ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 818 ขายเจ้าให้ได้ราคาดี
บทที่ 818 ขายเจ้าให้ได้ราคาดี
บทที่ 818 ขายเจ้าให้ได้ราคาดี
“ท่านแม่เฉินข้ารู้ ข้าจะช่วยเก็บซ่อนมันไว้อย่างดีเพื่อไม่ให้ใครเห็น รอพี่จื่อไป๋กลับมาค่อยให้เขา ตกลงหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานเห็นหญิงสาวที่ชื่อเยว่เหมยพูดด้วยใบหน้าที่เป็นทุกข์
เกาเยว่เหมยเป็นหญิงสาวอายุประมาณสิบห้าสิบหกปี เสื้อผ้าของนางขาดรุ่งริ่ง แต่ถึงแม้ว่าจะขาดหลุดรุ่ย แต่เสื้อผ้าบนร่างกายของนางค่อนข้างสะอาด
ชุดของเยว่เหมยนั้นเรียบง่ายมาก นางรวบผมไว้ด้านหลังด้วยเชือกสองสามเส้น บนศีรษะของนางไม่มีดอกไม้หรือลูกปัด ใบหน้าของนางปราศจากการเติมแต่ง แต่เนื่องจากการขาดสารอาหารมาเป็นระยะเวลานาน นางจึงมีรูปร่างผอมแห้ง สีผิวของนางออกสีเหลืองเข้มเล็กน้อย ถึงแม้นางจะไม่ได้โดดเด่น แต่ก็ถือว่าสวยสดงดงาม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เฒ่าเฉินก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดี ๆ เจ้าช่างเป็นเด็กดีเสียจริง เจ้าเก็บของนี้ไว้หญิงชราอย่างข้าก็วางใจ!”
เยว่เหมายตอบรับ จากนั้นก็วางหินฝนหมึกลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง รอให้ทุกคนภายในบ้านทั้งหมดออกไปก่อน นางจึงจะจัดแจงให้เรียบร้อย
“อ้าว เยว่เหมยมาแล้วหรือ?” หญิงสาวคนนั้นที่นอนอยู่บนพื้นก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา เมื่อความเจ็บปวดนั้นหายไป จึงตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่ง
เมื่อเห็นว่าเยว่เหมยกำลังมา นางก็พูดอย่างมุ่งร้าย “เยว่เหมย ทำไมเจ้าถึงไปชอบคนไม่ดี ชอบนักบัณฑิตที่ยากจน ที่บ้านก็ยังมีหญิงชราที่ป่วย เจ้านี่มีตาหามีแววไม่!”
“หวังซื่อ เจ้าอย่าพูดจาไร้สาระ!” เมื่อเกาเยว่เหมยได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา
“เยว่เหมย ข้าไม่ได้พูดจามั่วซั่วนะ ดูตัวเจ้าเองสิ หน้าตาก็ไม่เลว แต่ว่าครอบครัวน่ะสิ! จุ๊ ๆ…” หวังซื่อกล่าวอย่างเสียใจ “ครอบครัวของเจ้ายากจนเกินไป น้องชายกับน้องสาวของเจ้ายังต้องกินนะ เจ้าเป็นพี่สาวคนโต ครอบครัวของเจ้าก็จับตามองเจ้าอยู่ หวังว่าจะขายเจ้าให้ได้ราคาดี!”
หวังซื่อกล่าวอย่างมีชัยชนะ ดูเหมือนนางจะเข้าใจเรื่องราวทางบ้านของหญิงสาวคนนี้เป็นอย่างดี
เมื่อเกาเยว่เหมยได้ยินสิ่งนี้ นางก็เลิกคิ้วอย่างเย็นชา “หวังซื่อ เจ้าอย่าพูดจาไร้สาระ ท่านพ่อไม่มีทางขายข้า!”
แต่เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่นางพูดนั้นผิดเล็กน้อย นางขาดความมั่นใจเมื่อได้ยินหวังซื่อพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูถูก “พ่อของเจ้าไม่มีทางขายเจ้า แต่ถ้าเก็บเจ้าไว้ แม่เลี้ยงก็ไม่เอา! นั่นไม่ใช่แม่ของเจ้า เจ้าก็อายุเท่านี้แล้ว ยังอยู่บ้านกินดื่มโดยไม่ได้เสียอะไร ข้าได้ยินมาว่าแม่เลี้ยงของเจ้ากำลังคิดหาครอบครัวสามีที่ดีให้เจ้า!”
“หวังซื่อ เจ้าอย่าพูดจาอะไรมั่วซั่วนะ!”
“หวังซื่อ เจ้าพูดจาเช่นนี้ ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า เจ้าจะต้องโดนฟ้าผ่า!” เมื่อแม่เฒ่าได้ยินก็สาปแช่ง
หวังซื่อเยาะเย้ยราวกับว่าไม่สนใจฟ้าผ่า อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ใช่นางที่พูด หากฟ้าจะผ่า ก็คงไม่ใช่นางที่โดน!
“ชิ! สนุกจริงนะพวกเจ้าทั้งสอง ข้าไม่กลัวฟ้าผ่าอะไรนั่นหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่องอะไรของข้า!” หวังซื่อพูดอย่างเหยียดหยาม อาโม่ยังคงขวางอยู่ที่ประตูไม่ให้นางออกไป
หวังซื่อโกรธและสาปแช่ง “เจ้าเป็นใคร บ้านเมืองยังมีกฎหมายอยู่หรือเปล่า พวกเจ้าต้องการจะฆ่าคน! มาเลย ฆ่าเลย มาเลย ฆ่าเลยสิ..”
หวังซื่อสบถและสาปแช่ง แต่น่าเสียดาย นางควรรู้ด้วยว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่
หวังซื่อด่าไปหลายประโยคก็ไม่มีใครมาที่ประตู นางเห็นแววตาที่เย็นชาของอาโม่ราวกับว่าต้องการฆ่าใครสักคน นางจึงรู้สึกกลัวขึ้นมา
“ถ้าเจ้ายังกรีดร้องอีก ข้าจะตัดลิ้นของเจ้า!” อาโม่พูดอย่างเย็นชา
หวังซื่อหยุดพูดทันทีและไม่กล้าพูดอะไรอีก
ในเวลานี้ เกาเยว่เหมยเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีอีกสองสามคนอยู่ในห้อง
กู้เสี่ยวหวานกับนางช่วยกันพยุงแม่เฒ่าเฉินลุกขึ้นแล้วนั่งลงข้าง ๆ เกาเยว่เหมยถามเสียงเบาว่า “ท่านแม่เฉิน คนเหล่านี้คือ…”
“อ้อ… เยว่เหมย… ผู้หญิงคนนี้เป็นคนดี เมื่อครู่นางเป็นคนที่หยุดหวังซื่อเพื่อไม่ให้เอาหินฝนหมึกออกไป! นางเป็นคนที่ช่วยเหลือข้า” แม่เฒ่าเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเกาเยว่เหมยได้ยินสิ่งนี้ นางก็ยืดตัวขึ้นทันทีและขอบคุณกู้เสี่ยวหวาน “แม่นาง ข้าขอบคุณท่านมาก แม่เฒ่าเฉินสายตาไม่ดี นางมองเห็นอะไรได้ไม่ชัด วันนี้แม่นางได้ยื่นมือมาช่วย เยว่เหมยขอขอบคุณแม่นางไว้ที่นี้ด้วย” เกาเยว่เหมยดูเหมือนจะเป็นคนที่มีการศึกษาดี มีสัมมาคารวะ มันไม่เข้ากับชุดของนางเอาเสียเลย
กู้เสี่ยหวานตอบด้วยความชอบธรรม “พี่เยว่เหมยไม่ต้องเกรงใจ เมื่อเห็นคนผู้ที่อ่อนแอโดนรังแกเป็นใครก็ต้องช่วย”
หวังซื่อถูกอาโม่ขวางอยู่ที่ประตูจึงไม่สามารถออกไปได้ นางยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ และไม่กล้ามองไปที่อาโม่แล้ว นางชี้ไปที่เกาเยว่เหมยแล้วพูดว่า “เกาเยว่เหมย เจ้าอย่าชะล่าใจไป ถ้าเจ้ายังอยากที่จะแต่งงานกับเฉินจื่อไป๋ เหอะ ฝันไปเถอะ! ไปแต่งงานกับเฉินจื่อไป๋ชาติหน้าแล้วกัน! แม่ของเจ้าคงจะไม่เห็นด้วย!” อะไรที่ทำร้ายจิตใจผู้คน หวังซื่อถนัดนัก
เกาเยว่เหมยเองก็หวังว่าเฉินจื่อไป๋จะสามารถแต่งงานกับนางได้
พวกเขาทั้งสองคนโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นคู่รักในวัยเด็ก
ในอดีต ครอบครัวของเฉินจื่อไป๋มีชีวิตที่ดีเช่นเดียวกับครอบครัวของเกาเยว่เหมย ตอนที่ฮูหยินเกายังอยู่ก็ได้ทำข้อตกลงทั้งสองครอบครัวไว้ว่าพวกเขาทั้งสองจะได้แต่งงานกันเมื่อโตขึ้น
อย่างไรก็ตาม มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ฮูหยินเกาประสบเคราะห์จนทำให้นางเสียชีวิต พ่อของเกาเยว่เหมยแต่งงานใหม่ในอีกหนึ่งปีต่อมา แล้วภรรยาใหม่ของพ่อก็เข้ามาเป็นแม่เลี้ยงอย่างเต็มตัว
ต่อมาลุงเฉินล้มป่วยและเสียชีวิต เงินทั้งหมดในครอบครัวถูกใช้จนหมด แต่ก็ไม่สามารถรักษาเขาเอาไว้ได้
และต่อมาป้าเฉินก็ล้มป่วยตามไปอีก คราวนี้ที่บ้านไม่มีเงินรักษาอาการป่วยของนาง นางจึงทำได้เพียงขายบ้านและไปเช่าอาศัยอยู่ในสลัมของเมืองหลิวเจีย โดยมีหวังซื่อเป็นเจ้าของที่ดิน
ครั้งนี้นางมาที่นี่เพื่อเก็บค่าเช่า แต่ว่าเฉินจื่อไป๋ไม่อยู่ เหลือแต่หญิงชราตาบอดแล้วจะไปหาเงินมาจากไหน!