ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 811 เฉือนเนื้อเขา
บทที่ 811 เฉือนเนื้อเขา
บทที่ 811 เฉือนเนื้อเขา
“เคยได้ยินการหลิงฉือหรือไม่? มันคือการใช้มีดเฉือนเนื้อมนุษย์ออกทีละชิ้นทั่วร่างจนเห็นกระดูก ทำเช่นนั้นจนถึงจะตาย! แต่ข้าจะไม่ให้ท่านตาย ข้าจะเฉือนเนื้อท่านตอนเช้าและเฉือนอีกทีตอนเย็น เฉือนออกมาให้ได้สี่สิบถึงห้าสิบชิ้น แต่ก็จะไม่ยอมให้ท่านตาย นี่ไม่ใช่การฆ่าคนก็คงไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานมองไปรอบ ๆ ยังดี ยังดี มีแค่พวกเขาสี่คนในห้องอาหารเท่านั้น
หลิวชิงซานจ้องมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความสยดสยอง นางยังเป็นเด็กคนหนึ่งเท่านั้น นาง… สามารถพูดคำเช่นนี้ได้ นางไม่มีความกลัวเลยหรือ?
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่กลัว อย่างไรก็ตาม ข้าจะไม่เฉือนท่านด้วยตัวเอง ในครอบครัวของข้ายังมีอาโม่อยู่!” กู้เสี่ยวหวานดูเหมือนจะเห็นว่าหลิวชิงซานกำลังคิดอะไรอยู่และพูดทันที
เมื่ออาโม่ได้ยินสิ่งนี้ เขาก็พยักหน้าทันทีและพูดว่า “คุณหนู ข้าจะจัดการกับเรื่องนี้ให้เรียบร้อย!”
“เจ้าเป็นทาสที่ต่ำต้อย เจ้ากล้าดีอย่างไร…” หลิวชิงซานหวาดกลัวกู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือ แต่เขาไม่กลัวทาสคนนี้ มืออีกข้างที่ยังสามารถขยับได้ เขาก็เหวี่ยงมันและกำลังจะตีอาโม่
แต่น่าเสียดาย หลิวชิงซานจะไม่ยอมแพ้ ตอนนี้เขาเพิ่งสูญเสียแขนข้างหนึ่งไปโดยอาโม่ ครั้งนี้เขายังไม่ยอมแพ้ และต้องการจะแก้แค้นอาโม่คืน
แต่อาโม่รู้ศิลปะการต่อสู้ หลิวชิงซานจะเอาชนะเขาได้อย่างไร ร่างกายของอาโม่ยังแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน มืออีกข้างที่กำลังกดแขนของหลิวชิงซานจนได้ยินเสียงกระดูกหักดังลั่น
และได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชของหลิวชิงซาน
“หลิวชิงซาน ท่านกำลังทำอะไรอยู่? กำลังจะทำร้ายครอบครัวของข้าหรือ?” กู้เสี่ยวหวานตะคอกอย่างเย็นชา “นี่คือครอบครัวของข้า อยู่ในบ้านของข้าและจะสั่งสอนคนของข้า ท่านล้ำเส้นเกินไปหรือเปล่า?”
หลิวชิงซานไม่สนใจว่าเขาทำอะไรล้ำเส้นหรือเปล่า เขาเหงื่อแตกพลั่กและเจ็บปวดแทบตาย!
กู้ฟางสี่ได้ยินเสียงกรีดร้องข้างใน จึงตระหนกตกใจและกำลังจะลุกขึ้นยืน ป้าจางที่อยู่ข้าง ๆ รีบจับนางไว้ และปลอบโยนว่า “อย่ากลัวไปเลยฟางสี่ นายน้อยฉินและอาโม่รู้ศิลปะการต่อสู้ พวกเขาสามารถปกป้องเสี่ยวหวานได้!”
กู้หนิงผิงที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว ท่านอาไม่ต้องกังวล พี่ใหญ่ฉินและพี่อาโม่เก่งศิลปะการต่อสู้มาก!”
“ท่านอา ข้าไม่ชอบสามีของท่าน!” กู้เสี่ยวอี้พูดในขณะที่กัดนิ้วของตัวเอง
นางไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก แต่นั่นก็เป็นเวลานานมาแล้วที่พฤติกรรมของหลิวชิงซานทำให้ทุกคนในครอบครัวรังเกียจ แม้แต่กู้เสี่ยวอี้ที่อายุน้อยที่สุดก็ไม่มีข้อยกเว้น
กู้เสี่ยวอี้เฝ้าดูอาของนางลำบาก การเป็นภรรยาได้มาถึงจุดที่กลายเป็นสาวรับใช้ที่ต่ำต้อยแล้ว
คนแบบนี้เลวไปถึงกระดูกแล้ว
ป้าจางที่อยู่ด้านข้างได้ยินดังนั้นก็รีบถามด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวอี้เป็นเด็กดีมาก ข้าก็ไม่ชอบเหมือนกัน พี่สาวกับพวกพี่ชายที่อยู่ข้างนอกกำลังทำให้เขาออกไป!”
กู้เสี่ยวอี้พยักหน้าและพูดอย่างตื่นเต้น “ไล่เขาออกไป ไล่เขาออกไปให้พ้น!”
กู้เสี่ยวหวานยืนนิ่งอยู่หน้าห้องโถง เมื่อเห็นว่าแขนอีกข้างของหลิวชิงซานห้อยต่องแต่ง นางรู้สึกโล่งใจ เมื่อผู้ชายคนนี้ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้กลับ
แต่ฉินเย่จือและคนอื่น ๆ ยังคงเป็นกังวล อาโม่จับศีรษะของหลิวชิงซานไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเคลื่อนไหว
ฉินเย่จือยืนเคียงข้างกู้เสี่ยวหวานคอยปกป้องนาง
“กู้เสี่ยวหวาน เจ้าสารเลว เจ้าต้องไม่ตายดี!” หลิวชิงซานกัดฟันแน่นส่งเสียงคำราม
หลังจากได้ยินคำพูดของหลิวชิงซาน กู้เสี่ยวหวานก็หัวเราะ “ท่านช่างกล้าหาญเสียจริง นี่คือบ้านของข้า และข้าเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ท่านเป็นแขก แต่กลับมาดูถูกเจ้าของบ้าน ท่านต้องการมาแทนที่ข้าใช่หรือไม่?”
กู้เสี่ยวหวานจ้องไปที่หลิวชิงซานด้วยสายตาดุร้าย ราวกับว่าต้องการหาช่องโห่วของหลิวชิงซาน
ตอนนี้หลิวชิงซานกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นเหมือนสุนัขสิ้นลม โดยมีมือห้อยอยู่ข้างตัว แต่ความไม่พอใจและความโกรธบนใบหน้ายังไม่มีท่าทีว่าจะลดลง
“กู้เสี่ยวหวาน อย่าชะล่าใจ วันหนึ่งเมื่อข้ากลายเป็นเจ้านาย ข้าจะฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน!” หลิวชิงซานสาปแช่งและเปล่งวาจาน่ารังเกียจ แต่กู้เสี่ยวหวานก็ชินกับมันเสียแล้ว
คำด่าทอเหล่านี้ ใครทำไม่ได้บ้าง?
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ต้องดูว่าใครอยู่เหนือกว่า
กู้เสี่ยวหวานยิ้มและไม่พูดอะไร นางยืนอยู่ไม่ไกลจากหลิวชิงซาน มองลงไปที่เขาด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยาม และเพิกเฉยต่อหลิวชิงซานโดยสิ้นเชิง
“หลิวชิงซาน ฆ่าข้านั้นง่ายนิดเดียว! แต่ท่านต้องดูว่าตอนนี้ใครจะฆ่าใครกันแน่!” กู้เสี่ยวหวานเย้ยหยัน “ท่านไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขของข้า ดังนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่น พี่ใหญ่ฉิน รบกวนเข้าครัวไปหยิบมีดมา!”
ฉินเย่จือพยักหน้าและยิ้มอย่างมีเลศนัย “หวานเอ๋อร์ เรื่องนองเลือดเช่นนี้จะให้เจ้าลงมือได้อย่างไร ไม่ต้องกังวล ข้าจะทำเอง!”
ทั้งคู่เข้าใจกันและกัน แล้วส่งยิ้มให้กัน
ในพริบตา ฉินเย่จือออกมาจากห้องครัวพร้อมมีดทำครัว
คมมีดสะท้อนแสงแดดแวววาว อาโม่เค้นเสียงหัวเราะแผ่วเบาพลางเอ่ยขึ้น “คุณหนู เมื่อบ่ายวันนี้ข้าเพิ่งลับมีดให้คม เกรงว่าเมื่อใช้มีดเล่มนี้เฉือนลงไป เขาคงยังไม่ได้รู้สึกอะไร เนื้อก็คงจะหลุดออกมาแล้ว!”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ดีมาก เช่นนั้นก็ใช้มีดเล่มนี้เถอะ! อย่าลืมลับมันทุกครั้งที่ใช้ อย่าให้ทื่อเกินไป ไม่งั้นจะทำให้อาเขยของข้าเจ็บ!”
อาโม่พยักหน้า จากนั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วและพูดว่า “ไปซื้อมีดอีกเล่มมาด้วย มีดเล่มนี้ใช้หั่นเนื้อมนุษย์แล้วจะนำมาใช้หั่นอาหารต่อ เพียงแค่คิดก็รู้สึกขยะแขยง!”
อาโม่พยักหน้าเห็นด้วย
สีหน้าทั้งสามคนยังคงเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกราวกับพวกเขากำลังคุยกันว่า อ่า… วันนี้พวกเราจะกินอะไรกันดี ดูเหมือนกับว่าพวกเขากำลังพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ
แต่หลิวชิงซานซึ่งคุกเข่าอยู่ที่นั่นรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากจนวิญญาณแทบจะหลุดออกมาจากร่าง
เขามองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความสยดสยอง เด็กหญิงคนนี้พูดถึงเรื่องเฉือนเนื้อคนด้วยใบหน้าเรียบเฉยได้อย่างไร
น่าหวาดกลัวมาก!
ยิ่งหลิวชิงซานคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น
ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป
ไม่น่าแปลกใจที่กู้ฉวนลู่และคนอื่น ๆ ไม่มาที่นี่ด้วยตนเอง แต่กลับมาใช้งานเขา เพราะพวกเขาต้องรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานคนนี้น่ากลัวแค่ไหน!
ยิ่งหลิวชิงซานคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไป ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
มีดทำครัวที่สะท้อนกับแสงวูบไหวไปมาในมือของฉินเย่จือ มันกำลังจะทำให้เขาตาบอด