ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 967 กู้ฟางสี่หายตัวไป
บทที่ 967 กู้ฟางสี่หายตัวไป
บทที่ 967 กู้ฟางสี่หายตัวไป
กู้เสี่ยวหวานเปิดผ้าที่คลุมสิ่งนั้นออก เผยให้เห็นตราประทับสีแดงข้างใน และเพียงแวบเดียวนางก็รู้ว่ามันเป็นตั๋วแลกเงิน
“ท่านอา ถ้าท่านไม่เชื่อ ท่านก็มาดูตั๋วแลกเงินพวกนี้สิ แล้วท่านจะรู้”
เพื่อความสะดวกของกู้เสี่ยวหวาน หลี่ฝานได้แลกเงินทั้งหมดที่ได้รับมาเป็นตั๋วแลกเงิน
กู้ฟางสี่ใช้เวลานี้เรียนรู้คำศัพท์มากมายไปกับกู้หนิงผิง
เมื่อมองไปที่ตัวอักษรที่พิมพ์บนกระดาษว่าห้าพันตำลึง นางก็โบกมืออย่างตื่นเต้น
ครั้นมองไปยังอีกใบ มันก็บอกว่าห้าพันตำลึง และเมื่อมองไปที่อีกใบ มันก็ยังคงเป็นห้าพันตำลึง และด้านหลังก็ยังมีสองพันตำลึงอยู่อีกหนึ่งใบ
กู้ฟางสี่ไม่สามารถทราบได้ว่ามีกี่ตำลึง นางรู้ว่าเพียงว่าตัวเลขเหล่านี้ทำให้นางประหลาดใจ
ไม่ต้องพูดถึงมีตั๋วแลกเงินห้าพันตำลึงสามใบ
“หนิงผิงช่วยข้าคำนวณเร็ว ห้าพันตำลึงสามใบ และสองพันตำลึงหนึ่งใบรวมเป็นเท่าไร” กู้ฟางสี่พูดเสียงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้น นางมองไปที่กู้หนิงผิงอย่างมีความหวัง
เมื่อนางพูดจบ ป้าจางก็อ้าปากค้าง “ว่าอย่างไรนะ ขายได้เงินมากมายขนาดนี้เลยหรือ?”
นางอ่านหนังสือไม่ออก แต่มือไม้กลับนางสั่นเทาด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกับกู้ฟางสี่
“ท่านอา ท่านอา มีทั้งหมดหนึ่งหมื่นเจ็ดพันตำลึง” กู้หนิงผิงคำนวณออกอย่างรวดเร็ว และบอกกล่าวแก่ทุกคน
กู้ฟางสี่และป้าจางมองกันไปมา และพวกนางเห็นความไม่เชื่อในสายตาของกันและกัน “หนึ่งหมื่นเจ็ดพันตำลึงคืออะไร?”
หนึ่งหมื่นเจ็ดพันตำลึง
ตัวเลขที่นางไม่เคยได้ยินมาก่อน ครั้งนี้ตั๋วแลกเงินเหล่านี้ถืออยู่ในมือของนางจริง ๆ
“เสี่ยวหวาน อย่าโกหกข้านะ นี่คือเงินที่เราทำได้จากการทำตุ๊กตาขายจริง ๆ หรือ” จนถึงตอนนี้กู้ฟางสี่ยังไม่อยากจะเชื่อว่าพวกตุ๊กตาและผ้าเช็ดหน้าเหล่านี้จะขายได้ถึงหนึ่งหมื่นเจ็ดพันตำลึง
คิดดูแล้วก็เหลือเชื่อ
เมื่อเห็นการแสดงออกที่ไม่เชื่อของกู้ฟางสี่ นางจ้องมองตั๋วแลกเงินในมือด้วยความประหลาดใจโดยไม่พูดอะไร
กู้เสี่ยวหวานเดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม จับมือผู้เป็นอาแล้วพูดว่า “ท่านอา มันเป็นเรื่องจริง เงินทั้งหมดนี้เป็นเงินที่เราได้รับจากการทำตุ๊กตาขาย ข้ามีเรื่องน่ายินดีมากกว่านี้ที่จะบอกอีกนะ” นางหันไปหาฉินเย่จือและเรียกชื่อของเขา “พี่เย่จือ…” นางพยักหน้าให้ฉินเย่จือ จากนั้นเขาก็หยิบสิ่งของอีกกองออกมาจากแขนเสื้อของเขา และมอบให้กับกู้เสี่ยวหวาน
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานหยิบมันขึ้นมาก็เปิดมันออก และพูดกับกู้ฟางสี่ว่า “ท่านอา นี่เป็นรายการสั่งทำจากลูกค้ารายอื่นที่ซื้อตุ๊กตาไม่ทัน พวกเขาระบุรูปแบบที่พวกเขาต้องการเอาไว้ และนี่คือเงินสองพันตำลึงที่มัดจำไว้ หลังจากที่เราทำสินค้าเสร็จ พวกเขาก็จะจ่ายเงินค่าส่วนต่างที่เหลือให้เรา”
“ว่าอย่างไรนะ?” เมื่อกู้ฟางสี่ได้ยินเช่นนี้ นางรู้สึกว่านางไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ “เราไม่ได้ให้อะไรพวกเขา ทำไมพวกเขาถึงให้เงินเรา?”
“ตุ๊กตาของเราโด่งดังมากในเมืองหลวง หากไม่ได้สั่งทำไว้ก็คงซื้อไม่ทัน ดังนั้นหากต้องการซื้อตุ๊กตาของเราก็ต้องวางเงินมัดจำไว้ก่อน” กู้เสี่ยวหวานอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“เราสามารถใช้เงินเหล่านี้ไปซื้อวัสดุอุปกรณ์ได้ และหลังจากที่เราทำของทั้งหมดและขายให้พวกเขาแล้ว เงินที่เหลือจะเป็นของเรา” ป้าจางยังคงไม่เชื่อ
มีคนโง่ ๆ แบบนี้ในโลกที่ยอมจ่ายเงินก่อนจะซื้อของบางอย่างด้วยหรือ?
“อื้ม รอบนี้ได้รายการสั่งซื้อมาเยอะเลย ช่วงนี้พวกเราคงเหนื่อยหน่อยนะ”
กู้เสี่ยวอี้ยังมองไปที่รายการสั่งซื้อมากมายจากด้านข้างและปรบมืออย่างมีความสุขและพูดว่า “ท่านพี่ เราสามารถหาเงินให้ครอบครัวได้ด้วย”
“นั่นสินะ” กู้เสี่ยวหวานยิ้มและเกาจมูกของกู้เสี่ยวอี้ และพูดอย่างมีเลศนัย “ตอนนี้เสี่ยวอี้ของข้าเป็นผู้มีรายได้อันดับหนึ่งในครอบครัวของเรา”
คำพูดของกู้เสี่ยวหวานทำให้ทั้งครอบครัวเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
ในวันถัดมา กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือไปที่เมืองพร้อมกับเงินมัดจำ เพื่อไปซื้อสิ่งของที่จำเป็นกลับมา
ครั้งนี้นางต้องออกรูปแบบใหม่ ๆ ออกมา
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องยาก
ในปัจจุบันมีรูปทรงตุ๊กตามากมาย หากนำมาลองประยุกต์ใช้ก็อาจทำให้เกิดกระแสนิยมได้
ที่แรกที่กู้เสี่ยวหวานไปคือร้านขายผ้าจี๋เสียง
พี่ฝูยุ่งอยู่ในร้าน เมื่อนางเห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังมา นางก็ทักทายทันที “เสี่ยวหวาน มาแล้วหรือ?”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าเรียกพี่ฝูอย่างไพเราะ จากนั้นจึงนำรายการสิ่งของที่นางเขียนขึ้นมา เพื่อเลือกซื้อสิ่งที่นางต้องการ
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานซื้อสิ่งเหล่านี้เพื่อนำกลับไปทำตุ๊กตา พี่ฝูก็ขมวดคิ้ว ดึงกู้เสี่ยวหวานไปด้านข้างแล้วพูดว่า “เสี่ยวหวาน ครั้งที่แล้วสาวใช้ของหลิวเทียนฉือมาที่นี่”
หลังจากซื้อสิ่งจำเป็นทั้งหมดแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ออกจากร้านขายผ้าจี๋เสียง แต่นางกำลังคิดถึงสิ่งที่พี่ฝูพูด
ในใจก็เริ่มสงสัย
พี่ฝูเล่าให้ฟังว่า ครั้งสุดท้ายที่เสี่ยวเถามาที่ร้านของนาง และถามอย่างไม่จริงใจว่าใครเป็นคนทำตุ๊กตา
พี่ฝูพูดบอกว่าไม่ทราบว่าใครทำ ดังนั้นนางจึงเดินผ่านไปพร้อมกับสายตาที่แกล้งทำเป็นสับสน
เสี่ยวเถานั้นอารมณ์เสียมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจากไปนางยังคงยืนหลบมุมอยู่หน้าร้านและถ่มน้ำลายใส่ร้านขายผ้าจี๋เสียง แต่กระนั้นพี่ฝูที่ยืนอยู่ด้านในได้เห็นทุกอย่างชัดเจน
จากนั้นนางก็เห็นเสี่ยวเถาเข้าไปในรถม้าของตระกูลเจียงแล้วจากไป
เสี่ยวเถาจะไม่ถามนางว่าใครสร้างตุ๊กตาโดยไม่มีเหตุผล นางน่าจะมีเจตนาอื่น
ครั้นซื้อของจากร้านขายผ้าจี๋เสียงเสร็จแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงไปที่ร้านหรูอี้อีกครั้ง
เยว่เหนียงจากร้านหรูอี้แจ้งกับกู้เสี่ยวหวานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกแปลกใจมากยิ่งขึ้น
หลังจากคิดเรื่องนี้มาหลายวัน นางไม่ได้คิดว่าหลิวเทียนฉือหมายถึงอะไรเมื่อถามคำถามนี้ นางคิดแค่ว่าหลิวเทียนฉืออาจจะถามโดยที่ไม่ได้คิดอะไร ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจและเดินไปทำตุ๊กตา
เพราะความประมาทจึงเกิดเรื่องไม่คาดฝันที่บ้านขึ้นอีก
กู้ฟางสี่หายไป
หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ราวกับว่าระเหยหายไปจากโลกนี้แล้ว และไม่มีร่องรอยหลงเหลืออยู่เลย
——————————————-