ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 87 คนไม่เอาไหน
บทที่ 87 คนไม่เอาไหน
บทที่ 87 คนไม่เอาไหน
เรื่องนี้ซุนซื่อก็เดาไม่ผิด อีกทั้งยังเดาได้ตรงจุดอีกด้วย กู้ฉวนลู่จะต้องให้เงินแก่กู้ฉวนโซ่วแน่นอน เพียงแค่ไม่ได้ให้เยอะมากก็เท่านั้น นี่เป็นเรื่องที่กู้ฉวนโซ่วหลีกเลี่ยงมากที่สุดมาโดยตลอดเช่นกัน เป็นพี่น้องกันแต่กลับให้เงินเล็กน้อยเพียงนั้น บอกตามตรงว่ามันน้อยเกินไปจริง ๆ
แต่กู้ฉวนโซ่วย่อมไม่เอาเรื่องนี้มาพูดต่อหน้า ข้อแรกคือเขากลัวที่จะพูดมัน พี่สะใภ้ใหญ่เข้มงวดเรื่องเงินยิ่ง ถ้าหากว่านางคิดบัญชีกับเขาทั้งหมดขี้นมาจะทำอย่างไร ข้อสองเขากลัวภรรยาตัวเองจะเป็นกังวล ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะจะหาเงินซื้อเหล้าจากพี่ใหญ่ได้ ถ้าเกิดเฉาซื่อรู้แล้ว ถึงตอนนั้นเกรงว่าเขาคงจบสิ้นแล้ว
กู้ฉวนโซ่วได้ยินซุนซื่อพูดแบบนั้น เขาก็รีบพูดแก้ตัวทันที “พี่สะใภ้ใหญ่ นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พี่อย่าพูดเลอะเทอะ”
“ข้าน่ะหรือพูดเลอะเทอะ?” ซุนซื่อได้ยินกู้ฉวนโซ่วโต้แย้งตัวเอง นางมองท่าทางร้อนรนของเจ้าสามนั่นแล้วก็หัวเราะเสียงเย็นในใจ ดูสิว่าข้าจะทำให้เจ้าจบสิ้นต่อหน้าชาวบ้านอย่างไร นางพลันตะโกนเรียกกู้ซินเถาเสียงดังว่า “ซินเถา เจ้าพูดให้อาสามของเจ้าฟังสิ”
“ท่านอาสาม ท่านปิดข้าไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ไม่กี่วันก่อน ตอนที่อาไปขอเงินพ่อข้า ข้าอยู่หน้าบ้านพอดี และได้ยินอย่างชัดเจนว่าพ่อของข้าเอาเงินให้อาสิบสองก้วน” กู้ซินเถาที่อยู่อีกด้านรีบพูดขึ้นเสียงดัง
ชาวบ้านที่มาดูเรื่องสนุกพอได้ยินว่ากู้ฉวนลู่ให้เงินสิบสองก้วนแก่กู้ฉวนโซ่วแล้ว ก็สูดหายใจอย่างตกใจ
เงินสิบสองก้วน นี้มันเงินที่คนทั่วไปใช้สองปีเชียวนะ! กู้ฉวนลู่ช่างใจกว้างนัก พอให้เขาก็ให้ถึงสิบสองก้วนเลยรึ
“เป็นอย่างไรเล่า เฉาซื่อ ฉวนลู่ให้เงินครอบครัวพวกเจ้าแล้วตั้งสิบสองก้วน ไหนเล่าเงิน? อะไรนะ? ฉวนโซ่วไม่ได้เอากลับมาให้เจ้าอย่างนั้นหรือ?” ซุนซื่อกลัวโลกจะไม่วุ่นวาย* จึงเติมน้ำมันเข้าไปในกองไฟ
*เปรียบว่า อยากรีบเอาเรื่องยุ่งยากไปให้พ้นตัว โลกจะวุ่นวายอย่างไรก็ช่าง
“หือ…..” เฉาซื่อเห็นว่ากู้ฉวนโซ่วไปขอเงินพี่ชายจริง และนางก็ยังไม่เห็นวี่แววเงินนั้นเลยด้วย “กู้ฉวนโซ่ว เงินเล่า”
“เงิน…เงิน…” กู้ฉวนโซ่วเบิกตามองกู้ซินเถาที่กำลังดีใจในความโชคร้ายของตัวเองอยู่ กระแอมไอพูดว่า “เงินใช้หมดแล้ว”
“ใช้หมดแล้ว สวรรค์!” เฉาซื่อผิดหวังอย่างรุนแรงจนแสดงท่าทางเดือดจัด “ท่านมันเป็นคนไม่เอาไหน ไร้สำนึก นั่นมันเงินสิบสองก้วนนะ! ท่านใช้มันหมดได้อย่างไร!”
“ข้า…ข้า…” กู้ฉวนโซ่วมองภรรยาด่าตัวเองต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ก็อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเพียงสตรีสองคนทะเลาะกัน สุดท้ายมันจะมาลงเอยที่ตนเอง ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกเลย
“อย่างไรเล่า เฉาซื่อ เจ้ายังคิดว่าข้าตระหนี่ให้ของปีใหม่เจ้าน้อยไปอยู่ไหม ถ้าข้าไม่ได้ให้เงินสิบสองก้วนกับพวกเจ้าล่ะก็ ของขวัญปีใหม่ข้าก็คงซื้อเต็มบ้านหลังนี้ไปแล้ว” ซุนซื่อเยาะเย้ยแล้วหันไปพูดกับชาวบ้านที่มุงดูอยู่ “พวกท่านคิดเอาเถอะ ขอเงินพี่ชายไปแล้วสิบสองก้วน ยังว่าพี่สะใภ้ให้ของขวัญน้อยไป พวกท่านคิดว่ามันเป็นเพราะข้าขี้งกอย่างนั้นหรือไม่?”
“เหอะ ๆ เฉาซื่อนางเป็นสิงโตอ้าปากกว้าง*โดยแท้ เขาให้เงินสิบสองก้วนไปแล้ว ก็ยังไม่พอใจอีก” ชาวบ้านรอบ ๆ รีบเปลี่ยนคำพูดทันที
*เปรียบเปรยว่าเป็นคนโลภ
“นั่นสิ ๆ สิบสองก้วนเชียวนะ เงินนั่นซื้อของขวัญปีใหม่ได้ตั้งเท่าไรแล้ว ให้เงินสิบสองก้วนไปหมดแล้ว นี้ถ้าข้าเป็นซุนซื่อล่ะก็ อีแปะเดียวข้าก็ไม่ซื้อให้หรอก”
“ใช่ ๆๆ!”
“เจ้าไม่ได้ยินหรือ เจ้าสามนั่นบอกว่าเงินสิบสองก้วนน่ะเขาใช้หมดแล้ว เหอะ ๆ ใช้เงินเก่งจริง ๆ”
“ถ้าไม่มีพี่ชายใหญ่สนับสนุน เขาจะอยู่สบายขนาดนี้หรือ? หึ บุญคุณกลับทดแทนด้วยความแค้น ถ้าข้ามีพี่ชายใหญ่ดีขนาดนี้ ข้าจะยกย่องพี่สะใภ้ใหญ่ทุกวันเลย!”
สายตาดูถูกมาจากชาวบ้านรอบ ๆ ทั้งแอบหลบศีรษะกระซิบกระซาบทั้งชี้นิ้วมา ทำให้เฉาซื่อยืนไม่อยู่แล้ว กู้ฉวนโซ่วแอบยืมเงินลับหลังนาง ใช้เงินสิบกว่าก้วนหมดภายในไม่กี่วัน เพียงเท่านี้แรงโทสะทั้งหมดก็ตีขึ้นมาในท้องนาง ตะโกนหนึ่งเสียง “กู้ฉวนโซ่ว ข้าจะแล่เนื้อท่านเป็นพัน ๆ ชิ้น ไอ้คนไม่เอาไหน ไอ้ชั่ว!”
เฉาซื่อวาดแขนจะตบลงบนหน้าของกู้ฉวนโซ่ว เดิมกู้ฉวนโซ่วอยู่ในบ้านก็ไม่มีอำนาจอยู่แล้ว ในใจจึงยิ่งหวาดกลัวเฉาซื่อ แต่ลงกลอนปิดประตูกลัวเมียอยู่ในบ้านนั้นก็อีกเรื่อง คนมุงดูมากมายขนาดนี้ กู้ฉวนโซ่วเป็นบุรุษย่อมรักษาหน้าตาเหนือสิ่งอื่นใด พอเห็นเฉาซื่อจะตบตัวเอง ไหนเลยกู้ฉวนโซ่วจะยอมให้เฉาซื่อรังแกตนต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนี้ จึงรีบจับมือเฉาซื่อเอาไว้ไม่ให้ตบหน้าตัวเองได้
เฉาซื่อที่วางอำนาจจนเคยตัวย่อมดูถูกกู้ฉวนโซ่วอยู่แล้ว เมื่อเห็นกู้ฉวนโซ่วหลบตัวเองเพลิงโทสะในใจก็ยิ่งลุกโหม นางจึงถีบกู้ฉวนโซ่วโดยไม่แม้แต่จะคิด
กู้ฉวนโซ่วไม่ทันได้ป้องกันตัวก็ถูกเฉาซื่อถีบกลางกล่องดวงใจพอดี ร้องโอดโอยเสียงดังลั่น
เขาเจ็บจนล้มลงไปกองกับพื้น ได้แต่กุมช่วงล่างร้องโอดโอยไม่หยุด
ชาวบ้านรอบ ๆ มองสภาพไร้น้ำยาของกู้ฉวนโซ่วแล้วก็อดหัวเราะเสียงดังขึ้นมาไม่ได้ ถึงขั้นคิดว่าวันนี้ได้เล่นกับกู้ฉวนโซ่วก็ดูไม่เลวเลย มองท่าทางกลัวภรรยาของกู้ฉวนโซ่วนั่น ก็พูดเสียดสีว่า “เจ้าสามกู้ ดูสภาพโง่งมของเจ้าสิ! ฮ่า ๆๆ….”
เฉาซื่อเพิ่งโมโหขั้นสุด มองสามีของตัวเองล้มตัวนอนกับพื้นร้องอย่างเจ็บปวด นางถึงเพิ่งรู้ตัวว่าถีบนั้นของนางเหมือนจะหนักเกินไป ในใจจึงเกิดรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมา แต่พอคิดถึงเรื่องที่สามีตัวเองใช้เงินสิบสองก้วนหมดโดยไม่บอกกล่าวนางสักคำ โทสะก็พวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง
“อย่ามาเสแสร้ง! ท่าน ท่านลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” เฉาซื่อยังไม่หายแค้น ถีบกู้ฉวนโซ่วอีกสองที ทว่ากู้ฉวนโซ่วก็ยังไม่ลุกขึ้นมา ทำให้ในใจเริ่มเป็นห่วงเขา
“เฉาซื่อ อย่าเตะเขาอีกเลย ลูกถีบนั้นของเจ้าคงจะทำให้กล่องหัวใจของเจ้าสามกู้พังแล้วล่ะ เกรงว่าครึ่งชีวิตนี้ของเจ้าคงจะกลายเป็นภรรยาผู้เปล่าเปลี่ยวเสียแล้ว” ชาวบ้านที่มุ่งดูคนหนึ่งพูดขึ้นเสียงดัง เรียกเสียงหัวเราะชุดใหญ่ตามมา
“ไม่เป็นไร เฉาซื่อหน้าตางดงาม ถ้าเจ้าสามกู้ทำไม่ไหวแล้ว อย่างไรก็ยังมีพวกเราใช่หรือไม่!” หนึ่งในชาวบ้านเป็นชายวัยสี่สิบกว่าคนหนึ่ง สวมเสื้อที่ปะชุนไปทั้งตัวหัวเราะเผยฟันเหลืองซี่หนึ่ง ดวงตาหรี่ทั้งแคบทั้งเล็กมองเฉาซื่ออย่างจาบจ้วง
ชายคนนี้คือชายแก่ม่ายของหมู่บ้าน รู้จักกันในนามอู่เอ้อร์โก่ว เพราะว่าครอบครัวยากจน อายุสี่สิบกว่าแล้วก็ยังไม่มีภรรยา มีผิวเหลืองคล้ำ ร่างกายซูบผอม ทั้งปากมีฟันเหลืองโผล่อยู่ซี่เดียว เป็นผู้ชายขี้เหร่คนหนึ่งของหมู่บ้าน ปกติเกียจคร้าน เดินจากทิศตะวันตกไปตะวันออก มักชอบแอบไปหาภรรยาชาวบ้านจนเป็นที่รังเกียจต่อผู้อื่น
บัดนี้ พอเห็นเจ้าอู่เอ้อร์โก่วผู้นี้พูดจาหยาบคายใส่เฉาซื่อ บางคนก็ไม่อาจรับฟังได้ โต้กลับว่า “อู่เอ้อร์โก่ว เจ้าคนหน้าไม่อาย!”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ถีบแรงขนาดนั้นคงจะหมดสิทธิ์มีลูกเสียแล้วมั้ง แต่ไม่มีลูกก็ดี สามีเป็นแบบนี้ ภรรยาเป็นแบบนี้ ลำบากลูกที่จะเกิดมาเปล่า ๆ
ไหหม่า(海馬)