ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 905 ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วน
บทที่ 905 ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วน
บทที่ 905 ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วน
ครั้นไม่เห็นผู้ใดเข้ามาจับกุมกู้เสี่ยวหวาน อาจารย์ต้าวซิ่นจึงถูกกู้เสี่ยวหวานตำหนิ การปลอมตัวของเขาล้มเลว หน้ากากถูกกระชากและเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา
“นังปีศาจ เจ้ากล้าใส่ร้ายพระอย่างข้าได้อย่างไร เจ้าสมควรตาย!”
“ท่านอาจารย์ พระพุทธเจ้ากล่าวว่าการช่วยคนหนึ่งชีวิต ยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น และชาวพุทธแท้นั้นตรงกันข้ามกับคำว่า ‘ความตาย’ มากที่สุด” กู้เสี่ยวหวานโต้กลับ
นางจงใจเน้นเสียงกระแทกลงตอนที่เอ่ยคำว่า ‘ชาวพุทธแท้’
ราวกับต้องการบอกว่าต้าซิ่นไม่ใช่ชาวพุทธที่แท้จริง
ครั้นใบหน้าของอีกฝ่ายขึ้นสีแดงก่ำ ปลายนิ้วสั่นระริกชี้มาที่กู้เสี่ยวหวาน เอาแต่พูด เจ้า เจ้า เจ้าไม่หยุด และไม่สามารถโต้แย้งได้
ชาวบ้านที่บอกว่ากู้เสี่ยวหวานถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงเมื่อครู่ เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่เป็นดังที่คาดไว้จึงตะโกนเสียงลั่นสนั่น “นังปีศาจ เจ้ากล้าใส่ร้ายอาจารย์ของเรา ข้าจะเผาเจ้าให้ตาย เผานางให้ตาย!”
ฝูงชนรอบด้านได้ยินเสียงยั่วยุของเขา จึงโห่ร้องเสียงดัง “ปีศาจ ปีศาจ!”
ชาวบ้านอีกส่วนไม่เอ่ยเอื้อนสิ่งใด แต่เขาเอาแต่จ้องมองไปยังกู้เสี่ยวหวาน จากนั้นเบนสายตาไปยังอาจารย์ต้าวซิ่น บางคนเริ่มใจอ่อนและปิดปากสนิท แต่บางคนยังรู้สึกขุ่นเคืองกู้เสี่ยวหวานก็เอาแต่ตะโกนใส่นางว่าเป็นปีศาจ
มุมปากของกู้เสี่ยวหวานกระตุ้นยกขึ้น และมองฝูงชนเหล่านั้นอย่างเย็นชา
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานนิ่งเงียบ อาจารย์ต้าวซิ่นก็ยามใจคิดว่านางอยู่ในอาการหวาดกลัว เขากลอกตาพลางหมุนลูกปัดในมือ และตะโกนขึ้นเสียงดัง “โยมทุกท่าน อมิตตาพุทธ พวกเราเจอดาวหายนะแล้ว หญิงที่อยู่ตรงหน้าเราคือดาวหายนะ ไม่รู้ว่าพวกโยมจะลงโทษนางเยี่ยงไร”
ลงโทษอย่างไร
เมื่อครู่ไม่ได้บอกให้เผานางให้ตายงั้นหรือ?
“ท่านอาจารย์ ท่านสามารถลงโทษนางได้ตามต้องการ ตราบใดที่ทำให้เมืองของเราสงบสุข” ลวี่เทากล่าวด้วยความเคารพ
ทันทีหลังจากนั้น คนที่ดูเป็นเหมือนผู้นำชาวบ้านก็เห็นพ้องกับเขา
และฝูงชนเบื้องหลังก็เห็นพ้องต้องกันว่าอยากจะเผากู้เสี่ยวหวานให้ตาย
ครั้นเห็นว่าความคิดเห็นของสาธารณชนได้รับการตัดสินแล้ว ท่านอาจารย์ต้าวซิ่นก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความเมตตาอันจอมปลอม แววตาเต็มไปด้วยความปรารถนา “เจ้าปีศาจ วันนี้ข้าต้องดำเนินการกับเจ้า และทำให้เมืองหลิวเจียกลับมาสงบสุข”
“ท่านอาจารย์วางแผนที่จะเผาข้าให้ตายจริงหรือ?” กู้เสี่ยวหวานกล่าวแผ่วเบา ดวงตาจริงจังแน่วแน่ไร้ซึ่งความกลัว
“นังปีศาจ การเผาเจ้าให้ตายเท่านั้นที่จะสามารถกำจัดดาวหายนะบนร่างกายของเจ้าได้” อาจารย์ต้าวซิ่น “ดูเหมือนว่าไฟได้ขับไล่พลังงานชั่วร้ายในตัวเจ้าออกไปแล้วบางส่วน แต่เป็นเพราะพลังงานชั่วร้ายในร่างกายของเจ้ายังไม่ได้รับการชำระล้าง และมันทำให้วิญญาณชั่วร้ายอื่น ๆ มีทางออก เมื่อรวมกับวันเกิดของเจ้าแล้ว เจ้าต้องตายในวันนี้”
อาจารย์ต้าวซิ่นมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยแววตาอาฆาตราวกับต้องการฆ่านางให้ตาย
รอยยิ้มจางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู้เสี่ยวหวาน
ดูเหมือนว่าอาจารย์ต้าวซิ่นและคนเหล่านั้นกำลังบอกว่าคนที่จะถูกเผาไม่ใช่นาง
ก่อนที่อาจารย์ต้าวซิ่นจะพูดจบ ก็พลันได้ยินเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาจากด้านหลังฝูงชน “อมิตตาพุทธ ภิกษุต้องถือเอาความกรุณาเป็นที่ตั้ง ละเว้นความชั่ว บำเพ็ญคุณงามความดีทั้งปวง”
น้ำเสียงใสกังวาลเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
ทุกคนเหลียวหลังหันไปมองตามเสียง ชายชราอายุราวหกสิบปีในชุดพระภิกษุ เคร้ายาวเฟื้อยสีขาวราวกับหิมะ ใบหน้าเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตา นัยน์ตาสุกใสสกาวเต็มไปปัญญามองทะลุปรุโปร่งและยังสร้างประโยชน์ให้แก่โลก
ณ เวลานั้นเองก็มีใครบางคนจำคนผู้นี้ได้ ดวงตาของเจียงอวิ้นหลิ่วเบิกกว้างราวกับคาดเดาได้เล็กน้อย แต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ…
คือเขา
คนผู้นั้นคือเขา
จะเป็นเขาไปได้อย่างไร
ทุกคนตกตะลึง พวกเขามองไปที่พระภิกษุผู้นั้นแล้วมองไปที่อาจารย์ต้าวซิ่น
ด้วยเหตุผลบางประการ ยามอยู่ต่อหน้าพระภิกษุรูปนี้ อาจารย์ต้าวซิ่นดูเหมือนกับพระปลอม
ทุกคนหลีกทางให้พระภิกษุรูปโดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกย่างก้าวสง่างามราวกับเหยียบลงบนเมฆมงคล แม้ว่าจะมีอายุไม่น้อย แต่ทุกย่างก้าวก็มั่นคง ใบหน้าไม่มีร่องรอยแห่งวัย และประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนตลอดเวลา
กู้เสี่ยวหวานจ้องมองอย่างถี่ถ้วน และพบว่าพฤติกรรมของพระภิกษุรูปนี้ไม่ได้ต่างจากในหนังสือนัก ความเหนือธรรมดชาติแผ่อยู่รอบกาย และหยั่งรู้ถึงความทุกข์ยากของโลกใบนี้
อาโม่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
จากนั้นกระซิบที่ข้างหูของกู้เสี่ยวหวานเสียงแผ่วเบา “คุณหนู ท่านนี้คือท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วน พระผู้มีชื่อเสียงที่บรรลุลัทธิเต๋า”
ครั้นกู้เสี่ยวหวานได้ยิน ก็รับรู้ได้ทันทีว่าอาโม่ไม่ได้โกหก ถ้าเขาบอกว่าพระภิกษุรูปนั้นเป็นภิกษุที่มีชื่อเสียง และแน่นอนว่าเขาต้องมีชื่อเสียงจริง ๆ กู้เสี่ยวหวานจึงเดินลงจากบันไดไป
อาโม่ตามหลังกู้เสี่ยวหวานไปไม่ห่าง เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นอาจารย์ฮุ่ยหย่วน จึงรีบทำความเคารพเขาทันที “ท่านอาจารย์!”
เมื่อเทียบกับอาจารย์ต้าวซิ่นในเมื่อครู่ นางให้ความเคารพและให้เกียรติเขามากกว่า
“ท่านมาจากไหน?” เมื่ออาจารย์ต้าวซิ่นเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งเดินเข้ามา เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้น ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ่งหน้าเกลียด ชี้ไปที่อาจารย์ฮุ่ยหย่วนและสาปแช่ง
“ช่างไร้มารยาท” จากนั้นก็เห็นเจียงอวิ้นหลิ่วถูกฝูงชนบีบเข้ามา เมื่อชาวบ้านเห็นว่าเป็นเขาทุกคนก็หลีกทางให้อย่างไม่คาดคิด “นายท่านเจียง นายท่านเจียง”
ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าเป็นนายท่านเจียง นางก็มองไปยังทิศทางของเสียง และเห็นชายวัยสี่สิบดวงตาเฉียบแหลมเบียดฝูงชนเข้ามา
ด้วยการแต่งกายชั้นดี จึงทำให้เขาโดดเด่นจากฝูงชน
กู้เสี่ยวหวานจ้องมองอย่างเย็นชา และเห็นว่าเจียงอวิ้นหลิ่วเดินมาหยุดลงตรงหน้าอาจารย์ฮุ่ยหย่วน คุกเข่าลงพร้อมกับตะโกนด้วยความเคารพ “ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วน!”
ว่าอย่างไรนะ
ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วน
เมื่อเห็นว่าอาจารย์ต้าวซิ่นอ้าปากกว้างด้วยความตกตะลึง เขาจึงมองไปที่ชายตรงหน้าด้วยความไม่เชื่อ
พระภิกษุผู้นี้แต่งกายด้วยชุดเรียบง่าย ร่างกายเปี่ยมด้วยปัญญาและความเมตตาต่อสรรพสัตว์ที่แผ่ไปถึงเลือดเนื้อและความใจกว้างที่พระปลอมอย่างอาจารย์ต้าวซิ่นไม่มีแม้แต่ครึ่ง
ชาวบ้านกลั้นหายใจนิ่งเงียบ เงียบเสียจนหากเข็มหล่นกระแทกพื้นก็จะได้ยินเสียงอย่างชัดเจน แต่แล้วความโกลาหลก็เกิดขึ้น
——————————————-