ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 803 แยกกันอยู่
บทที่ 803 แยกกันอยู่
บทที่ 803 แยกกันอยู่
ครั้นกู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งนี้ ก็พบว่าเรื่องคงไม่ง่ายอย่างนั้นจริง ๆ แต่ไม่คาดคิดว่าอาเขยของนางจะใช้ความรุนแรงในครอบครัวอยู่เป็นเวลาหลายปีและทำให้เสียลูกไป!
หลิวชิงซานคนนี้เป็นเพียงสัตว์ร้าย!
เมื่อเห็นท่าทางเคร่งเครียดของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็รับรู้ได้ทันทีว่านางกำลังเศร้า แม้ว่าจะไม่ได้เจอกู้ฟางสี่มาหลายปีแล้ว แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างพวกนางก็ยังคงมีอยู่ ก่อนกู้ฟางสี่จะแต่งงานออกไป นางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน และกู้ฟางสี่ก็ดูแลกู้เสี่ยวหวานและน้อง ๆ เป็นอย่างดี
กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่คนเนรคุณ ดังนั้นโดยไม่ต้องคิด นางต้องจัดการหลิวชิงซานให้กู้ฟางสี่
ฉินเย่จือรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจะตอบแทนกู้ฟางสี่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางจะตอบแทนคนแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้อง!
สามีของท่านอางั้นหรือ? เหอะ! เขามันก็แค่สัตว์ร้าย
สัตว์ร้ายที่ทุบตีผู้หญิงตอนตัวเองเมามาย แม้แต่ลูกตัวเองก็ไม่เว้น!
สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานเกลียดที่สุดก็คือการที่เขาทำตัวยิ่งใหญ่ แอบอ้างว่าตัวเองเป็นเจ้านาย อาศัยร่างกายและความแข็งแกร่งเพื่อเอาเปรียบผู้หญิง เขาปฏิบัติกับสตรีราวกับว่าไม่ใช่มนุษย์และระบายความโกรธลงบนร่างกายของนาง
ลองย้อนมองดูตอนนี้ ทำไมกู้ฟางสี่ถึงมองหลิวชิงซานด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก นั่นเป็นเพราะว่านางถูกทำร้ายมานานหลายปี นางจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร?
กู้เสี่ยวหวานกัดฟันแน่น โดยหวังว่าจะกระโจนเข้าไปแล้วฉีกหลิวชิงซานเป็นชิ้น ๆ
เมื่อรู้ถึงความโกรธของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็ตบไหล่นางและพูดต่อว่า “เสี่ยวหวาน เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนบอกหลิวชิงซานว่าเราอยู่ในเมืองหลิวเจีย?”
กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นทันที นางสงสัยมาตลอดว่าทำไมหลิวชิงซานถึงมาที่บ้านของนางโดยบังเอิญ ปรากฏว่ามีใครบางคนอยู่เบื้องหลังจริง ๆ!
“ใครหรือ?”
“กู้ฉวนลู่!”
เป็นเขาอีกแล้ว!
“เขาต้องการอะไรกันแน่?” กู้เสี่ยวหวานกัดฟันกรอด
ครอบครัวนี้ไม่ยอมแพ้จริง ๆ ไม่ว่าจะต้องทำด้วยวิธีใด พวกเขาไม่ยอมให้นางมีชีวิตที่ดี
นางมีวันที่ดีไม่กี่วัน คนเหล่านี้ก็ร้อนรนจะทนไม่ได้เสียแล้ว
“ได้ยินมาว่าก่อนที่จะมาที่นี่ อาของเจ้าเคยถูกหลิวชิงซานมัดไว้กับต้นไม้เป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน!”
“ว่าอย่างไรนะ?” กู้เสี่ยวหวานนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนคุยกับกู้ฟางสี่ นางจะมักจะดึงแขนเสื้อปิดข้อมือตลอดเวลาไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม เป็นไปได้หรือไม่ว่านางทำเช่นนี้เพราะกลัวว่านางจะเห็นบาดแผลบนข้อมือ”
“ข้าไม่รู้ว่าหลิวชิงซานพาอาของเจ้ามาที่นี่เพราอะไร แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกู้ฉวนลู่ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถละเลยได้!” ฉินเย่จือกล่าว
ดังคำกล่าวที่ว่า คนตายเพราะทรัพย์สมบัติ นกตายเพราะอาหาร
ไม่ว่าผลประโยชน์จะเล็กน้อยเพียงใด ต่อหน้าคนโลภ ความน่ารังเกียจมนุษย์จะถูกเปิดเผยออกมาเรื่อย ๆ เหมือนกับการตอกย้ำและระบายความโลภของมนุษย์ออกมาอย่างสุดโต่ง
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะระวังไว้!”
“มีข้าอยู่ที่นี่ จะไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้!” จู่ ๆ ฉินเย่จือก็พูดออกมา
กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นฉินเย่จือมองนางอย่างอ่อนโยน หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะพยักหน้าและส่งเสียงตอบรับกลับไป
หัวใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบบซึ้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานคิดว่านางตำหนิอาของนางด้วยความเข้าใจผิด และเมื่อคิดว่าอาของตนต้องทนทุกข์กับหลิวชิงซานมามาก พลันรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก และเมื่อครู่นางยังไปกล่าวโทษอาอย่างผิด ๆ อีก จึงไม่รู้สึกสบายอย่างยิ่ง
อาหญิงใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่ตัวเองพ่นวาจาแบบนั้นออกไปทำร้ายจิตใจของนาง เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานดูเหมือนจะทำอะไรผิดไป
“ข้าควรทำอย่างไรดี? พี่ฉิน ข้าทำผิดต่ออาของข้า” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
“หวานเอ๋อร์ ไม่ต้องเสียใจไป เจ้าไม่รู้ มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า!” ฉินเย่จือปลอบใจนางอย่างรวดเร็วและพูดอย่างหนักแน่น “ตอนนี้ เราต้องคิดหาวิธีทำให้อาของเจ้ากับหลิวชิงซานแยกกันอยู่!”
“แยกกันอยู่?”
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าสิ่งนี้คล้ายกับการหย่าร้างในชาติที่แล้ว
หากผู้หญิงในสมัยนี้ต้องการจากไป นางทำได้เพียงขอแยกกันอยู่ และถ้าเมื่อหย่าร้างจะถูกเรียกว่าผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้ง คนอื่นจะชี้หน้ามาที่ตนเองและสาดคำพูดทิ่มทางนาง ถ้าอาถูกหย่าร้าง หลังจากนี้คงเป็นเรื่องยาก
เพราะฉะนั้นจึงเลือกได้แค่ขอแยกกันอยู่
ถึงจะแยกกันอยู่เพราะผู้ชายไม่ยอมหย่า แต่ฝ่ายหญิงก็ไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ถึงแม้จะฟังดูไม่ดี แต่ก็ไม่ควรถูกพูดอะไรไม่ดีใส่
ฉินเย่จือต้องรู้เกี่ยวกับสถานการณ์นี้ด้วย ดังนั้นเขาจึงบอกให้อาของนางและหลิวชิงซานแยกกันอยู่
“แล้วเราควรทำอย่างไรดี? หลิวชิงซานจะไม่แยกกันอยู่กับอาของข้าอย่างแน่นอน!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างหมดหนทาง
“อย่าเดาไปก่อน เจ้ากับท่านป้าจางไปถามนางเถอะว่าเกิดเรื่องอะไรกับนางกันแน่” ฉินเย่จือแนะนำ
กู้เสี่ยวหวานเป็นเพียงแค่เด็ก การเข้าไปยุ่งระหว่างเรื่องของสามีและภรรยาของคนอื่นคงไม่สะดวก และตัวเองก็เป็นผู้ชายด้วยก็ไม่สะดวกเช่นกัน
แต่ป้าจางแตกต่างออกไป
ในอดีตนางเฝ้าดูกู้ฟางสี่เติบโตขึ้น แต่ตอนนี้ป้าจางยังคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากู้ฟางสี่มีชีวิตที่ดี!
เป็นการดีที่สุดถ้านางจะออกหน้า
กู้เสี่ยวหวานมาหาป้าจาง และบอกป้าจางเกี่ยวกับแผนการของฉินเย่จือ
ครั้นป้าจางได้ฟัง ดวงตาและปากของป้าจางเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อ
หลังจากความไม่เชื่อก็มีความโกรธอย่างมาก
“หลิวชิงซานคนนี้ไม่สมควรตายดี!” ป้าจางสาปแช่งด้วยความโกรธ
กู้เสี่ยวหวานจึงหารือกับป้าจาง
ไม้ในมือของป้าจางตีลงบนเสื้อผ้า ระบายความโกรธในใจที่ปะทุขึ้น และนางก็ออกแรงมากขึ้นราวคิดว่าเสื้อผ้านั้นคือหลิวชิงซาน
“ท่านป้าจาง ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านอาต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างเป็นทุกข์ “ข้าแค่อยากให้ท่านอามีชีวิตที่ดี…”
ป้าจางพยักหน้าและพูดอย่างเป็นทุกข์ “สาวน้อยเสี่ยวหวาน เจ้าอย่าร้องไห้ไปเลย ข้ารู้ และข้าก็หวังว่าอาของเจ้าจะมีชีวิตที่ดี…”
“อาของเจ้า… ใจดี แต่นางอ่อนแอเกินไป…” ป้าจางถอนหายใจ “ตอนที่ยังเด็ก นางถูกซุนซื่อและเฉาซื่อรุมรังแก ในเวลานั้นเมื่อนางจะไปหาพวกเจ้า นางมักจะแอบเอาอาหารซ่อนไว้ในเสื้อเพื่อนำมาให้พวกเจ้าได้กิน… เฮ้อ ตอนนั้นพวกเจ้ายังเด็ก แต่ข้าจำได้!”