ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน - ตอนที่ 164 เจ้าลาซื่อบื้อ
เช้าวันถัดมา
เดิมทีหยุนเชวี่ยต้องการติดต่อเจ้าอ้วนเฉียนผู้มีอิทธิพลของมณฑลอันผิงเพื่อชวนไปกินขนมหวานและดื่มชาให้สำราญ เพราะต้องการรู้ว่าครอบครัวใดในเมืองนั้นบ้างที่กำลังตามหาบุตรชายผู้สาบสูญ หรือบางทีเด็กหนุ่มผู้อับโชคนั้นอาจมาจากตระกูลมีชื่อเสียงแห่งใดแห่งหนึ่งและถูกปองร้ายกระทั่งต้องพลัดพรากจากบ้านเกิด
ทว่าหยุนเชวี่ยกลัวเหลือเกินว่าหยุนชิ่วเอ๋ออาจตามมาสร้างปัญหาที่บ้านของเหอยาโถว จึงพับเก็บโครงการเหล่านั้นไว้สำหรับโอกาสถัดไป
เรือนตระกูลเหอ
อาการของหยุนเซียงเริ่มดีขึ้นตามลำดับโดยมีป้าเหอคอยรักษาบาดแผลและเตรียมหยูกยาไว้ไม่ได้ขาด เมื่ออาหารถูกยกเข้ามา หยุนเซียงเพียงหยิบขนมปังไปหนึ่งชิ้นและถอยกลับไปนั่งหลบอยู่ตรงมุมห้องเพียงลำพัง
“ไม่ว่าใครพูดคุยด้วยนางก็ไม่ยอมปริปากแม้แต่คำเดียว นางยังเด็กนัก ดีอยู่บ้างที่ยังรู้จักกิน ข้าวางซาลาเปาทิ้งไว้ให้สองลูก โจ๊กหนึ่งชาม ไหนจะขนมหวานหลากหลาย นางกินทุกอย่างจนหมดไม่มีหลงเหลือ” เหอเฉี่ยนจือนำทางหยุนเชวี่ยให้ไปพบกับเด็กหญิงที่ถูกกล่าวถึง
ทันทีที่ประตูเปิดออกหยุนเชวี่ยก็เห็นหยุนเซียงนั่งคู้เข่าอยู่ตรงมุมห้อง ปลายเท้ามีถ้วยชาและจานชามอาหารวางอยู่อย่างระเกะระกะ แม้แต่แก้วน้ำยังปราศจากน้ำเพียงหยดเดียว
“รบกวนท่านป้าแล้วเจ้าค่ะ ต้องขอบคุณความกรุณาของท่านที่ดูแลเซียงเอ๋อเป็นอย่างดี จากนี้ข้าจะรับช่วงต่อเอง” หยุนเชวี่ยก้าวเข้าไปในห้องก่อนย้ายจานชามเปล่าไปวางไว้ด้านข้างและยื่นมือไปหาหยุนเซียง
หยุนเซียงมองผู้มาเยือนคนใหม่ ครั้นเห็นว่าคือผู้ใดจึงพยายามซุกใบหน้าไว้ระหว่างเข่าที่ชันขึ้นทั้งสองข้าง
“ไปกันเถิด” หยุนเชวี่ยก้มลงหมายจะคว้าข้อมือให้ลุกขึ้น
ทว่าครั้งนี้หยุนเซียงไม่คิดเชื่อฟังหยุนเชวี่ย ทั้งยังเอาแต่นั่งนิ่งแข็งทื่อหลบอยู่อย่างนั้น เห็นได้ชัดว่าต้องการขัดขืน
หยุนเชวี่ยนึกประหลาดใจ “เป็นอะไรไป? เหตุใดจึงต่อต้านข้า?”
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากคู่สนทนา
“เจ้าไม่อยากกลับไปกับข้าหรอกรึ?”
ไหล่บอบบางของหยุนเซียงสั่นสะท้านทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘กลับไป’
“เจ้าอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้า รบกวนท่านป้าเหอมากพอแล้ว” หยุนเชวี่ยยื่นมือไปคว้าแขนหยุนเซียงอีกครั้ง “รีบลุกขึ้นเร็วเข้า!”
คราวนี้หยุนเซียงทรุดกายลงนอนกับพื้นอย่างหมดอาลัย ก่อนยกฝ่ามือขึ้นปิดบังใบหน้าตามด้วยเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความหวาดกลัว
เหตุนี้หยุนเชวี่ยยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ “เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้? เกิดเรื่องใดขึ้นไยไม่พูดจาแต่โดยดี? กล่าวคำใดสักหน่อยสิ!”
คำพูดของหยุนเชวี่ยไร้ประโยชน์เพราะหยุนเซียงไม่เพียงแต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้น ซ้ำร้ายยังร้องไห้หนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ เสียงสูดน้ำมูกดังฟืดฟาดเป็นระยะพร้อมหยดน้ำใสซึ่งไหลรินจากดวงตาอย่างไม่หยุดหย่อน
“เจ้าไม่กล้ากลับไปเพราะกลัวอาชิ่วเอ๋อรังแกอีกใช่หรือไม่?” เหอยาโถวคาดเดา “จะว่าไปแล้วนางก็น่าสงสารอยู่หรอก…”
“ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่อาจหลบหนีปัญหาอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ นางไม่ได้ไร้พ่อแม่คอยคุ้มครองเสียหน่อย” หยุนชวี่ยส่ายหน้า
“เอาเถิด หากนางไม่ต้องการกลับไปก็ให้นางอยู่ที่นี่ชั่วคราวไปก่อน เรื่องอาหารการกินมิใช่ปัญหาใหญ่” เหอยาโถวดึงตัวหยุนเชวี่ยออกไปพูดคุยหน้าประตู “เจ้าควรกลับไปที่บ้านก่อนและดูว่าอาสามกับอาหญิงของเจ้าอยู่หรือไม่ หากสถานการณ์คลี่คลายเมื่อใดค่อยมารับนางกลับไป”
ครั้นได้ยินเหอยาโถวแบ่งรับแบ่งสู้เช่นนั้นหยุนเชวี่ยจึงไม่เกรงใจอีกต่อไป “หากว่าไม่เป็นการรบกวนเจ้า ข้าก็ขอฝากนางไว้ด้วย”
เหอเซียงเอ๋อซึ่งเพิ่งไปเก็บพืชผักในเรือกสวนกลับมาถึงบ้านและพบว่าเกิดเรื่องชุลมุนบางอย่างจึงถามไถ่ “มีปัญหาใดหรือ? อย่าห่วงไปเลย… ช่วงเช้าที่ผ่านมานางนิ่งเงียบไม่สร้างปัญหา ครั้นถึงมื้อกลางวันก็เตรียมพร้อมสำหรับการกินโดยไม่ต้องร้องเรียก เห็นทีข้าคงต้องจัดหาถ้วยและตะเกียบไว้สำหรับนางโดยเฉพาะ”
หยุนเชวี่ยหันกลับเข้าไปมองในห้องอีกครั้ง เห็นทีเวลานี้คงไม่มีทางเกลี้ยกล่อมให้หยุนเซียงกลับบ้านไปกับตนโดยง่าย จึงทำเพียงยอมรับคำแนะนำจากทั้งสอง “อืม… เช่นนั้นต้องขอขอบคุณพี่เซียงเอ๋อที่เมตตานาง”
“ขอบคุณอะไรกัน คนกันเองแท้ ๆ เหตุใดวันนี้เจ้าไม่อยู่ร่วมมื้อเที่ยงด้วยกันเสียก่อน วันนี้บ้านของข้าตระเตรียมขาหมูเผาชิ้นโตไว้ ทั้งยังมีเนื้อตุ๋นรสเลิศอีกด้วย” เหอเซียงเอ๋อหยิบยกอาหารมาหลอกล่อก่อนเดินไปยังห้องครัว
“ขาหมูเผาชิ้นโต! ข้าว่าแล้วเชียว ว่าเหตุใดตั้งแต่เดินผ่านเข้าประตูบ้านมาจึงได้กลิ่นหอมตลบไปทั่ว!” ดวงตาของหยุนเชวี่ยเปล่งประกายพลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
แม้สรีระหยุนเชวี่ยผอมเพรียว ทว่าชีวิตนี้นางไม่อาจอยู่ได้หากปราศจากเนื้อสัตว์ ครอบครัวของหยุนเชวี่ยปรนเปรออาหารให้ไม่ได้ขาดถึงสามมื้อ ทำให้ร่างกายเจริญเติบใหญ่ใกล้เป็นสาวเต็มตัว หากไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจอาจส่งผลให้อวบอ้วนโดยไม่รู้ตัว
“แต่ข้าไม่รบกวนพี่เซียงเอ๋อดีกว่า สักครู่ข้าต้องกลับแล้วเจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยตัดสินใจปฏิเสธความหวังดีจากเหอเซียงเอ๋อก่อนเดินออกจากประตูไปและโบกมือลาหลายครั้ง
เหอเซียงเอ๋อเดินออกไปส่งสหายของน้องชายตนด้วยตัวเอง ครั้นร่างหยุนเชวี่ยห่างออกไปเรื่อย ๆ จึงหันไปกระซิบกับเหอยาโถวซึ่งยืนอยู่ด้านข้างพร้อมวาจาที่แฝงนัยบางอย่าง “เหตุใดเจ้าจึงไม่รั้งนางไว้เสียหน่อย?”
“รั้งไว้เพื่ออะไรรึ?”
“เจ้านี่มัน…” เหอเซียงเอ๋อกลอกตาขึ้นฟ้า นางพอมองออกว่าเหอยาโถวชื่นชอบหยุนเชวี่ย ทว่าน้องชายตัวดีกลับไม่คิดริเริ่มที่จะสานสัมพันธ์เอาเสียเลย
“…” เหอยาโถวยังนิ่งอึ้งเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่พี่สาวต้องการสื่อ
“ทำหูทวนลมไปเสียเถิด จริงสิ… ข้ายังต้องเตรียมอาหารไว้สำหรับหยุนเซียงเอ๋อ” เหอเซียงเอ๋อโบกมืออย่างไม่คิดอธิบายต่อ “วันรุ่งขึ้นข้าจะลองเตรียมซุปและขนมหวานไว้ เจ้าอย่าลืมไปเรียกเชวี่ยเอ๋อมากินกับเราด้วยแล้วกัน”
“เหตุใดข้าต้องชวนนางมาบ้านของเราล่ะ? นางเพิ่งมาเยี่ยมและกลับไปเมื่อครู่นี้เอง…”
“โธ่เอ๊ย! เจ้าลาซื่อบื้อ!”
บ้านตระกูลหยุน
ทันทีที่หยุนเชวี่ยกลับมาถึงบ้าน หยุนลี่เต๋อ แม่นางเหลียน และหยุนเยี่ยนก็เพิ่งกลับจากท้องไร่และเตรียมเข้าครัวก่อไฟปรุงอาหาร
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่!” หยุนเชวี่ยร้องเรียกก่อนยืดคอมองขึ้นไปยังห้องชั้นบน
“มัวมองหาผู้ใดอยู่รึ?” หยุนเยี่ยนรีบดึงตัวน้องสาวหลบไปด้านข้าง “ไปล้างหน้าล้างตาดื่มน้ำดับกระหายเสียก่อนเถิด”
แม่เฒ่าจูและหยุนชิ่วเอ๋อเพิ่งอาละวาดจนบ้านแทบแตกสาแหรกขาด แม้แต่เวลานี้ยังมิ อาจคาดเดาอารมณ์พวกนางว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เช่นนั้นควรอยู่ให้ห่างจากหมีซึ่งเพิ่งกินรังแตนจึงเป็นการดีที่สุด
“พี่สาว อาสามและอาสะใภ้สามยังไม่กลับมาอีกรึ?” หยุนเชวี่ยเอ่ยถามด้วยเสียงกระซิบ
ตามจริงแล้วหยุนเชวี่ยไม่ควรถามด้วยซ้ำ หากทั้งสองกลับมาถึงแล้วภายในบ้านคงไม่เงียบสงัดไร้เสียงโหวกเหวกโวยวายเช่นนี้เป็นแน่
หยุนเยี่ยนส่ายหน้า “ข้ายังไม่เห็นพวกเขา เจ้าเหนื่อยหรือไม่? หิวสิ่งใดเป็นพิเศษหรือ?”
“ข้าไม่เป็นไร… วันนี้ท่านเข้าไปที่หมู่บ้านเห็นเอ้อหลางและซานหลางผ่านไปมาบ้างหรือไม่?”
“ข้าไม่เห็นพวกเขาเช่นกัน”
“ครอบครัวนี้ประเสริฐดีแท้!” หยุนเชวี่ยลอบบ่น “พวกเขาล่องหนได้หรืออย่างไรกัน ย่างกรายไปที่ใดก็ไม่มีผู้ใดเห็นแม้แต่เงา”
“นั่นน่ะสิ” หยุนเยี่ยนพับแขนเสื้อขึ้นแล้วจึงสุมกองฟืนเพื่อก่อไฟ “ข้าและท่านแม่ดั้นด้นไปทั่วทั้งหมู่บ้านแล้วก็ไม่เจอแม้แต่เงาของหยุนเซียง ข้าไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เช่นนางจะหลบไปที่ใดได้”
“อ๋อ!” หยุนเชวี่ยตบต้นขาตนเองฉาดใหญ่ “เช้านี้ข้าติดธุระด่วนจึงไม่ได้แจ้งให้ท่านทราบ ข้าเป็นคนพานางไปอาศัยอยู่กับบ้านของเหอยาโถวชั่วคราวก่อน”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” แม่นางเหลียนที่กำลังนั่งหั่นผักได้ยินประโยคสนทนาตอนปลายจึงเอ่ยถาม “พบเซียงเอ๋อแล้วหรือ? นางอยู่ที่ใดกัน?”
“ชู่ว!” หยุนเชวี่ยรีบจุ๊ปากเป็นเชิงปรามให้ลดเสียงลงทันที “ท่านแม่อย่าได้เอ็ดไป… ประเดี๋ยวอาชิ่วเอ๋อได้ยินแล้วบุกไปหาเรื่องนางอีกครั้งจะทำอย่างไร?”
แม่นางเหลียนรีบเม้มริมฝีปากก่อนหันมองไปยังห้องชั้นบนเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ใดได้ยิน
“ข้าออกจากบ้านบ้านแต่เช้า ทว่าเดินไปได้ไม่ไกลนางก็ปรากฏตัวเอาแต่ตามข้าไปตลอดทาง พูดกับนางทว่านางก็ไม่ปริปากคำใดเลย ข้าเกรงว่าหากดึงดันพานางกลับมาอาชิ่วเอ๋ออาจคุ้มดีคุ้มร้ายตีนางอีก จึงฝากนางไว้กับป้าเหอให้ช่วยดูแลสักระยะ”
“นี่ก็เลยเวลามื้อเที่ยงแล้ว ข้าควรเตรียมอาหารไปฝากนางหน่อยดีหรือไม่? อยู่ที่นั่นทั้งตรอมใจคงผ่ายผอมนัก”
“อย่าห่วงนางเลย” หยุนเชวี่ยยักไหล่ “ทันทีที่กลับจากในเมืองข้าก็ตรงดิ่งไปพบนาง ทราบมาว่านางกินอยู่สุขสบายดี ด้วยประการนี้กระมังนางจึงไม่ใคร่กลับมาพร้อมข้า”
“เหตุใดเป็นเช่นนั้นไปได้?” หยุนเยี่ยนไม่วายสงสัย
“หากอยู่ในที่ซึ่งมีข้าวปลาอาหารสมบูรณ์พร้อม ทั้งยังไม่ต้องพบพานสิ่งรบกวนจิตใจ ผู้ใดเล่าจะไม่คว้าโอกาสทองนั้นไว้?” หยุนเชวี่ยพูดกลั้วหัวเราะ “นางรู้ว่าการเสาะหาความสุขให้แก่ชีวิตตนเองอย่างไร ข้าว่านางมิได้สิ้นไร้ไม้ตอกเลย!”
“ต่อให้นางเยาว์วัยเช่นนี้แต่คงรู้ว่าผู้ใดปฏิบัติดีกับตน” แม่นางเหลียนเพียงถอนหายใจ “แต่จะให้อาศัยกับครอบครัวอื่นไปตลอดอาจดูเป็นการรบกวนพวกเขามากไปกระมัง”
“กระนั้นก็ไม่มีหนหางอื่นแล้ว รอให้พ่อและแม่ของนางกลับมาก่อนเถิดค่อยจัดการ”
แม่นางเหลียนและหยุนเยี่ยนช่วยกันหยิบจับงานครัวอย่างขยันแข็งขัน ไม่นานนักอาหารในหม้อก็ส่งกลิ่นหอมชวนรับประทาน
หยุนเชวี่ยถูฝ่ามือเตรียมพร้อมสำหรับจัดเรียงจาน ฉับพลันแม่นางจ้าวกลับเยื้องย่างออกมาจากห้องครัวพลางเผยรอยยิ้มแหยอย่างอิดโรยก่อนตะโกนเรียกเสียงแหบพร่า “น้องสะใภ้รอง… เตาไฟในครัวข้าอาจมีปัญหา ข้าก่อไฟไม่ติดแม้แต่ครั้งเดียว เจ้าช่วยมาดูให้ทีได้หรือไม่?”
“แต่ครอบครัวของข้ากำลังจะเริ่มทานมื้อกลางวันนะเจ้าคะท่านป้า!” หยุนเชวี่ยตะโกนกลับทันทีด้วยอารมณ์หงุดหงิด
ทว่าแม่นางจ้าวกลับชูคอหน้าระรื่นแสร้งทำหูทวนลมไม่ใส่ใจว่าหยุนเชวี่ยจะพูดอย่างไร
ความเงียบของแม่นางจ้าวทำให้แม่นางเหลียนไม่อาจปฏิเสธโดยตรง นางจึงวางมือจากทุกสิ่งก่อนใช้ผ้าซับมือให้แห้งและลุกไปพบตามเสียงเรียก “พวกเจ้ากินกันไปก่อนเถิด แม่จะไปดูเตาไฟให้นางเพียงครู่”