ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 809 เรื่องตอนนั้น
บทที่ 809 เรื่องตอนนั้น
บทที่ 809 เรื่องตอนนั้น
ครั้นเห็นว่ากู้เสี่ยวอี้ร้องไห้ตลอดเวลา กู้ฟางสี่จึงไม่กลัวอีกต่อไป จึงรีบหมอบแล้วเข้าไปกอดนาง “เสี่ยวอี้อย่าร้อง เสี่ยวอี้อย่าร้อง อาไม่กลัว อาไม่กลัว!”
น้ำตาไหลอาบแก้ม หยดน้ำตาไหลรินราวกับไข่มุกไหลลงสู่พื้น
ทั้งสองกอดกันและร้องไห้อย่างขมขื่น
เมื่อเห็นว่ากู้ฟางสี่กำลังร้องไห้ หลิวชิงซานก็ยิ่งหงุดหงิด “ร้องไห้ ร้องไห้ ร้องอยู่ได้ทั้งวัน ทำไมข้าถึงได้โชคร้ายแปดชั่วอายุคนเยี่ยงนี้ที่ไปแต่งงานกับคนอย่างเจ้า ให้ตายเถอะ”
มือของเขายังคงถูกอาโม่พันธการเอาไว้ เท้าของเขาก็กำลังจะเตะขึ้น โชคดีที่กู้ฟางสี่อยู่ไกลจากเขา หลิวชิงซานจึงไม่สามารถเตะนางได้
ตัวตนที่แท้จริงของหลิวชิงซานได้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างเต็มที่ สามีที่ไม่ได้เรื่อง ไม่มีการพัฒนาตัวเอง เป็นอันธพาล เห็นได้ชัดว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากู้ฟางสี่มีชีวิตที่ยากลำบากแค่ไหน
กู้เสี่ยวหวานไม่กล้าแต่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในใจของเธอก็ยิ่งเกลียดกู้ฉวนลู่มากขึ้นเช่นกัน
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่านางกำลังร้องไห้และสาปแช่ง ดังนั้นนางจึงรีบไปที่ด้านข้างของกู้ฟางสี่แล้วพูดเบา ๆ ว่า “เสี่ยวอี้ไม่ต้องร้องแล้ว พาอาเข้าไปในห้องเถอะ”
ป้าจางที่อยู่ด้านข้างดึงกู้ฟางสี่ขึ้นไป หลิวชิงซานพูดจาหยาบคายเกินไป “ฟางสี่ เข้าไปด้านในกันเถอะ! เสี่ยวหวานอยู่ที่นี่ ไม่มีอะไรแล้ว!”
กู้ฟางสี่พยักหน้า นางไม่แม้แต่จะมองไปที่หลิวชิงซานที่ดวงตากำลังลุกเป็นไฟ นางลุกขึ้นแล้วออกไปกับเสี่ยวอี้
หลิวชิงซานเอาแต่สบถคำพูดหยาบช้า ป้าจางไม่ต้องการให้กู้เสี่ยวอี้ได้ยินคำพูดไม่น่าฟังเหล่านี้
เมื่อเห็นว่ากู้ฟางสี่กำลังจะออกไป หลิวชิงซานก็สาปแช่งอีกครั้ง “กู้ฟางสี่ อย่าเพิ่งไปสิ ทำไม เจ้าไม่เชื่อฟังข้าแล้วหรือ? ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”
ผู้คนมากมายยืนเคียงข้างนาง กู้ฟางสี่จะกลัวอะไร นางไม่ได้สนใจคำสบประสาทของหลิวชิงซานเลย และดึงกู้เสี่ยวอี้ออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
หลิวชิงซานเริ่มสาปแช่งอีกครั้ง
กู้เสี่ยวหวานหันไปมองพวกเขาที่เดินออกไปแล้ว นางหันศีรษะกลับมาแล้วมองไปที่หลิวชิงซาน หลิวชิงซานรู้สึกราวกับว่าได้ตกลงไปในธารน้ำแข็ง วิญญาณที่ดุร้ายนี้มันมาจากไหน
กู้เสี่ยวหวานพึมพำและพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “หลิวชิงซาน เลิกเสแสร้งได้แล้ว พวกเรามาคุยกันดี ๆ ดีกว่า! อาหญิงผู้สวยงามดั่งดอกไม้ของข้าต้องมาถูกท่านทำร้ายแบบนี้ ทั้งทุบทั้งตี อาของข้าต้องตกอยู่ในสภาพนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ท่านมันเป็นพวกอันธพาล!”
เมื่อหลิวชิงซานได้ยินเช่นนั้น เขาก็ลูบหน้าด้วยความรำคาญ “ข้าเป็นอันธพาลแล้วอย่างไร? ไม่ว่าข้าจะเป็นคนพาลแค่ไหน แต่กู้ฟางสี่ก็แต่งงานกับข้าแล้ว!”
“ตอนนั้นพวกท่านทำอะไร? ทำไมอาของข้าถึงได้เลือกแต่งงานกับคนอันธพาลอย่างท่าน!” กู้เสี่ยวหวานต้องการถามให้ชัดเจนว่าหลิวชิงซานกับกู้ฉวนลู่ใช้วิธีการใดในตอนนั้นเพื่อให้อาที่ไม่ต้องการแต่งงานกับหลิวชิงซานตอบตกลงในที่สุด!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวชิงซานก็หัวเราะเยาะ “ฮิ ๆ หญิงสาวน่ะ เมื่อเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องแต่งงาน!”
พูดจบ เขาก็บอกกู้เสี่ยวหวานว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นราวกับเป็นเรื่องตลก
หลังจากที่ทุกคนได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาทั้งหมดก็ต้องการที่จะฆ่าหลิวชิงซานและเฉือนเนื้อของกู้ฉวนลู่ทั้งเป็น
แท้จริงแล้ว เมื่อห้าปีก่อน กู้ฟางสี่เฝ้ารอเซี่ยวเจิ้นเซิง สหายสมัยเด็กของนาง แต่ซุนซื่อกับพวกกู้ฉวนลู่และเฉาซื่อไม่ชอบที่กู้ฟางสี่อาศัยอยู่ที่บ้านโดยเปล่าประโยชน์แล้วยังไม่ได้แต่งงานออกไปกลายเป็นหนามยอกอก และเมื่ออายุมากขึ้น อาคนนี้ก็หาครอบครัวที่ดีไม่ได้
เมื่อหาครอบครัวที่ดีไม่ได้ ในอนาคตก็คงเรียกของหมั้นได้ไม่เท่าไร
พวกกู้ฉวนลู่จึงไปหาชายสักคนมาแต่งงานกับกู้ฟางสี่
แน่นอนว่าใช้เวลาไม่นานในการค้นชายสักคนมาแต่งงาน ซึ่งคน ๆ นั้นก็คือ หลิวชิงซาน
หลิวชิงซานแก่กว่ากู้ฟางสี่สิบกว่าปี เขาไม่มีพ่อแม่ อาศัยกิจการครอบครัวที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ก่อนจะเสียชีวิต ครอบครัวนี้ถือได้ว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย
เหตุผลที่หลิวชิงซานยังไม่แต่งงาน ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากแต่ง แต่ไม่มีใครอยากแต่งงานกับเขาเลย
หลิวชิงซานเป็นอันธพาลในหมู่บ้านต้าหม่า
เขาทำชั่วทุกรูปแบบ ลวนลามผู้หญิงดี ๆ ทั้งพูดจาส่อเสียด ทำทุกอย่างยกเว้นฆ่าคนกับวางเพลิง
ชื่อเสียงของเขาในหมู่บ้านต้าหม่านั้นเหม็นเน่าคละคลุ้ง เหม็นไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว
แม้ว่าครอบครัวพอจะมีเงินอยู่บ้าง แต่ผู้ที่รู้พื้นฐานของเขาก็จะไม่มีวันปล่อยให้ลูกสาวของพวกเขาแต่งงานกับหลิวชิงซานอย่างแน่นอน
การแต่งเข้าบ้านหลิว ก็เหมือนผลักลูกสาวเข้าไปในกองไฟ
ดังนั้นหลิวชิงซานคนนี้ที่มีชีวิตอยู่จนถึงวัยสามสิบก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่อยากจะแต่งงานกับเขา
ครั้งนี้บังเอิญได้ยินว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งในหมู่บ้านอู๋ซีที่กำลังมองหาใครสักคนที่จะแต่งงานด้วย และสภาพของครอบครัวนั้นก็ดี พ่อแม่ของนางเสียชีวิตแล้ว ตอนนี้มีพี่ชายคนโตเป็นหัวหน้าครอบครัว เขาจึงรู้ได้ทันทีว่าโอกาสของตนมาถึงแล้ว
ดังนั้นหลิวชิงซานจึงนัดพบกับกู้ฉวนลู่เพื่อเสนอของหมั้นเพื่อแต่งงานกับกู้ฟางสี่
เมื่อเห็นว่าของหมั้นนั้นมากมาย ดวงตาของกู้ฉวนลู่ก็ลุกวาว พวกเขาไม่เคยคิดที่จะตรวจสอบรายละเอียดของบุคคลนี้เพื่อดูว่าเขาเป็นคนอย่างไรและมีอุปนิสัยเป็นอย่างไร!
เงินทองเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาคลายความกังวลได้อย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ หลิวชิงซานยังกล่าวด้วยว่า หลังจากกู้ฟางสี่แต่งงานแล้ว นางไม่ต้องนำของหมั้นมาสักชิ้น
นั่นหมายความว่าตนไม่ต้องเสียเงินสักเหรียญเดียว แล้วยังได้รับเงินอีกจำนวนมาก
นี่เป็นข้อตกลงที่ดีที่ไม่เคยคิดมาก่อน
เป็นผลให้ทุกคนสนใจ และกู้ฟางสี่ถูกขายโดยพี่ชายและพี่สะใภ้ของนางเอง
นางไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะปฏิเสธ
ทำไม?
เนื่องจากกู้ฉวนลู่กลัวว่าหลิวชิงซานจะกลับคำ เขาจึงขอหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร
หลิวชิงซานก็กลัวว่ากู้ฉวนลู่จะกลับคำพูดของเขา ดังนั้นเขาจึงขอหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเช่นกัน!
หลังจากที่กู้ฉวนลู่และคนอื่น ๆ รับของหมั้นของหลิวชิงซานมาแล้ว พวกเขาก็กลับไปเกลี้ยกล่อมกู้ฟางสี่ แต่กู้ฟางสี่ปฏิเสธไม่เห็นด้วย
ไม่ใช่เพราะบุคลิกหรือลักษณะนิสัยของหลิวชิงซาน แต่นางมีเซี่ยวเจิ้นเซิงอยู่ในใจแล้ว และนางจะไม่แต่งงานกับคนอื่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ให้ตายอย่างไรนางก็ไม่ยอม
พวกกู้ฉวนลู่ก็ร้อนใจเพราะว่ารับของหมั้นมาแล้ว แม้กระทั่งวันแต่งงานก็ถูกกำหนดไว้แล้ว
เพื่อไม่ให้สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างไม่เป็นใจ พวกเขาจึงกำหนดวันแต่งงานไว้แล้ว ก็คืออีกห้าวันให้หลัง