ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน - ตอนที่ 148 ใครกล้าตีลูกสาวข้าก็ลองดู!
ตอนที่ 148 ใครกล้าตีลูกสาวข้าก็ลองดู!
หยุนชิ่วเอ๋อกระโดดโลดเต้นพร้อมด่าทออยู่ในลานบ้าน
หยุนลี่เต๋อจึงเดินออกมาจากห้องด้วยอาการมึนเมาและเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเป็นอา แล้วเหตุใดถึงโต้เถียงกับนางอยู่ได้?”
“พี่รอง ดูลูกสาวคนดีของท่านสิ! กล้าดีอย่างไรถึงมาขี่คอข้า! คอยดูข้าจะหักขาของนาง!” หยุนชิ่วเอ๋อกล่าวพร้อมหยิบไม้กวาดขึ้นมา
“กล้ารึ!” ทันใดนั้นหยุนลี่เต๋อตะโกนออก “ผู้ใดกล้าตีลูกสาวข้าก็ลองดู!?”
ด้วยประโยคดังกล่าว ทำให้หยุนชิ่วเอ๋อรู้สึกตกใจมากและจ้องมองอีกฝ่ายด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน “โอ้ พี่รอง ท่านทำตัวยิ่งใหญ่มาก! กล้าดีอย่างไรถึงกล้ามาตะโกนใส่ข้าเช่นนี้!”
“ข้าเลี้ยงดูลูกสาวอย่างทะนุถนอมตั้งแต่น้อย ดูสิว่าผู้ใดกล้าแตะต้องปลายนิ้วของนาง!”
หยุนลี่เต๋อมีหนวดเครารุงรังมากบวกกับการทํางานที่ลำบากมาหลายปี ใบหน้านั้นจึงดำคล้ำ และเมื่อดื่มเหล้าไปผิวจึงกลายเป็นสีดําปนแดงก่ำขณะคิ้วตั้งตระหง่านด้วยดวงตาโตที่ถลึงขึ้นจนน่ากลัว
หยุนเชวี่ยอ้าปากค้างและยื่นหัวออกมาจากเล้าไก่ขณะมีความคิดว่า หยุนลี่เต๋อยังคงเป็นบิดาคนเดิมที่จิตใจดีของตนเองอยู่หรือไม่? หรือการดื่มเหล้าเข้าไปเพียงเล็กน้อยทำให้เขาถึงกับแปลงร่าง!
“พี่รองบ้าไปแล้ว! แม้แต่ข้าท่านยังจะทุบตี!” หยุนชิ่วเอ๋ออึ้งไปครู่หนึ่ง หลังจากได้สติแล้วหยุนชิ่วเอ๋อรีบโยนไม้กวาดทิ้ง แล้วหันหน้ามุดเข้าห้องไป “ท่านแม่ ท่านต้องจัดการให้ข้าด้วย!”
เมื่อหยุนลี่เต๋อเริ่มข่มขู่นาง เห็นได้ชัดว่ามีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากหยุนลี่เซียว
ปกติแล้วหยุนลี่เซียวเป็นคนไร้ยางอายและกล้ายั่วโมโหทุกคนราวกับไม่เกรงกลัวอันใด ทว่าพอเจอตอที่แข็งแกร่งเข้าจริงเขากลับเกิดอาการกลัวจนหัวหดทันที ดังนั้นต่อให้หยุนลี่เซียวจะดุด่าแค่ไหน หยุนชิ่วเอ๋อย่อมไม่เคยเกรงกลัว
ทว่าด้วยนิสัยที่ซื่อตรงและจิตใจดีที่ไม่อาจทำร้ายผู้อื่นได้อย่างหยุนลี่เต๋อ เมื่อคนผู้นี้โกรธและทําตัวเหมือนปีศาจร้าย มันทำให้น่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด
ฝ่ายผู้เฒ่าหยุนที่กําลังกลอกตาด้วยความกลุ้มใจกับเรื่องหมูสามตัว เมื่อได้ยินดังนั้นจึงร้องโวยวายออกมาหลังจากเกิดการฟ้องร้องขึ้นขณะขยับตัวตะโกนอย่างหงุดหงิด “เอะอะโวยวายเสียงดังอันใดกัน ทั้งวันทั้งคืนไม่เคยสงบสุข ข้ายิ่งกำลังกลุ้มใจอยู่!”
“ท่านพ่อ…” หยุนชิ่วเอ๋อทำปากขมุบขมิบด้วยความคับข้องใจ
“หยุดโวยวายได้แล้ว นิสัยเสียเช่นนี้จะไปอยู่บ้านใดได้! ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการอบรมเลี้ยงดูของแม่เจ้า!”
“ข้าเลี้ยงดูลูกหลานทุกคนอย่างยากลําบาก ตอนนี้กลายเป็นความผิดของข้าไปแล้ว…” แม้แม่เฒ่าจูจะโกรธทว่าไม่กล้าด่าทอ จึงทำเพียงบ่นพึมพำอย่างแผ่วเบาด้วยใบหน้าบึ้งตึง
แม่เฒ่าจูคิดไม่ถึงว่าผู้เฒ่าหยุนจะหงุดหงิดจนลุกขึ้นมาดุด่าพวกนางสองแม่ลูก “เจ้าดูเองสิว่าชิ่วเอ๋อมีอะไรที่ไม่เหมือนเจ้า!”
“เหมือนข้ารึ? ท่านอยู่กับข้ามาครึ่งชีวิตแล้ว ตอนนี้รังเกียจว่าข้าไม่ดีแล้วหรือ?” แม่เฒ่าจูสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะปิดใบหน้าไว้พลางสะอึกสะอื้น “ข้าให้กําเนิดลูกชายกับลูกสาวให้ตระกูลหยุน และยังทำตัวเป็นวัวเป็นม้าคอยปรนนิบัติท่าน พอหมดความสำคัญแล้วจึงไม่เห็นหัวข้า แล้วจะมีชีวิตอยู่ไปอันใดอีก! ปล่อยให้ข้าตายเสียเถิด!”
“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านกําลังจะทำอันใด!” หยุนชิ่วเอ๋อรีบเข้าไปโอบแม่เฒ่าจูไว้
ขณะแม่เฒ่าจูยืดคอขึ้นพร้อมกระทืบเท้า
“ปล่อยมือ ปล่อยมือออก ปล่อยนางไป!” ผู้เฒ่าหยุนรู้สึกโกรธเช่นกัน “ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นทุกข์ใจกันทั้งนั้น!”
“ท่านพ่อ ท่านอย่าโกรธไปเลย” หยุนลี่เต๋อรินชาให้บิดาและกล่าวด้วยความมึนเมาอีกหลายประโยค “ท่านแม่ติดตามท่านมาทั้งชีวิตและเลี้ยงพวกเราพี่น้องให้เติบใหญ่ได้นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย”
บุญคุณในการเลี้ยงดูนั้นยิ่งใหญ่ท่วมผืนฟ้า ดังนั้นไม่ว่าแม่เฒ่าจูจะทําเช่นไร มารดาย่อมยังคงเป็นมารดาเสมอ
“พี่รอง ท่านคือตัวต้นเหตุ! อย่าแกล้งทําตัวเป็นลูกกตัญญูที่นี่! หากท่านแม่เป็นอันใดไป ข้าจะไม่ไว้ชีวิตท่าน!” หยุนชิ่วเอ๋อชี้หน้าอีกฝ่ายพร้อมสาปแช่ง
หยุนลี่เต๋อขมวดคิ้ว “ท่านพ่อ ท่านพักผ่อนเถิด”
แต่หลังจากหมุนตัวและกําลังจะจากไป หยุนลี่เต๋อพลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “ตอนนี้หมูสามตัวยังอยู่ข้างนอกนั่น… ถ้าทิ้งไว้เช่นนี้คงอยู่ได้เพียงสองวัน…”
“เจ้ารอง!” ผู้เฒ่าหยุนถอนหายใจยาว
หยุนลี่เต๋อหยุดเดินในทันที
“หมูนั่น… เจ้าคิดว่าควรจัดการกับมันอย่างไรดี?” ผู้เฒ่าหยุนจนปัญญาอย่างแท้จริง
หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ในจำนวนลูกชายทั้งสามไม่มีแม้แต่คนเดียวที่โผล่หัวออกมา ผู้เฒ่าหยุนจึงไม่รู้ว่าจะหารือกับผู้ใดดี ดังนั้นเวลานี้จึงได้แต่มองว่าบุตรชายคนรองจะมีข้อเสนออย่างไร
“นี่…” หยุนลี่เต๋อรู้สึกลําบากใจ “หากนำหมูเหล่านี้ไปขาย จะไม่เป็นการทําร้ายผู้คนหรอกหรือ?”
“ทําร้ายผู้ใดกัน? ตระกูลเก่อลากหมูตายหลายสิบตัวไปขายที่อําเภอใกล้เคียงแต่ไม่เห็นมีผู้ใดต้องตายเพราะการกินเนื้อหมู!” หยุนชิ่วเอ๋อแค่นเสียงอย่างอารมณ์เสีย “มิใช่ว่าบ้านท่านจะแต่งงานกับคนแซ่อู๋หรอกหรือ? คนเหล่านั้นถึงไม่ยอมรับหมูสามตัว พวกเขาเป็นครอบครัวแบบไหนกันแน่!”
“พวกเขาเป็นคนซื่อตรง พี่อู๋ทํางานตามกฎ พวกเราไม่สามารถปล่อยให้เขาทุบหม้อข้าวตนเองได้” หยุนลี่เต๋อโต้
กลับ
หยุนเชวี่ยยืนพิงประตูอยู่แต่ไม่ได้เข้าบ้านขณะคิดในใจว่าบิดาที่ซื่อตรงผู้นี้ดื่มเหล้าเข้าไปเพียงเล็กน้อยไม่เพียงกล้าคิดกล้าทำเท่านั้น แม้แต่ปากยังพูดจาได้คล่องแคล่วอีกด้วย
“เชวี่ยเอ๋อเข้าเมืองทุกวัน ดังนั้นต้องรู้จักร้านค้ามากมาย…”
“ท่านพ่อ เชวี่ยเอ๋อเป็นเพียงเด็กสาวที่ไม่ประสีประสา นางจะรู้อันใด” ครานี้ก่อนที่ผู้เฒ่าหยุนจะกล่าวจบหยุนลี่เต๋อ รีบปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
หยุนเชวี่ยอายุเพียงเท่านี้ แล้วเขาจะปล่อยให้บุตรสาวของตนเองที่อายุยังน้อยทําเรื่องที่ผิดหลักมโนธรรมได้อย่างไร?
ผู้เฒ่าหยุนรู้สึกตกใจเล็กน้อยขณะอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจและไม่เข้าใจด้วยดวงตาที่ขุ่นมัว
ลูกชายคนรองที่มีความซื่อตรงที่สุดของตนเอง ก่อนหน้านี้แม้จะเสียเปรียบแต่ไม่เคยปริปากสักคํากลับเรียนรู้ที่จะพูดคำว่า ‘ไม่’ ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
“เช่นนั้นหมูบ้านเรา… คงต้องตายไปโดยเปล่าประโยชนใช่หรือไม่?” ทันใดนั้นผู้เฒ่าหยุนพลันกล่าวด้วยความรู้สึกหมดหนทาง
ที่ดินทำกินไม่มีแล้ว อีกทั้งหมูยังมาตายยกเล้าอีก แล้ววันข้างหน้าคนในครอบครัวสิบกว่าปากจะเป็นอย่างไร
“…” หยุนลี่เต๋อก้มหน้าลง “เรื่องนี้… ข้าขอคิดดูก่อนว่าจะทําอย่างไรดี”
“ข้าควรทําอย่างไรดีรึ?” แม่เฒ่าจูไม่ร้องไห้อีกต่อไปและยกหางตาขึ้นพลางพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชาด้วยใบหน้าซีดเผือด “มีความสามารถหาเงินได้แล้วจึงไม่สนใจคนที่เป็นพ่อแม่ คงคิดว่าการยกอาหารเหลือสองชามมาให้ถือว่าตัวเองเป็นลูกที่ดี ช่างใจดำนัก หากมีความกตัญญูจริง เหตุใดยังนิ่งดูดายเมื่อเห็นพ่อของตนเองกำลังลําบากใจเกี่ยวกับเรื่องหมูสามตัวเช่นนี้”
หยุนลี่เต๋อ…
ต่อมาหยุนชิ่วเอ๋อพูดอย่างชัดเจนว่า “พี่รอง บ้านของท่านพอจะมีเงินทองมิใช่รึ? หมูสามตัวนี้ขายให้บ้านท่านก็แล้วกัน เสียเปรียบเล็กน้อยคงไม่เป็นไรกระมัง…”
“ท่านพ่อ ข้าขอตัวก่อน เพราะต้องกลับไปทํางานต่อ” หยุนลี่เต๋อไม่พูดอะไรอีกและเบือนหน้าหนีเพื่อจากไป
ผู้ใดจะไม่รู้สึกท้อแท้กับเรื่องนี้บ้าง?
เดิมทีการฆ่าหมูเหล่านั้นสามารถเปลี่ยนเป็นรายได้เข้าบ้านได้ถึงร้อยชั่ง ทว่าตอนนี้หมูที่ป่วยตายยังต้องให้ครอบครัวเขาจ่ายเงิน อย่าว่าแต่ไม่มีเงินเลย ต่อให้มีมันย่อมสร้างความอึดอัดใจมิใช่น้อย
“พี่รองหยุดนะ ท่าน… ปีกกล้าขาแข็งจนกล้าที่จะทําเช่นนี้ต่อหน้าท่านพ่อท่านแม่เลยรึ!”
เรื่องหมูไม่ได้ทะเลาะวิวาท ทว่าแม่เฒ่าจูกับหยุนชิ่วเอ๋อคิดจะบีบเรื่องแต่งงานของหยุนเยี่ยนเอ๋อ จึงฉวยโอกาสนี้สร้างความวุ่นวายขึ้น เพราะเรื่องนี้ทําให้เดือดร้อนไม่ได้แล้ว
แม่นางเหลียนถอนหายใจยาวอย่างคับแค้นใจอยู่ครู่ใหญ่ “หมูพวกนี้ป่วยเป็นโรคระบาดตายซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของพวกเรา แล้วเหตุใดพวกเราต้องรับผิดชอบด้วย เฮ้อ ท่านแม่ช่าง…”
จะให้เอ่ยออกมาว่าแม่สามีลําเอียงคงไม่เหมาะสมเพราะเป็นเหมือนการตำหนิอาวุโสว่าไร้เหตุผล และคํากล่าวเช่นนี้ในฐานะภรรยาย่อมไม่ควรพูด จึงทำได้เพียงทอดถอนหายใจ
เมื่อหยุนลี่เต๋อดื่มเหล้าจนมึนเมาจึงนอนกรนอย่างรวดเร็ว ทำให้หยุนเชวี่ยนอนไม่หลับ นางหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะปีนลงจากเตียงไป