ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน - ตอนที่ 167 แม่นางเหลียนเกรี้ยวกราด
ตอนที่ 167 แม่นางเหลียนเกรี้ยวกราด
แม่นางเหลียนเชื่อมาโดยตลอดว่าลูกคือสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของพ่อและแม่ ต่อให้ยากเข็ญแสนสาหัสอย่างไรใจผู้เป็นแม่ย่อมอาทรห่วงหาลูกว่าจะตกทุกข์ได้ยากอย่างไรหรือไม่
แต่ดูเหมือนแม่นางเฉินจะไม่รู้สึกรู้สาถึงสารทุกข์สุกดิบของลูกในอุทรด้วยซ้ำ
เอ้อหลาง ซานหลาง และเซียงเอ๋อเตลิดออกจากบ้านไปคนละทิศทางเพราะขาดพ่อแม่ซึ่งเป็นเสาหลักที่คอยให้ความคุ้มครองชีวิต ทว่าแม่นางเฉินกลับไม่คิดถามถึงพวกเขาราวตนเป็นสาวโสดไร้ซึ่งพันธะใด
ด้วยหัวอกแห่งความเป็นแม่คน แม่นางเหลียนจึงเกิดโทสะยากจะระงับและคิดว่าตนควรสั่งสอนจิตสำนึกแก่อีกฝ่ายเสียบ้าง นางจะปล่อยให้ลูก ๆ ตกระกำลำบากโดยที่ตนลอยตัวอยู่เหนือปัญหาทั้งมวลได้อย่างไร?!
“เจ้าและเจ้าสามหลบหนีออกจากบ้านทิ้งให้เด็ก ๆ ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ต้องคอยรับมือกับความขัดแย้งของผู้ใหญ่ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนก่อ เซียงเอ๋อไร้ที่พึ่งทางใจถึงขนาดต้องไปขอพึ่งใบบุญบ้านตระกูลเหอเพื่อลี้ภัยชั่วคราวยังไม่กล้าหวนกลับมาจนบัดนี้ จิตใจของนางย่ำแย่เสียจนไม่ปริปากเอ่ยคำใด เป็นเช่นนี้แล้วเจ้ายังมีแก่ใจห่วงปากท้องของตนเองมากกว่าลูกอีกรึ?!” ไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งของแม่นางเหลียนเพิ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ทว่าแรงกระชากเพียงครั้งเดียวก็ทำให้แม่นางเฉินผู้หิวโหยเกือบตกเก้าอี้
“พี่สะใภ้รอง! ท่านเป็นอะไรไปน่ะ!” แม่นางเฉินสับสน
ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่แม่นางเฉินแต่งเข้าตระกูลหยุน แม่นางเหลียนมีนิสัยอ่อนโยนและไร้ปากเสียงใด ๆ มาโดยตลอด นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ตนเห็นแม่นางเหลียนโกรธจัดถึงเพียงนี้
ไม่เพียงแม่นางเฉิน ทว่าหยุนลี่เต๋อผู้เป็นสามีและบรรดาลูก ๆ ทั้งสามต่างก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน
“ถ้าเจ้าไม่รีบไปปลอบขวัญเซียงเอ๋อที่บ้านตระกูลเหอก็อย่าหวังว่าข้าวสักเม็ดจะตกถึงกระเพาะเลย! ลุกขึ้นได้แล้ว! ลุกขึ้นสิ! เร็วเข้า!” แม่นางเหลียนฉุดกระชากลากถูแม่นางเฉินหมายให้ตามออกไปทางประตู
“พี่สะใภ้รอง! พี่สะใภ้รอง! ลดเสียงลงหน่อย! จะให้ผู้ใดในบ้านใหญ่เห็นข้าตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”
“เจ้าจะกลัวสิ่งใดอีก? ลูกทั้งคนยังไม่คิดเป็นห่วง จะซ่อนตัวในบ้านของข้าต่อไปงั้นรึ?! ออกไปเดี๋ยวนี้!”
“ปู๊ด…” ความกลัวทำให้แม่นางเฉินผายลมออกเสียงดังลั่น
“ตุบ!” แม่นางเฉินรู้ว่าตนทำกิริยาโสมมน่าอับอายจึงทรุดตัวลงกองกับพื้นพลางยิ้มเจื่อนกลบเกลื่อนการกระทำ
แม่นางเหลียนเปิดประตูออกกว้างและชี้ให้นางออกไปจากห้องนี้เสีย
ประตูที่เปิดกว้างจนเห็นว่ามีบุคคลใดบ้างยืนอยู่ทำให้สีหน้าแม่นางเฉินแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันทีด้วยความหวาดกลัว นางไม่สนใจความหิวโหยที่เกิดขึ้นจนท้องไส้เจ็บปวดและวิ่งแจ้นออกจากประตูไปอย่างไม่คิดชีวิต
ขณะสองฝีเท้าวิ่งไปถึงลานกว้างหน้าบ้าน ทว่ายังไม่ทันพ้นเขตรั้ว หยุนชิ่วเอ๋อที่สะดุ้งตื่นเพราะเสียงอึกทึกจึงชะเง้อมอง ครั้นเห็นว่าเป็นผู้ใดจึงตวาดเสียงแหลม “นังสะใภ้ชั่วชาติ! หากกล้าที่จะกลับมาก็อย่าวิ่งหนี! ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”
ถึงกระนั้นสองเท้าเล็ก ๆ ของหยุนชิ่วเอ๋อก็ไม่สามารถไล่ตามแม่นางเฉินที่เผ่นหัวซุกหัวซุนทัน วิ่งไล่กันไปพักใหญ่สะใภ้สามแห่งบ้านตระกูลหยุนจึงหายลับไปจากสายตา
หยุนชิ่วเอ๋อเดินกระแทกส้นกลับเข้าบ้านพร้อมดึงประตูรั้วปิดเสียงดังลั่น นางตั้งปณิธานไว้อย่างแน่วแน่ว่าครั้งต่อไปจะไม่ปล่อยให้แม่นางเฉินหลุดรอดออกไปเช่นนี้ได้อีก
ห้องปีกตะวันตก
ใบหน้าแม่นางเหลียนขึ้นสีแดงระเรื่อ มือทั้งสองข้างเท้าไว้ที่บั้นเอว กะบังลมกระเพื่อมสูงต่ำสลับกันเพราะแรงหอบหายใจ ไม่รู้เป็นเพราะความโกรธหรือออกแรงมากกว่าปกติจนเหนื่อยล้ากันแน่
หยุนเชวี่ยเพิ่งได้สติเพราะยังประหลาดใจจากเหตุการณ์ครู่นี้ไม่คลาย “ท่านแม่ ความโกรธทำให้ท่านมีพลังล้นเหลือถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่?”
“ที่แม่เป็นเช่นนี้ก็เพราะสะใภ้สามนั่นแหละ!” แม่นางเหลียนหมดแรงทรุดกายลงนั่งตรงขอบเตียงทันทีก่อนพ่นลมหายใจออกโดนแรง “สงสารก็แต่เด็กตาดำ ๆ ควรแล้วหรือที่เซียงเอ๋อมีแม่เช่นนี้? ในอนาคตนางจะเติบโตขึ้นอย่างไรหากขาดความอบอุ่นจากพวกเขา”
“ท่านแม่ใจเย็นลงก่อนเถิดเจ้าค่ะ” หยุนเยี่ยนกระวีกระวาดยกถ้วยน้ำชาให้แม่นางเหลียนดื่มดับกระหาย
แม่นางเหลียนยกขึ้นจิบเพียงนิดและวางลงตามเดิม นางมิได้รู้สึกโล่งใจขึ้นแต่อย่างใด เปลือกตากะพริบถี่ส่วนภายในดวงตาร้อนผ่าวและแดงก่ำ “ครู่นี้แม่ไปที่บ้านตระกูลเหอ เซียงเอ๋อสภาพจิตใจย่ำแย่ลงมาก รอบกายนางมีแต่จานชามวางเกลื่อน แม้พูดคุยด้วยอย่างไรก็ไม่ยอมปริปาก ทั้งยังไม่ยอมกลับบ้านมาพร้อมกันด้วย น่าเวทนานัก… เป็นเพียงเด็กหญิงยังไม่โตเป็นสาวกลับต้องพบเจอเรื่องเลวร้ายถึงขั้นฝังใจ”
ยิ่งนางเหลียนนึกถึงเพียงใดยิ่งรู้สึกเป็นทุกข์มากเท่านั้น ภาพหยุนเซียงที่หวาดระแวงทุกผู้คนในชีวิตผุดขึ้นในห้วงมโนสำนึกทำให้นางรู้สึกโกรธจนหายใจไม่ทั่วท้องอีกครั้ง
“ท่านแม่ระงับโทสะเถิด เป็นเช่นนี้แล้วเดี๋ยวท่านพ่อจะพาลใจเสียเอาได้นะเจ้าคะ” หยุนเชวี่ยรีบเขยิบมานั่งใกล้ ๆ และใช้มือลูบหลังแม่นางเหลียนหวังช่วยบรรเทา
หยุนลี่เต๋อเกาศีรษะด้วยท่าทางขลาดเขลา เขาแต่งงานกับแม่นางเหลียนมาเกือบยี่สิบปี จนมีโซ่ทองคล้องใจทั้งหมดสามคน ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เห็นภรรยาผู้น่ารักอ่อนโยนโกรธเป็นฟืนไฟ อย่าเรียกว่าหวาดกลัวเลย… เรียกว่าไม่คาดคิดมาก่อนคงเข้าเค้ากว่า
“เหตุใดจึงมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้นเล่า?” แม่นางเหลียนสบตาสามี
หยุนลี่เต๋อส่งรอยยิ้มตอบกลับ “ปะ… เปล่าหรอก ไม่มีอะไร เจ้าตัดสินใจในเรื่องที่ถูกต้อง ถือว่าสมควรแล้ว”
ช่วงบ่าย
หยุนเชวี่ยงีบหลับอีกครั้งหลังเรื่องราวคลี่คลายลง ครั้นตื่นขึ้นจึงติดตามครอบครัวไปยังท้องทุ่งกว้าง เมื่อเดินเลาะเลียบแนวสันเขาจึงเผอิญสวนทางกับพ่อของเหอยาโถว… เหอเหล่าซาน
“พี่หยุน…” เหอเหล่าซานเดินตามหยุนลี่เต๋อสองสามก้าวพลางตะโกนเรียกหยุนลี่เต๋อเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนมีเรื่องบางอย่างต้องการบอกกล่าว
“พี่เหอนั่นเอง มีเรื่องอันใดรึ?”
“อ้อ… ปะ… เปล่าหรอก” เขายิ้มแหยด้วยไม่รู้ว่าควรพูดตามตรงดีหรือไม่ “พอดีว่าสะใภ้สามของตระกูลเจ้า เอ่อ…”
ทันทีที่ได้ยินชื่อแม่นางเฉินพวกเขาจึงรู้โดยไม่ต้องคาดเดาว่าเกิดปัญหาใดขึ้น
เหอเหล่าซานนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อไป “นางมาที่บ้านของข้าตั้งแต่ช่วงเที่ยง เอาแต่กินและดื่มอย่างสำราญไม่มีทีท่าว่าจะอิ่มหนำ ข้าจะเชิญนางออกไปก็นึกเกรงใจ บ้านของเจ้าเกิดความขัดแย้งภายในขึ้นอีกแล้วหรือ?”
หยุนลี่เต๋อ…
แม่นางเหลียน…
หยุนเชวี่ย…
“ความจริงแล้วตัวข้าไม่ใช่คนใจแคบ ทว่าลูกสาวคนรองก็ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที ทั้งยังต้องเตรียมจัดหาสินสอดทองหมั้นไว้สำหรับลูกสาวคนที่สาม ธุระของข้าที่บ้านจึงค่อนข้างยุ่งทีเดียว…” เหอเหล่าซานถูฝ่ามือ
หยุนเชวี่ยพอมองออกแล้วว่าชายผู้นี้จนปัญญาเพียงใด
แม่นางเฉินมีชื่อเสียงในทางลบที่ทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้กันดี นางหน้าหนาไม่สนผู้ใด ทั้งยังเกียจคร้านและตะกละตะกลามเป็นที่น่ารังเกียจ หากสบโอกาสไปเยี่ยมเยียนเป็นแขกของใคร ยากที่เจ้าของบ้านจะขับไล่ไสส่งโดยที่ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง แม่นางเฉินจะอยู่ที่นั่นจนกว่าตนจะพอใจและออกจากบ้านของผู้อื่นไปเองและยิ้มแย้มราวไม่รู้ตัวว่าตนเสียมารยาท ที่สำคัญคือแม่นางเฉินไม่เคยคิดไว้หน้าตระกูลหยุนบ้างว่าจะถูกผู้คนในหมู่บ้านตราหน้าตำหนิอย่างไร
เมื่ออีกฝ่ายถามไถ่ไปถึงตระกูลเท่ากับตบหน้าของตนกลาย ๆ หยุนลี่เต๋อจึงนิ่งอึ้งทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ
แม่นางเหลียนรีบเป็นฝ่ายกล่าวคำขอโทษ “ข้าต้องขอโทษแทนนางสำหรับเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้ด้วยที่นางก่อปัญหารบกวนพวกท่าน ข้าจะไปตามตัวนางกลับเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่กล่าวจบแม่นางเหลียนจึงดึงแขนหยุนลี่เต๋อให้เดินไปอีกทาง
หยุนลี่เต๋อรับหน้าแทนแม่นางจ้าวนับว่าเสียหน้ามากพอแล้ว ยิ่งมีเรื่องใหม่ของแม่นางเฉินประดังเข้ามาทั้งตนและภรรยาจึงรู้สึกอับอายขายหน้าแทนวงศ์ตระกูลไม่น้อย
ทุกคนจึงเปลี่ยนแผนการเดินทางและเดินตามเหอเหล่าซานกลับไปที่บ้านตระกูลเหอโดนทันที และพบว่าแม่นางเฉินกำลังนั่งเหม่อลอยล้วงมือเการักแร้ทำราวกับเป็นบ้านของตนเอง นางเฉินหันไปถามเหอเซียงเอ๋อ “เซียงเอ๋อ ขนมฝูหรงชิ้นนี้รสชาติดีนัก ยังมีอีกหรือไม่?”
เหอเซียงเอ๋อส่ายหน้า “มีเท่าที่เห็นนั่นแหละ…”
“ข้ารู้ว่าน้องชายของเจ้าติดตามเชวี่ยเอ๋อหลานข้าไปค้าขายในเมืองและหาเงินได้มากมายทีเดียว อย่าคิดว่าข้าไม่รู้… เหอยาโถวน่ะรึจะซื้อมาเพียงชิ้นเดียว จะหมดได้อย่างไร?”
“บอกว่าหมดก็คือหมดอย่างไรเล่า?!” เหอเซียงเอ๋อกุมขมับด้วยความระอา “ไม่ว่าขนมฝูหรง ขนมถั่วม้วน ขนมโก๋ถั่ว ทุกอย่างหมดเกลี้ยงแล้ว…”
แม้แจกแจงเป็นประการไปทว่าแม่นางเฉินก็ยังไม่เชื่อและรังแต่จะคาดคั้นอย่างไร้ความเกรงใจ “ข้าได้ยินมาว่าพี่สาวคนรองของเจ้ากำลังตั้งครรภ์ เช่นนั้นบ้านของพวกเจ้าคงมีอาหารการกินรสเลิศสำหรับปรนเปรอบำรุงนางมิได้ขาด ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีอย่างอื่นเหลืออยู่!”
เหอเซียงเอ๋อ…
“สะใภ้สาม! นี่เจ้าชักจะหน้าทนเกินไปแล้วนะ!” แม่นางเหลียนเป็นผู้ผลักประตูเข้าไปในห้องโถงเป็นคนแรก ทันทีที่ได้ยินว่าแม่นางเฉินกำลังร้องขออาหารจากผู้อื่นอย่างไร้ยางอายจึงไม่รอช้าที่จะติเตียน
“พี่สะใภ้รองหยุน… เชวี่ยเอ๋อ!” เหอเซียงเอ๋อนึกโล่งใจทันทีที่เห็นพวกเขา
“พี่เซียงเอ๋อ เหตุใดท่านจึงรับมือกับนางเพียงผู้เดียว เหอยาโถวเล่า?” หยุนเชวี่ยถามพร้อมตรงเข้าไปจับมือเหอเซียงเอ๋อ
“เขาไปเยี่ยมเยียนพี่รองกับท่านแม่นะ” เหอเซียงเอ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย บนใบหน้าปรากฏความอิดโรยเต็มทน “ข้าเองก็อยากไปกับพวกเขา แต่นาง…”
แม่นางเฉินนั่งเอกเขนกเอนกายพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ แม้เห็นคนในครอบครัวหน้านิ่วคิ้วขมวดยังไม่รู้สึกแม้แต่น้อยว่าตนก่อเรื่องอย่างไรไว้บ้าง “พี่สะใภ้รอง ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด?”
เหอเซียงเอ๋อเดินเลี่ยงออกไปทันทีด้วยไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวเรื่องความขัดแย้งของอีกครอบครัวหนึ่ง
ดวงตาแม่นางเหลียนถมึงทึงและแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด นางเหลือบมองโดยรอบพบว่าบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยจานเปล่าซึ่งเหลือเพียงเศษอาหารสี่ถึงห้าใบ ทั้งยังมีกาน้ำชาและถ้วยชาเปล่าวางเรี่ยราดไร้ระเบียบ
“หยุดถามหาอาหารได้แล้ว! กลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้!”
“กลับไปที่ใดกัน?” แม่นางเฉินแสร้งสีหน้าซื่อทำเป็นสับสน
“กลับบ้านตระกูลหยุนอย่างไรล่ะ! เจ้ายังมีทางอื่นให้ไปอีกรึ?”
“ข้าจะอยู่ที่นั่นก็ต่อเมื่อหยุนลี่เซียวอยู่! หากไอ้ผัวตัวดีไม่ยอมกลับเข้าบ้านตัวข้าก็ไม่ยอมกลับไปเด็ดขาด! กลับไปก็รังแต่จะถูกทุบตีจนเจียนตาย พวกมันจ้องจะเล่นงานข้าหนักหนาสาหัสเพียงใดเจ้าไม่นึกเห็นใจข้าบ้างเลยรึ?!”