทีอาของเจ้าคงจะมีชีวิตที่ยากลำบาก!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินเย่จือพูด ก็มีแสงประกายวาบในดวงตาของกู้เสี่ยวหวานทันที “พี่ฉินหมายถึงอะไร…”
น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
“อาของเจ้ากับหลิวชิงซานไม่ได้รักกันเหมือนดังที่เราเห็น แต่ตรงกันข้าม หลิวชิงซานดื่มเหล้า เล่นการพนัน ถ้าเขาดื่มมากเกินไปหรือแพ้พนันก็จะทุบตีอาของเจ้า ได้ยินมาว่าเมื่อหลายปีก่อน อาของเจ้าตั้งท้องลูกคนหนึ่งได้กว่าสี่เดือนแล้ว แต่นางถูกหลิวชิงซานทุบตีจนแท้งลูก ตั้งแต่นั้นมานางก็ไม่เคยตั้งท้องอีกเลย!” ฉินเย่จือบอกกู้เสี่ยวหวานเกี่ยวกับข่าวที่อาเว่ยสืบมาให้เขา