ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 972 รอข่าวจากข้า
บทที่ 972 รอข่าวจากข้า
บทที่ 972 รอข่าวจากข้า
คนขับรถม้ามาจากตระกูลเจียงไม่เคยคาดคิดว่าจะเจอสิ่งที่น่าสนใจเช่นนี้ในการมาในครั้งนี้
ในขณะที่ขับรถม้า ในใจก็รู้สึกมีความสุขโลดแล่น
บังเอิญมากที่ตัวเองไม่ได้ดื่มมาเป็นเวลานาน จากข่าวนี้ บางทีเขาอาจจะได้ดื่มเหล้าและมีมื้ออาหารที่ดีสักสองสามมื้อ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ รถม้าก็แล่นเร็วขึ้นและวิ่งไปจนถึงในเมือง
ฉินเย่จืออุ้มกู้เสี่ยวหวานไว้ในอ้อมแขน เดินข้ามลานบ้านไปที่ห้องโถง และเดินไปยังห้องนอนของกู้เสี่ยวหวาน
จากนั้นก็ค่อย ๆ วางกู้เสี่ยวหวานลงบนเตียง เมื่อเห็นว่านางยังไม่ตื่นขึ้น จึงเริ่มล้อเลียน “เป็นอะไร เมื่อครู่มีเรื่องน่าสนุก ทำไมเจ้ายังไม่ตื่นขึ้นมาดูอีก”
เมื่อพวกเขามาถึงประตูสวนกู้ ในตอนนั้นฉินเย่จือรู้สึกว่ากู้เสี่ยวหวานตื่นขึ้นแล้ว
หากแต่นางยังนอนนิ่งไม่ขยับตัว ดังนั้นฉินเย่จือจึงแกล้งทำเป็นไม่รับรู้
เด็กคนนี้พอรู้ว่าหลิวเทียนฉือมาที่นี่เพื่อเกลี้ยกล่อมเขา ไม่เป็นไรถ้านางจะไม่พูดอะไรเพื่อเขา แต่นางแสร้งทำเป็นหลับและไม่สนใจเขาเนี่ยสิ
กู้เสี่ยวหวานเพิ่งลืมตาขึ้นมองปากที่กำลังพึมพำไม่หยุดของฉินเย่จือแล้วยิ้ม “พี่ใหญ่ฉิน เมืองหลวงเป็นสถานที่ที่มั่งคั่งและเจริญรุ่งเรือง ตราบใดที่เจ้าไปที่เมืองหลวง เจ้าจะทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ”
ก่อนที่นางจะพูดจบ ริมฝีปากของนางก็ถูกนิ้วของฉินเย่จือหยุดไว้
นิ้วของฉินเย่จือนั้นเรียวยาว เขาวางมันลงบนริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวานอย่างเบามือ
สัมผัสที่นุ่มนวลและอุณหภูมิที่อบอุ่นจากริมฝีปากทำให้ฉินเย่จือไม่เต็มใจที่จะดึงนิ้วของเขากลับ
จะรู้สึกอย่างไรถ้ามีริมฝีปากแดงก่ำนั้นแนบติดอยู่กับปากของตัวเอง?
ฉินเย่จือรู้สึกชาวาบตั้งแต่แผ่นหลังลามไปถึงหนังศีรษะ
ทันใดนั้น เขาก็ตระหนักถึงความแปลกประหลาดของตน จึงรีบลุกขึ้นยืนทันที ก้มลงแสร้งทำเป็นเอาผ้านวมคลุมตัวกู้เสี่ยวหวานและรีบจากไป ทิ้งให้กู้เสี่ยวหวานเกิดความอยากรู้อยากเห็นเช่นนั้น
หลังจากกลับถึงห้องของตัวเอง ความรุ่มร้อนในใจก็ค่อย ๆ สงบลง
ฉินเย่จือวางสองนิ้วที่วางไว้บนริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวานไปที่ริมฝีปากของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ที่นิ้วนั้นดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมและอุณหภูมิร่างกายของกู้เสี่ยวหวาน ซึ่งทำให้เขารู้สึกฟุ้งซ่าน
เมื่อนึกถึงวันเกิดของกู้เสี่ยวหวานหลังวันปีใหม่ หัวใจของเขาก็มีความปีติยินดีอีกครั้ง
หลังจากออกไปข้างนอกเพื่อตะเวนหาคนทั้งวัน ตอนนี้ยังไม่รู้สึกง่วงนอนแม้แต่น้อย
เมื่อกลับมาที่ห้องโถง ป้าจาง ฉือโถว และอาโม่ทยอยกลับมาทีละคน
แต่ทว่าใบหน้าของทุกคนบิดเบี้ยวเหยเกไม่น่ามอง ดูเหมือนว่าจะไม่พบร่องรอยของกู้ฟางสี่
กู้เสี่ยวหวานเองก็ออกมาจากห้องเช่นกันหลังจากที่เปลี่ยนชุดเสร็จ เมื่อเห็นว่าทุกคนนั่งเงียบ นางก็เกิดความรู้สึกกังวล จึงเอ่ยถามว่า “หาท่านอาไม่พบหรือ?”
พวกเขาทั้งหมดส่ายศีรษะและเล่าเรื่องทั้งหมดให้กู้เสี่ยวหวานฟัง หากแต่ก็ไม่พบเบาะแสใด ๆ
แปลกมาก กู้ฟางสี่เป็นคนที่มีชีวิต นางจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร?
และนอกจากสวนกู้แล้ว กู้ฟางสี่จะไปที่ไหนได้อีก ตามที่เคยพูดกันไว้แล้ว สวนกู้เป็นบ้านของนาง
นางอยู่ที่นี่มาเกือบสองปีและเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะหนีไปโดยไม่บอกลาทุกคน
ครั้นนึกถึงท่าทางที่อ่อนแอไม่สู้คนของกู้ฟางสี่ กู้เสี่ยวหวานจึงเกิดสัญชาตญาณที่ไม่ดี
“ข้าคิดว่าท่านอาคงถูกใครบางคนลักพาตัวไป” แม้ว่านางจะไม่อยากยอมรับ แต่กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้
แต่ใครจะลักพาตัวกู้ฟางสี่ไปล่ะ?
ประการแรกคือ กู้ฟางสี่ค่อนข้างมีอายุและเคยแต่งงานมาก่อน นางไม่ใช่ทั้งเด็กน้อยและสาวแรกแย้มเหมือนกัน
ประการที่คือ สองกู้ฟางสี่ไม่ใช่คนโอ้อวดความมั่งคั่งของนาง การแต่งตัวในชีวิตประจำวันของนางก็ธรรมดาและเรียบง่ายเหมือนผู้หญิงธรรมดาทั่วไป
ใครคือผู้ที่ต้องการลักพาตัวกู้ฟางสี่ไป?
หลิวชิงซานถูกตัดสินจำคุกหนึ่งปี และตอนนี้เขาก็ยังคงถูกขังอยู่ในคุก ต้องไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน
แม้จะมีการบอกว่านางมีเรื่องบาดหมางกับกู้ฉวนลู่ แต่กู้ฟางสี่ก็เป็นน้องสาวของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ควรใช้ชีวิตน้องสาวของตัวเองเพื่อแข่งขันกับกู้เสี่ยวหวานใช่หรือไม่?
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพวกเขาไปที่บ้านตระกูลกู้เพื่อตามหาอาหญิงเมื่อเช้านี้ ท่าทางประหลาดใจของซุนซื่อดูไม่เหมือนว่านางกำลังโกหก
ไม่ต้องพูดถึงกู้ฉวนโซ่ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน บางทีเขาอาจจะไม่รู้ว่ากู้ฟางสี่อยู่ที่นี่กับกู้เสี่ยวหวานเสียด้วยซ้ำ
ในวันธรรมดา เนื่องจากกู้ฟางสี่เป็นคนใจดี นางจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวผู้เช่าและทุกคนต่างก็ชื่นชอบนาง
พวกเขาไม่น่าจะลักพาตัวนางไป
เมื่อคิดความเป็นไปได้ต่าง ๆ นานา แต่ละอย่างก็ถูกหักล้างไปตามลำดับ
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานเดินไปมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล ฉือโถวก็รู้สึกเป็นทุกข์เช่นกันและพูดว่า “เสี่ยวหวาน ไม่ต้องกังวล ถ้าท่าอาถูกพาตัวไปจริง ๆ ข้าเดาว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะส่งคนมาเรียกค่าไถ่”
หากไม่มีใครมาก็มีความเป็นไปได้ที่กู้ฟางสี่อาจถูกขายออกไป
หากกู้ฟางสี่ถูกลักพาตัวไปและขายโดยพวกค้ามนุษย์จริง ๆ แม้ว่าจะเดินทางไปทั่วอาณาจักร การค้นหาก็คงเป็นเรื่องยาก
ทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานก็นึกขึ้นได้ว่ามีพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวและขายผู้หญิงในชีวิตที่แล้ว และผู้หญิงพวกนั้นจะถูกขายไปในภูเขาลึกและไม่สามารถออกมาได้ตลอดชีวิต ความหวาดกลัวจึงกัดกินอยู่ในใจ
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหม่ามากขึ้น “ไม่ได้ ข้าไม่สามารถนั่งเฉย ๆ เพื่อรอให้คนอื่นมาได้ ถ้าคนอื่นไม่มาล่ะ ไม่ได้การแล้ว เราต้องออกไปตามหาท่านอา” หลังจากพูดจบ นางก็เตรียมจะออกไปข้างนอกทันที
แต่ฉินเย่จือดึงนางมาไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง และเอ่ยแผ่วเบา “หวานเอ๋อร์ ใจเย็น ๆ ก่อน ตอนนี้มืดแล้ว ถ้าเราออกไปแบบนี้ มีแนวโน้มที่จะเกิดอันตราย กลางคืนแล้วไม่ควรหาคน อย่าให้ถึงเวลานั้นที่ท่านอาก็หาไม่เจอ และเรายังต้องเสียคนไปอีก”
คำพูดของฉินเย่จือมีเหตุผล หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินเช่นนี้ก็เงยหน้าขึ้นมองฉินเย่จือและร้องไห้ออกมา ใบหน้าของนางดูเศร้าโศกและหวาดกลัว
“แล้วข้าควรทำอย่างไรดี พี่เย่จือ?”
ฉินเย่จือมองกู้เสี่ยวหวานที่กำลังร้องไห้อย่างเศร้าโศก และรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มของนางเพื่อเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างเบามือ และเอ่ยอย่างอบอุ่น “หวานเอ๋อร์ ไม่ต้องกังวล อีกครู่ข้าจะไปตามหานางเอง เจ้าควรอยู่ที่บ้านและรอข่าวจากข้า”
——————————————-