ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 975 อยากจะลองดีใช่หรือไม่
บทที่ 975 อยากจะลองดีใช่หรือไม่?
บทที่ 975 อยากจะลองดีใช่หรือไม่?
หลังจากที่เฉินจื่อไป๋มองดูแล้ว เขาก็พูดด้วยความมั่นใจว่าคนผู้นี้เป็นคนที่อุ้มกู้ฟางสี่เข้าไปในรถม้าในวันนั้น
หน้าตาน่าเกลียดและดูหยาบคาย รูปร่างผอมบาง และมีนิสัยอันธพาลของนักเลงท้องถิ่น คนผู้นั้นคือหลิวชิงซานอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่ผิด เขาเป็นคนอุ้มหญิงที่สลบไสลไว้บนบ่า แล้วโยนขึ้นรถม้า” เฉินจื่อไป๋กล่าวยืนยัน
ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งนี้ นางก็เปิดประตูห้องเก็บฟืนทันทีและดึงหลิวชิงซานออกมาจากข้างใน นางถามเขาตรง ๆ อย่างไม่สุภาพ “เจ้าขายท่านอาไปให้ใคร”
“เจ้ากำลังพูดถึงอะไร นั่นภรรยาของข้า ทำไมข้าต้องขายนางด้วย” หลิวชิงซานยังคงดื้อรั้นปฏิเสธที่จะยอมรับ
กู้เสี่ยวหวานเยาะเย้ย “หลิวชิงซาน ในวันนั้นมีคนเห็นเจ้าโยนท่านอาของข้าขึ้นรถม้าของใครบางคน แล้วเขาก็ให้เงินแก่เจ้า จะให้ข้าช่วยเตือนความจำให้หรือไม่ว่าหลังจากที่เจ้าออกมาจากคุก ใครกันที่ใจดีให้เงินแก่เจ้ามากมาย ให้เจ้ากินดื่มอย่างสนุกสนานอย่างไร้ยางอายและรู้จักผิดชอบชั่วดี”
“เจ้าอย่าพูดจาไร้สาระ ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น” หลิวชิงซานเป็นคนขี้ขลาด เขาไม่สามารถทนคำพูดไม่กี่คำจากผู้อื่นได้
เมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานทบทวนเรื่องราวในวันนั้น เขาก็รู้สึกประหม่าและหวาดกลัวถึงกับตัวสั่นเมื่อนางพูด
เมื่อหลิวชิงซานถูกกระตุ้นจุดอ่อน กู้เสี่ยวหวานสามารถยืนยันได้อย่างเต็มที่ว่าในขณะนี้เขากำลังพยายามซ่อนท่าทางการแสดงออกของเขา หลิวชิงซานต้องรับผิดชอบต่อการหายตัวไปของกู้ฟางสี่
แต่หลิวชิงซานยังคงดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายและปฏิเสธหัวชนฝา
กู้เสี่ยวหวานขี้เกียจเกินไปที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับเขา
หลิวชิงซานกลัวความตายไม่ใช่หรือ? งั้นลองให้เขาตายสักหน่อยเป็นไรไป
กู้ฟางสี่เกือบจะตายหลายครั้ง ให้เขาลิ้มรสว่าการมีเลือดออกเป็นเวลาสองวันนั้นเป็นอย่างไร
กู้เสี่ยวหวานหยิบกริชที่ฉินเย่จือมอบให้นางออกมา หลิวชิงซานผงะถอยไปทีละก้าว เขาไม่รู้ว่านางกำลังจะทำอะไร แต่เมื่อเห็นท่าทางที่ดุร้ายของนาง เขาก็ทำได้แต่ถอยหลังไปเรื่อย ๆ “กู้เสี่ยวหวาน เจ้า… ตะ..ต้องการ ต้องการจะทำอะไร”
กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจเขา นางย่อตัวลงแล้วปักกริชลงไป หลิวชิงซานกอดขาและร้องเสียงดัง “อ๊าก… เจ็บ… ข้าเจ็บ!”
หลิวชิงซานร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล
คนที่กลัวความตาย แต่ยังเป็นคนโหดเหี้ยมได้ เขาเฝ้าดูกู้ฟางสี่เลือดออกเป็นเวลาสองวันและยังคงเฉยเมย
นางอยากจะหักกระดูกของชายผู้นี้แล้วเอาให้หมากินไปเสีย
ถึงจะเอาไปให้หมาก็เกรงว่าจะทำให้ปากของหมาสกปรก
“จะบอกหรือไม่บอก?” เสียงคร่ำครวญของหลิวชิงซานนั้นเบาลง กู้เสี่ยวหวานก็ยกกริชในมือขึ้นอีกครั้งและก้าวไปข้างหน้า
หลิวชิงซานมองกู้เสี่ยวหวานที่ถือกริชราวกับเห็นวิญญาณชั่วร้าย เขาหดตัวความตกใจ “อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามานะ”
“ไม่บอกใช่หรือไม่? งั้นก็ลองดูอีกสักครั้ง”
เมื่อได้ยินว่าการคร่ำครวญของหลิวชิงซานยังไม่จบลง เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอีกครั้ง “โอ้สวรรค์!”
กริชของกู้เสี่ยวหวานตัดผ่านใบหน้าของหลิวชิงซานไป
เนื้อบนใบหน้าปริออก และเกิดรอยแผลที่น่าสะพรึงกลัว
เลือดสีแดงฉานไหลออกมาไม่หยุด
กริชของกู้เสี่ยวหวานนั้นคมกริบไร้ที่ติ เมื่อฟันลงไปอย่างแรง มันจึงเฉือนเข้าไปในเนื้อของหลิวชิงซานอย่างง่ายดาย
หลิวชิงซานกุมใบหน้าครึ่งหนึ่งแล้วร้องโหยหวน
เลือดไหลออกมาจากช่องว่างระหว่างนิ้วอย่างต่อเนื่อง
หากแต่ไม่มีผู้ใดสงสารเขาแม้แต่น้อย
“จะบอกหรือไม่บอก? ถ้าไม่บอก ข้าจะมอบอีกแผลให้แก่เจ้า!” กู้เสี่ยวหวานตะคอกอย่างเย็นชา
กริชที่ฉินเย่จือมอบให้นั้นใช้งานง่ายมาก
“ข้าได้ยินมาว่ากริชนี้ทำจากเหล็กเย็น ไม่ต้องพูดถึงการคว้านเนื้อ แม้แต่การตัดเหล็กก็เหมือนกับการตัดโคลน อยากลองอีกครั้งหรือไม่?”
หลิวชิงซานถอยห่างออกไปด้วยความกลัว
หญิงผู้นี้น่ากลัวยิ่งนัก
“ข้าบอกแล้ว ข้าบอกแล้ว” หลิวชิงซานปกปิดใบหน้าที่บาดเจ็บ น้ำมูกน้ำตาไหล “อย่าฟันข้า อย่าฟันข้า ข้ายอมบอกหมดแล้ว”
ตอนนี้ชีวิตสำคัญที่สุด
หลิวชิงซานได้อธิบายเรื่องการหายตัวไปของกู้ฟางสี่อย่างชัดเจน
ต้องขอบคุณหลิวเทียนฉือที่สามารถนำเขาออกมาจากคุกก่อนเวลา
หลิวเทียนฉือหาคนมาปล่อยเขาออกจากห้องขัง และให้เงินหนึ่งร้อยตำลึงแก่เขา ตราบใดที่เขาลักพาตัวกู้ฟางสี่มาได้ เงินหนึ่งร้อยตำลึงจะเป็นของเขา ทั้งยังให้เพิ่มอีกห้าสิบตำลึง
หากหาคนมาได้ ก็รับเงินไปเลยหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง และคนที่ถูกจับเป็นคือกู้ฟางสี่
หลิวชิงซานไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาพยักหน้าทันทีและตกลงที่จะทำ
อย่างไรก็ตาม หญิงผู้นี้โหดเหี้ยมและเนรคุณ นางสามารถพาเขาออกจากคุกและจับเขาเข้าคุกได้
นางไม่ใช่คนใจดี ดังนั้นอย่าโทษตัวเองที่ไร้ศีลธรรม
จึงได้เกิดสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของหลิวเทียนฉือ ในตอนแรกนางรู้สึกตกใจ จากนั้นจู่ ๆ ก็นึกถึงสิ่งที่พี่ฝูและเยว่เหนียงเตือน
ว่ากันว่าหลิวเทียนฉือและสาวใช้ของนางวิ่งไปหาพวกเขาเพื่อถามว่าใครในสวนกู้ที่มีฝีมือด้านการเย็บปักถักร้อย
เมื่อเห็นว่าหลิวเทียนฉือไม่สามารถซื้อนางได้ จึงได้มุ่งเป้าไปที่กู้ฟางสี่ใช่หรือไม่?
“ท่านอาของข้าอยู่ที่ไหน หลิวเทียนฉือซ่อนท่านอาของข้าไว้ที่ไหนกันแน่” กู้เสี่ยวหวานกำมือแน่น อยากจะใช้กริชแทงหลิวชิงซานจริง ๆ
หากบุคคลดังกล่าวอยู่ต่อมันจะกลายเป็นหายนะ
“ข้าไม่รู้ ข้าแค่ลักพาตัวฟางสี่และส่งมอบให้แม่นางหลิว ส่วนเรื่องอื่นข้าไม่รู้”
เฉินจื่อไป๋ยังกล่าวด้วยว่าหลังจากที่หลิวชิงซานโยนกู้ฟางสี่เข้าไปในรถม้า เขาก็รับเงินมาและวิ่งหนีไปอย่างมีความสุข รถม้าก็มุ่งหน้าไปทางตะวันตกของเมือง
ทันทีที่นางได้ยินว่ารถม้ามุ่งหน้าไปทางตะวันตกของเมือง กู้เสี่ยวหวานก็เรียกหาใครบางคน และมุ่งไปทางตะวันตกของเมืองโดยไม่หันกลับมามอง
ในเขตชานเมืองทางตะวันตกของเมืองมีป่าทึบและภูเขาสูงอยู่ทุกหนทุกแห่ง กลุ่มคนค้นหาเป็นเวลาครึ่งวัน แต่พวกเขาไม่พบที่อยู่ของกู้ฟางสี่
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังไม่กล้าเข้าไปข้างในมากนัก ป่าทึบนั้นกินพื้นที่ลึกเข้าไปและแน่นขนัดไปด้วยต้นไม้ อาจหลงทางได้หลังจากเดินเข้าไป
ตอนนี้คนเดียวรู้ว่ากู้ฟางสี่อยู่ที่ไหนคือ หลิวเทียนฉือ
หลิวเทียนฉืออยู่ที่บ้านตระกูลเจียง กู้เสี่ยวหวานและพรรคพวกจึงตรงไปที่หน้าบ้านตระกูลเจียงทันที