ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 861 มั่นใจเต็มเปี่ยม
บทที่ 861 มั่นใจเต็มเปี่ยม
บทที่ 861 มั่นใจเต็มเปี่ยม
ครึ่งคืนหลังไม่มีเสียงพูดคุยกันเกิดขึ้น เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เฉียนเหล่าซานจัดการร่างกายตนเอง และมุ่งหน้าไปยังบ่อนพนัน
วันนี้หลิวชิงซานไม่ได้ติดตามไปด้วย
อาโม่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเฉียนเหล่าซานเชิญคนมากกว่าสิบคนไปทานอาหาร พวกเขาเมามายจนสูญเสียการควบคุมสติ นอกจากคุยกันว่าสาวในซ่องคนไหนหน้าตาดี แม่ม่ายคนไหนเอวบางสะโพกผาย ก็ไม่พูดคุยเรื่องอื่นอีกเลย
อาโม่รู้สึกประหลาดใจ แต่เขาทำได้เพียงจับตาดูเฉียนเหล่าซานเท่านั้น
และที่นั่น กู้เสี่ยวหวานก็กำลังรออยู่ที่โกดังเก็บธัญพืช
เฉียนเหล่าซานเมาสุรา และเดินกลับบ้านตอนดึกดื่นด้วยความทุลักทุเล
เมื่ออาโมคิดว่าเฉียนเหล่าซานจะกลับไปนอนอุตุ และตื่นขึ้นอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ แต่น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของหญิงชราตาบอดผู้เป็นแม่ของเฉียนเหล่าก็ดังขึ้น “นี่มันดึกมากแล้ว เจ้าออกไปทำอะไรมาอีก”
“ยายแก่ตายยาก เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับท่านกันเล่า” เฉียนเหล่าซานตวาดขึ้นเสียงดังฟังชัด
ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว ดูไม่เหมือนคนเมาเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าลูกสารเลว เจ้าออกไปทำเรื่องชั่วร้ายอีกแล้วใช่ไหม เหตุใดข้าจึงให้กำเนิดสิ่งเลวร้ายเช่นเจ้าออกมา หากข้ารู้มาก่อนว่าเจ้าจะกลายเป็นแบบนี้ ตอนเจ้าเกิดมา ข้าน่าจะบีบคอให้เจ้าตายตกไปเสีย” น้ำเสียงแหบแห้งของหญิงชราเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
“ถุย ท่านทำอะไรข้าไม่ได้หรอก แต่คนที่กำลังจะตายคงเป็นท่านเสียมากกว่า ตอนนี้วันที่ดีของข้ากำลังจะมาถึงแล้ว” เสียงของเฉียนเหล่าซานเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ฟังดูแล้วดุร้ายยิ่ง แตกต่างกับตอนที่อ้อนวอนขอร้องกู้เสี่ยวหวานเรื่องแม่ของตนโดยสิ้นเชิง
บางทีนี่อาจเป็นความคิดที่แท้จริงของเฉียนเหล่าซานที่มีต่อหญิงชราตาบอดเมื่ออยู่ลับหลังคนอื่น
เฉียนเหล่าซานผลักประตูบ้านให้เปิดออกอย่างแรงและเดินออกไป อาโมเห็นว่าเฉียนเหล่าซานแต่งกายด้วยชุดสีดำ และรีบร้อนออกจากบ้านไปภายใต้แสงจันทร์ส่องสว่าง
“เจ้าลูกเนรคุณ ไอ้เนรคุณกลับมา กลับมาเดี๋ยวนี้!” เสียงของหญิงชรายังดังกึกก้องอยู่ด้านนอก และเฉียนเหล่าซานก็วิ่งออกไปราวกับไม่ได้ยินเสียงนั้น
อาโม่รีบไล่ตามหลังไปติด ๆ
เฉียนเหล่าซานผู้นั้นดูเหมือนจะนัดหมายกับใครบางคนไว้ เมื่อเฉียนเหล่าซานมาถึงสถานที่นัดแนะบริเวณเชิงเขา ก่อนจะวิ่งลับหายไปจนมองไม่เห็นแม้แต่เงา
ครั้นอาโม่กำลังจะวิ่งไล่ตามเข้าไปด้านใน พลันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนโวกเหวกโวยวายดังลั่น “เร็วเข้า เร็วเข้า!”
นอกจากนี้ยังมีเสียงฝีเท้า และตามมาด้วยเสียงล้อรถ
อาโม่เบี่ยงตัวหลบอยู่หลังต้นไม้เมื่อเห็นคนชุดดำกลุ่มหนึ่งกระโดดออกจากบริเวณเชิงเขา เมื่อพวกเขาขยับเข้ามาใกล้ ก็พบว่าเป็นกลุ่มคนที่กินและดื่มกับเฉียนเหล่าซานในวันนี้
เมื่อเช้าทุกคนอยู่ในอาการเมามายอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้ทุกคนกลับมีเรี่ยวแรงเหลือเฟื้อ
อาโม่กลั้นหายใจและมองดูผู้คนหลายสิบคนที่คืบคลานเข้ามาใกล้ เป็นระเบียบและมีแบบแผนราวกับกลุ่มโจร
โดยมีเฉียนเหล่าซานเป็นผู้นำ และมุ่งหน้าไปทางโกดังเก็บธัญพืชของกู้เสี่ยวหวาน
ดูเหมือนว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นฝีมือของเฉียนเหล่าซาน
แต่ทว่าหลิวชิงซานถึงไม่อยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้
เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีเพียงเฉียนเหล่าซานเท่านั้นที่ลงมือทำเรื่องนี้ โดยไม่มีหลิวชิงซาน
ไม่มีเวลาให้อาโม่ได้ทันคิด และรับตามพวกเขาออกไปเงียบ ๆ
คนกลุ่มนี้มาถึงโกดังของกู้เสี่ยวหวานอย่างรวดเร็ว และเห็นคนผู้หนึ่งกำลังก้าวไปที่แม่กุญแจพร้อมกับบางสิ่ง และกลอนก็ถูกสะเดาะออก
มันเกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะมีนิสัยลักขโมยจริง ๆ!
อาโม่ขมวดคิ้วแน่น และเห็นว่าคนกลุ่มนั้นบุกเข้าไปในโกดังแล้วกำลังขนย้ายข้าวของภายในขึ้นรถม้า
อาโม่เตรียมตัวนำเรื่องนี้ไปรายงานต่อกู้เสี่ยวหวาน ทันใดนั้นแสงสว่างขึ้นทั่วทิศทาง
เสียงของฝูงชนดังกึกก้อง “จับขโมย จับขโมย!”
ประกอบกับเสียงฆ้องและกลองก็อึกทึก
เสียงร้องตะโกนโวยวายนี้ทำให้ค่ำคืนอันสงบสุขถูกทำลายลง
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบ เสียงตะโกน และเสียงฆ้องดังมาจากทุกทิศทุกทาง โกดังแห่งนี้ถูกล้อมรอบเอาไว้อย่างรวดเร็ว
อาโม่รู้สึกตัวในทันที ด้วยกลัวว่าเฉียนเหล่าซานจะฉวยโอกาสในเวลาวุ่นวายหนีหายไป เขาจึงก้าวไปข้างหน้า และปิดประตูของโกดังทันที
เหล่าชายชุดดำเห็นฝูงชนกำลังแหเข้าก็ตื่นตระหนัก พวกเขาตระหนักได้ทันทีว่าพวกตนเองกำลังถูกหลอก ความเป็นระเบียบเรียบร้อยเมื่อครู่แตกกระเจิงเหมือนไก่ไม่มีหัว ล่กลนลานไปหมด
การรีบหนีออกไปจากที่นี่จะเป็นการดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม คนพวกนั้นก็เป็นเพียงพวกอันธพาลเสเพล พวกเขาจะเอาชนะอาโม่ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีได้อย่างไร
ด้วยการออกหมัดของอาโม่เพียงสองสามครั้ง ก็ทุบตีคนเหล่าจนหมดเรี่ยวแรงนอนผะงาบอยู่กับพื้นไม่สามารถลุกขึ้นได้
เหล่าชาวบ้านกุลีกุจอเข้ามามัดชายชุดดำเหล่านั้นเอาไว้
“ไอ้พวกโจรสารเลว เจ้ากล้าที่จะขโมยทรัพย์สินของเจ้านายตัวน้อยของพวกเราหรือ? พวกเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่” ปรากฏว่าคนเหล่านี้ถูกตามตัวมาโดยกู้เสี่ยวหวาน และพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นชาวนาที่เช่าที่ดินของนาง
อาโม่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ขณะนี้ภายใต้แสงจันทร์และคบเพลิง เขาเห็นใบหน้าของชายที่แข็งแกร่งที่กำลังล้อมเข้ามาได้อย่างชัดเจน
พวกเขาคือ หลิวต้าจ้วง เถาต๋า และชาวนาผู้เช่าอีกหลายคน
พวกเขามองไปที่โจรในชุดดำด้วยสายตาดุดัน ขบฟันแน่นด้วยความโกรธเคือง
อาโมเริ่มลองนับจำนวนคนเหล่านั้น ยกเว้นเฉียนเหล่าซานคนที่เหลือทั้งหมดอยู่ที่นี่
“เฉียนเหล่าซานอยู่ที่ไหน” อาโม่ตะโกนอย่างเดือดดาล
“ข้างใน ข้างใน ตอนที่วิ่งออกมาจากข้างใน ข้าเห็นเขาซ่อนตัวอยู่ในถุงกระสอบ” เพื่อเอาใจอาโม่ หนึ่งในนั้นรีบอ้อนวอนขอความเมตตา “พี่ใหญ่ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ข้าจะไม่ทำมันอีกแล้ว ปล่อยข้าไปเถอะ”
อาโม่คร้านจะสนใจอีกฝ่าย เพียงแค่คว้าคบไฟมาถือไว้แล้วย่างสามขุมเข้าไปข้างใน
แม้ว่าหลิวต้าจ้วงจะโง่เขลา หากแต่เขาก็มีจิตใจที่ดี ตอนนี้เมื่อได้ยินว่ายังมีส่วนแบ่งของเฉียนเหล่าซาน เขาก็โกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง “เฉียนเหล่าซาน จะมากเกินไปแล้ว เจ้านายตัวน้อยจะยึดที่คืน แม้แต่ค่าเช่าก็ไม่เอาแม้แต่น้อย ปล่อยให้ใช้ที่นานั้นเปล่า ๆ เป็นปี ยังจะคิดแก้แค้นนางอีกหรือ? ไร้ยางอายยิ่งนัก”
ชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านข้างล้วนเห็นด้วยกับหลิวต้าจ้วง จากนั้นเหลือชายฉกรรจ์สองสามคนเฝ้าอยู่ด้านนอก ชายฉกรรจ์สามสี่คนจุดคบเพลิงและตามอาโม่เข้าไปในโกดัง
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงกรีดร้องจากข้างใน “อ๊าก พี่ใหญ่ ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย!”
“ให้ตายเถอะ เฉียนเหล่าซาน เจ้ามันไร้ยางอาย เจ้าโตขนาดนี้แล้ว เจ้าอายเจ้านายตัวน้อยบ้างหรือไม่”