ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 885 หงซื่อมาเยือน
บทที่ 885 หงซื่อมาเยือน
บทที่ 885 หงซื่อมาเยือน
มามาเหอเกิดความอยากรู้อยากเห็น และฮูหยินจ้าวอาจคาดเดาได้ถึงความคิดของนาง จึงกล่าวว่า “ข้าคิดว่าสิ่งที่นายท่านพูดนั้นถูกต้อง เด็กผู้หญิงคนนี้จากตระกูลกู้ไม่ใช่คนธรรมดา”
เป็นเช่นนี้นี่เอง
ปรากฏว่าฮูหยินกำลังจินตนาการถึงครอบครัวของแม่นางกู้ และกำลังจะไปสู่ขอนางอีกครั้ง
“ถ้าเช่นนั้นแล้ว ฮูหยินอยากหาแม่สื่อคนอื่นหรือไม่เจ้าคะ?” มามาเหอถามอย่างระแวดระวัง
“ไม่ต้อง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ข้าจะไปพบนางด้วยตนเอง”
ว่าอย่างไรนะ?
ฮูหยินจะไปพูดคุยเรื่องแต่งงานด้วยตนเองงั้นหรือ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าเด็กหญิงคนนั้นไม่ยอมขึ้นมาล่ะ
ศักดิ์ศรีของตระกูลจ้าวจะเอาไปไว้ที่ใดกัน?
มามาเหอเกิดความกังวลในใจเมื่อรู้ว่าคราวนี้ฮูหยินจะวางเดิมพันทั้งหมด แค่ยามมองไปที่เด็กหญิงตระกู้ ก็พบว่านางมีความมุ่งมั่นเต็มร้อย
นางจะถูกฮูหยินจ้าวกดดันได้อย่างไร?
มามาเหออ้าปากราวกับจะบอกว่ามันไม่เหมาะสม แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของฮูหยินจ้าว ดูเหมือนว่านางจะได้เห็นภาพแห่งชัยชนะ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเอ่ยอะไรได้
หากฮูหยินฟังข้อเสนอของตนก็ไม่เป็นไร แต่ถ้านางไม่ฟัง นางจะต้องด่าตัวเองแน่น และตำหนิว่าทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง
หลังจากเป็นกังวลอยู่ มามาเหอก็เลือกที่จะปิดปากเงียบ นั่งลงคุกเข่าและก้มศีรษะลงเล็กน้อย โดยไม่เอ่ยเอื้อนสิ่งใดสักคำ
รอยยิ้มบนใบหน้าของฮูหยินจ้าวนั้นชัดเจน เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้นางค่อนข้างพอใจกับเด็กหญิงคนนี้จากตระกูลกู้
เมื่อคิดถึงครั้งสุดท้าย นายหญิงบอกว่าจะไม่มีวันปล่อยเด็กหญิงชาวคนนี้กลายเป็นลูกสะใภ้ของนางเอง และบอกว่าเด็กหญิงจากชนบทคนนี้ไม่คู่ควรกับชื่อเสียงและเกียรติยศของตระกูลจ้าวอย่างสิ้นเชิง
คราวนี้ต้องไปคุยเรื่องแต่งงานเพื่อให้เด็กหญิงคนนี้มาครอบครอง
ดูเหมือนว่าเด็กหญิงคนนี้จะไม่ใช่ธรรมดา
หัวใจของมามาเหอเต้นระรัว พลางคิดว่าของขวัญที่นางเตรียมจะต้องคิดอย่างรอบครอบและเหมาะสม
ชั่วพริบตาวันที่สิบเดือนสิบก็มาถึง
ในตอนเช้า ฉินเย่จือพากู้เสี่ยวหวานไปเดินเล่นออกกำลังกายที่ลานหลังบ้านอยู่ครู่หนึ่ง
เสี่ยวหวานเรียกร้องที่จะเรียนศิลปะการต่อสู้ หลังจากเรียนมาสักพัก ท่าทางของนางก็ค่อนข้างน่าประทับใจ
แม้ว่าฉินเย่จือจะไม่ได้คาดหวังให้กู้เสี่ยวหวานต่อสู้กับศัตรู แต่เมื่อพบกับอันตรายมันก็เป็นเรื่องดีที่จะสามารถหลบหนีได้เร็วที่สุด โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีอาโม่กำลังปกป้องนางตลอดเวลา
หลังอาหารเช้า กู้เสี่ยวหวานกำลังปักผ้าอยู่ในห้องกับกู้เสี่ยวอี้และป้าจาง อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถปปักมันได้ ดังนั้นจึงเปลี่ยนมาวาดรูปแทน
ทันใดนั้น ฉือโถวก็เข้ามาบอกว่ามีหญิงคนหนึ่งต้องการมาพบกู้เสี่ยวหวาน
ฉือโถวไม่รู้จักคนผู้นี้ แต่เห็นว่านางแต่งตัวดีและพูดจาไพเราะ เขาจึงมาบอกกู้เสี่ยวหวาน
“คนผู้นั้นแซ่อะไร?”
“นางแซ่หง”
หญิงแซ่หง
กู้เสี่ยวหวานครุ่นคิด นางไม่รู้จักหญิงคนใดที่มีแซ่หง
ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหลิวเจียน กู้เสี่ยวหวานก็รู้จักผู้คนมากมาย นอกจากชาวนาผู้เช่าบางคนที่รู้จักมาก่อน พี่ฝูจากร้านขายผ้าจี๋เสียง เถ้าแก่เหลียงจากร้านธัญพืชเฉิงซิ่น และลูกค้าบางคน นางก็ไม่คุ้นเคยกับคนอื่นมากนัก
ท้ายที่สุดแล้ว นางก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิง และมักจะปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอยู่เสมอ การพบปะกับบุคคลภายนอกจำนวนมากนั้นไม่ค่อยดีมากนัก
แต่กู้เสี่ยวหวานก็ไม่คาดคิดว่าตนเองจะรู้จักหญิงแซ่หงผู้นี้
แต่ทุกคนที่มาล้วนเป็นลูกค้า เนื่องจากนางมาหาตนเองก็ควรจะไปเจอสักหน่อย ไม่เช่นนั้นจะเป็นชนวนให้ผู้อื่นมาติเตียน
กู้เสี่ยวหวานวางหนังสือในมือของนางแล้วออกไปกับฉือโถว
ป้าจางกังวลเกี่ยวกับกู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นนางจึงติดตามกู้เสี่ยวหวานออกไปพร้อมกับกู้ฟางสี่
เมื่อไปถึงประตูก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวงดงามยืนอยู่หน้าประตู
ใส่เสื้อสีกลีบดอกบัว กระโปรงสีเดียวกัน รอบเอวมีระบายพลิ้วไหวเล็กน้อย ชายกระโปรงปักด้วยลวดลายดอกกล้วยไม้ เสื้อคลุมตัวทำจากขนจิ้งจอกสีขาวบริสุทธิ์ และรองเท้าปักลายสีกลีบดอกบัว
ใบหน้ารูปทรงเมล็ดแตงโตขนาดเท่าฝ่ามือดูเหมือนดอกท้อในเดือนสาม แต่งแต้มใบหน้าบางเบา
ยืนอยู่ที่นั่นอย่างสง่างาม ราวกับใบสนที่แกว่งไปมาในสายลม มีเสน่ห์ในทุกด้านจริง ๆ
และนัยน์ตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตานั้นราวกับกำลังจะหยดลงมา นางกำลังส่งยิ้มมา แต่กลับเป็นรอยยิ้มครึ่ง ๆ กลาง ๆ
หากไม่มองใบหน้าของนางอย่างละเอียด คงจะคิดว่าผู้หญิงคนนี้อายุเพียงสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีเท่านั้น แต่ถ้าดูให้ดีก็จะสามารถเห็นริ้วรอยตื้น ๆ และความเฉียบแหลมจากดวงตาของผู้หญิงคนนี้ได้
ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของใคร ช่างมีเอกลักษณ์ยิ่งนัก
“ฮูหยิน ข้าขอถามว่าท่านคือ…”
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานออกมา หงซื่อก็รู้สึกประหลาดใจ และเมื่อเห็นนางเดินเข้ามาใกล้ หงซื่อก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เด็กสาวคนนี้ดูดีและเปล่งประกายที่ประเมินค่าไม่ได้
เสื้อผ้าที่นางสวมใส่บนร่างกาย ยามพาใครออกจากบ้าน รอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายของนายหญิง ใช่เลย ลูกสะใภ้ที่นางอยากได้ต้องมีกลิ่นอายเช่นนี้
“ทักทายแม่นางกู้ ข้าแซ่หง สามีของข้าแซ่จ้าว เป็นตระกูลจ้าวที่อยู่ในเมือง” หงซื่อเอ่ยคำว่าตระกูลจ้าวในเมืองออกมา
กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วมุ่น และก็สามารถเข้าใจได้ทันที
นี่คืออนุภรรยาของจ้าวสวิ่น หงซื่อที่ทำให้จ้าวสวิ่นหันหลังให้กับภรรยาของเขา
“ทักทายฮูหยินจ้าว” กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการที่จะรุกรานคนที่อยู่ข้างหน้า และเอ่ยเรียกอย่างสุภาพ หากแต่เต็มไปด้วยความห่างเหิน
หงซื่อเป็นคนเฉลียวฉลาด เมื่อเห็นท่าทางอบอุ่นของกู้เสี่ยวหวานก็เกิดความรู้สึกอึดอันเล็กน้อยแต่นางมีจุดประสงค์ที่มาที่นี่
“แม่นางกู้ ข้างนอกอากาศหนาวเช่นนี้ ทำไมเจ้าไม่ชวนข้าไปดื่มชาร้อนสักถ้วยล่ะ”
หงซื่อคนนี้แม้จะเพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่ก็รู้สึกเหมือนรู้จักกันมานาน นี่เป็นครั้งแรกที่กู้เสี่ยวหวานเจอหงซื่อคนนี้ ทันทีที่พูดก็เรียกนางว่าแม่นางกู้ กู้เสี่ยวหวานเค้นหัวเราะ นางสนิทกับคนคนนี้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร
อย่างไรก็ตาม หงซื่อคนนี้เป็นอนุคนโปรดของจ้าวสวิ่น และถือได้ว่าเป็นบุคคลที่น่านับถือในตระกูลจ้าว
ครั้งที่แล้ว แม่สื่อหลี่กล่าวว่าสามตระกูลในเมืองหลิวเจียที่ไม่ควรรุกรานมากที่สุด
เจียง จ้าว ลวี่
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้ แต่เมื่อคนเหล่านี้มาถึงบ้านนางแล้วจะไม่ต้อนรับเลยก็ไม่ได้
กู้เสี่ยวหวานเปิดประตูลานบ้านอย่างไม่เร่งรีบ และเดินนำหงซื่อเข้าไปในบ้าน