ทะลุมิติไปเป็นหญิงพาลผู้งามเลิศประจำหมู่บ้าน - บทที่ 10 จดจำได้ทั้งหมด
บทที่ 10 จดจำได้ทั้งหมด
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนี้จึงเอื้อมมือไปจับหลี่ต้าเฉิงเอาไว้ “ต้าเฉิง เยว่หานเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้า เจ้าไม่สามารถลำเอียงเช่นนี้ได้!”
หลี่เยว่หานหดตัวหลบอยู่หลังอาโจวในช่วงเวลาที่เหมาะสม ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยรูปลักษณ์ราวดอกสาลี่ต้องสายฝน
“ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านพ่อบอกกับข้าว่าจะหาการแต่งงานที่ไม่แย่ไปกว่าตระกูลหลิ่วให้ข้า! แต่ข้าไม่เชื่อท่านพ่อ เพราะตอนที่ข้าเล่าให้ท่านพ่อฟังว่าท่านแม่ตีข้าทั้งยังไม่ยอมให้ข้ากินข้าว ท่านพ่อก็ไม่เคยเชื่อข้า!”
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหลี่เยว่หานจะเปิดเผยเรื่องราวไม่เป็นธรรมที่หวังเฟิ่งทำกับนางขึ้นมาในเวลานี้
แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่ความลับอะไรในหมู่บ้าน ถึงแม้หลี่เยว่หานจะเป็นเด็กที่เติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านแห่งนี้ แต่เมื่อนางเลือกจะเงียบ ทุกคนก็ไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยว อย่างมากสุดก็ทำได้เพียงแค่มาปลอบนางหลังจากถูกรังแก
แต่ตอนนี้เมื่อหลี่เยว่หานนำเรื่องนี้ออกมาเปิดเผย ผู้คนในหมู่บ้านเฮยถู่ก็ไม่คิดจะยอมโดยง่าย!
ดังนั้นหวังเฟิ่งจึงรีบร้อนตะโกนออกมาเสียงดัง “หานเยว่! เจ้าอย่ามาใส่ร้ายป้ายสี! ข้าเคยตีเจ้าหรือไม่ให้ข้าวเจ้าเมื่อใดกัน!”
แต่ทว่าหลี่เยว่หานไม่ได้สนใจหวังเฟิ่ง ในเวลานี้น้ำตาย่อมสามารถกระตุ้นความเห็นใจของผู้อื่นได้!
หลี่ต้าเฉิงเห็นว่าหลี่เยว่หานทำเรื่องราวให้ใหญ่โตก็รู้สึกขายหน้าขึ้นมา เขารีบหันไปตะโกนใส่หวังเฟิ่ง “บอกข้ามาเสียดี ๆ! ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไรกันแน่!”
“ท่านต้องเชื่อใจข้านะ ข้าถือว่าเยว่หานเป็นลูกสาวของข้าเองมาโดยตลอด จะไปตีนางหรือไม่ให้นางกินข้าวได้อย่างไร!”
ได้ฟังเช่นนั้นแล้ว หลี่ต้าเฉิงก็ทำท่าจะกล่าวอะไรออกมา แต่หลี่เยว่หานชิงเปิดปากพูดขึ้นมาเสียก่อน “แม้แต่เสื้อผ้าที่ข้าส่วมใส่ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ส่งต่อมาจากน้องสาวหรงหรง ตัวข้าเองมีเสื้อผ้าอยู่เพียงสองตัวเท่านั้น…”
แม้ชีวิตของทุกคนในหมู่บ้านชนบทจะอยู่อย่างสมถะขัดสนไปบ้าง แต่ก็ไม่มีลูกสาวบ้านใดที่มีเสื้อผ้าเพียงสองชุด…
ทว่าหวังเฟิ่งเป็นคนตระหนี่อย่างมาก ทุกครั้งที่เปลี่ยนฤดูกาลจะเลือกเสื้อผ้าสองชุดที่หลี่หรงหรงไม่ต้องการมามอบให้กับหลี่เยว่หาน ก่อนจะเอาเสื้อผ้าเก่าของหลี่เยว่หานมาทำเป็นผ้าขี้ริ้วไม่ก็เอาไปตัดเย็บซ่อมชุดของหลี่ต้าเฉิง ส่วนหลี่หรงหรงนั้นมีเสื้อผ้าอยู่เต็มกล่องใหญ่สองกล่อง!
“เจ้าพูดอะไรไร้สาระอีกแล้ว!” หวังเฟิ่งรีบเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าซีดขาว “เป็นเด็กเป็นเล็กแต่กล้าเอ่ยวาจาปลุกปั่น! แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงแม่เลี้ยงของเจ้า แต่ข้าก็รักเอ็นดูเจ้าที่เสียแม่ไปตั้งแต่ยังเล็ก ภายในใจถือว่าเจ้าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของข้าเสมอมา!”
“ถ้าท่านเห็นว่าข้าเป็นลูกสาวแท้ ๆ เหตุใดเมื่อคืนจึงยังให้ข้าออกไปหาปลามาทำซุปให้ท่าน!” หลี่เยว่หานขยี้ตาขณะร้องไห้
หญิงสาวกำลังรอให้หวังเฟิ่งกล่าวออกมาว่ารักเอ็นดูเจ้าของร่างดั่งลูกสาวแท้ ๆ ออกมา เรื่องที่เจ้าของร่างถูกโยนลงน้ำไปเมื่อคืน หลี่เยว่หานไม่คิดจะปล่อยผ่านไปโดยง่าย
“ใครให้เจ้าไปจับปลาเมื่อคืน!” หวังเฟิ่งโกรธจนเลอะเลือน “ไอ้เด็กไม่รักดี ไร้ประโยชน์ไม่พอยังมาใส่ความข้า!”
“ดีมากหวังเฟิ่ง!” สุดท้ายอาโจวก็ทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป “เมื่อเช้าเจ้าเป็นคนยอมรับเองกับปากว่าบอกให้เยว่หานไปหาปลา เหตุใดตอนนี้จึงกลับคำเสียแล้ว! ให้ข้าพูดแทนหัวหน้าหมู่บ้านเถอะ เยว่หานช่างน่าเวทนานัก กระทั่งหลี่ต้าเฉิงก็ยังลำเอียง ทางที่ดีควรแจ้งเรื่องนี้ให้ตระกูลหลิ่วรู้ จะได้รีบแต่งเยว่หานเข้าไป!”
“อืม สิ่งที่เจ้าพูดมีเหตุผล” หัวหน้าหมู่บ้านเองก็ทนฟังต่อไม่ไหว พยักหน้าเห็นด้วยทันที ก่อนจะมองไปทางหลิ่วจื้อหย่วน “พรุ่งนี้ข้าจะพาเยว่หานกับพวกเจ้าไปเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสหลิ่วด้วยตัวเอง เรื่องราวระหว่างเจ้ากับหลี่หรงหรง พรุ่งนี้ข้าจะเป็นผู้บอกเล่าทุกอย่างให้ปู่ของเจ้าฟังด้วยตัวเอง”
ไม่ใช่เพียงแค่หลิ่วจื้อหย่วนที่นิ่งค้าง
กระทั่งหลี่เยว่หานเองก็นิ่งค้างด้วย…
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดการณ์เอาไว้…
หลังจากหัวหน้าหมู่บ้านชราพูดจบ เขาก็เดินหันหลังจากไป
เมื่อเดินไปถึงประตู เขาก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน ร่างชราเล็ก ๆ ของเขาไวกว่าที่ใครจะคาดคิด ชายชราเดินหันกลับมาไปอยู่ด้านหน้าหลี่ต้าเฉิงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตบใบหน้าพ่อเจ้าของร่างเดิมเสียงดังลั่น “น่าอับอายขายหน้านัก!”
หลังจากนั้นเขาก็หันไปถ่มน้ำลายใส่ในทิศทางที่หลี่หรงหรงอยู่อย่างไม่ลังเล
หลังจากเสร็จสิ้นการกระทำอันแสนหยาบกระด้าง เขาก็หันหลังเดินกลับมาหาหลี่เยว่หาน ก่อนจะคว้ามือนางเอาไว้ “ไปกันเถอะ! คืนนี้ไปพักที่บ้านข้าเสีย พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะไปตระกูลหลิ่ว ให้พวกเขาได้ตัดสินใจ!”
หัวหน้าหมู่บ้านและอาโจวไม่เปิดโอกาสให้หลี่เยว่หานได้ทักท้วง พากันจูงแขนคนละข้างของหลี่เยว่หานออกจากบ้านตระกูลหลี่…
เช้าวันต่อมา หลี่เยว่หานถูกลูกสะใภ้ของหัวหน้าหมู่บ้านปลุกขึ้นมาจากเตียงตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันจะสาง หลังจากกินโจ๊กหมดชามก็ถูกส่งขึ้นไปบนเกวียนเทียมวัว
ระหว่างทาง หัวหน้าหมู่บ้านนั่งอยู่ในเกวียนด้วยใบหน้าที่ยังคงกรุ่นโกรธ ทว่าหลี่เยว่หานนั้นง่วงจนสัปหงก
กว่าเกวียนจะหยุดอยู่หน้าประตูบ้านตระกูลหลิ่วก็ใช้เวลาพอสมควร หลี่เยว่หานได้งีบหลับไปพักใหญ่
“โอ้ มาจริง ๆ ด้วย!” เมื่อยามเฝ้าประตูเห็นหลี่เยว่หาน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้นมา
ยังไม่ทันที่หลี่เยว่หานจะได้ทำความเข้าใจความหมายในคำพูดของเขา ยามเฝ้าประตูก็ได้ให้คนมานำทางหัวหน้าหมู่บ้านและหลี่เยว่หานไปยังห้องโถงใหญ่
ตระกูลหลิ่วถือเป็นตระกูลใหญ่ในอำเภอหย่งหนิง จำเป็นต้องใช้เวลาพักหนึ่งในการเดินจากประตูหน้าไปยังห้องโถงใหญ่
ระหว่างทางหัวหน้าหมู่บ้านมีสีหน้าบึงตึง ไม่กล่าววาจาใด ชายชราอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด
หลี่เยว่หานเองก็ไม่กล้าพูด บรรยากาศกดดันเกินไปจนเธอกลัว
เมื่อมาถึงห้องโถงใหญ่หลี่เยว่หานก็พบว่าด้านในมีคนนั่งอยู่จำนวนไม่น้อย ราวกับกำลังรอเธออยู่ สิ่งนี้ทำให้หลี่เยว่หานรู้สึกประหลาดใจ
เป็นไปได้หรือไม่…ว่าเมื่อคืนหลิ่วจื้อหย่วนจะไม่ได้นอนค้างอยู่กับหลี่หรงหรง แต่กลับมาล่วงหน้าเพื่อชิงฟ้องร้องก่อน?
“อาจารย์จ้าวมาแล้ว! เชิญนั่งเถิด!” ท่านปู่หลิ่วเคยได้รับการอบรมสั่งสอนจากหัวหน้าหมู่บ้านมาก่อน ดังนั้นจึงเหมาะสมที่จะเรียกขานว่าอาจารย์
หลังจากหัวหน้าหมู่บ้านนั่งลงตามคำเชื้อเชิญ หลี่เยว่หานที่เตรียมจะไปยืนอยู่ด้านหลังหัวหน้าหมู่บ้าน กลับถูกคุณปู่หลิ่วจ้องเขม็งก่อนจะโพล่งพูดออกมาเสียงดัง “สาวน้อยจากตระกูลหลิ่ว นี่คือการแสดงท่าทางขอโทษของเจ้าหรือ!”
“ขอโทษอันใด?” หลี่เยว่หานแสดงสีหน้างุนงง
“เหตุใดเยว่หานจึงต้องขอโทษด้วย?” หัวหน้าหมู่บ้านลุกขึ้นทันที “วันนี้ข้าพาเด็กคนนี้มาก็เพื่อร้องความเป็นธรรม! หลิ่วจื้อหย่วนของตระกูลเจ้ามีสัญญาณหมั้นหมายกับหลี่เยว่หาน แต่กลับไปมีความสัมพันธ์กับน้องสาวของนาง นี่มันหมายความว่าอย่างไร!”
คุณปู่หลิ่วต้องการจะชิงลงมือก่อน แต่ไม่คาดว่าจะถูกหัวหน้าหมู่บ้านขัดเสียก่อน จึงไม่รู้จะตอบสนองอย่างไรไปครู่หนึ่ง
ลูกชายคนโตของเขาที่ตอนนี้เป็นผู้นำตระกูลหลิ่ว และยังเป็นบิดาของหลิ่วจื้อหย่วนรีบออกหน้าสนับสนุนคุณปู่หลิ่ว “ผู้อาวุโสจ้าว เกรงว่าท่านจะเข้าใจเรื่องบางอย่างผิด จื้อหย่วนของตระกูลเรากำลังรอให้เยว่หานอายุสิบหกแล้วจึงค่อยแต่งงาน จะไปมีความสัมพันธ์อะไรกับน้องสาวต่างมารดาของนางได้อย่างไร!”
“ใช่แล้วผู้อาวุโสจ้าว ท่านไม่สามารถเข้าข้างหลี่เยว่หานเพียงเพราะนางเป็นคนของหมู่บ้านเฮยถู่ได้!” สตรีงามในชุดฮั่นฝูเอ่ยขึ้นมา “พวกเราล้วนได้ยินว่า ลูกสาวตระกูลหลี่เป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว ก่อนหน้านี้กลางค่ำกลางคืนก็เที่ยวเตร่ไม่กลับบ้าน ไม่รู้ว่าทำสิ่งใดลงไปบ้าง!”
“ยอดเยี่ยม ไอ้เด็กหลิ่วจื้อหย่วนนั่นถึงกับเรียนรู้เรื่องชั่ว ๆ อย่างการชิงฟ้องเรื่องเท็จก่อน!” หัวหน้าหมู่บ้านโกรธจนเคราสั่น
หัวหน้าหมู่บ้านเป็นปัญญาชน แม้จะโกรธอย่างมากสุดก็ได้แค่ถ่มน้ำลายออกมา
วันนี้เดิมทีควรจะมาพูดจากันอย่างมีเหตุผล คาดไม่ถึงว่าคนตระกูลหลิ่วจะไม่ได้ตั้งใจใช้เหตุผลแม้แต่น้อย
หลี่เยว่หานเดิมที่ต้องการแสร้งทำเป็นขลาดกลัว แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เธอก็คงไม่สามารถทำตัวเช่นเดิมได้อีกต่อไป
“คนทั่วทั้งหมู่บ้านต่างรู้ว่าก่อนหน้านี้ที่ข้าไม่กลับบ้านตอนกลางคืนก็เพราะแม่เลี้ยงส่งข้าออกไปจับปลากลางดึก อีกทั้งหลี่หรงหรงและหลิ่วจื้อหย่วนมีความสัมพันธ์กันเป็นเรื่องที่แน่นอน ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านพาข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะถอนหมั้น ไม่ได้มาเพื่อฟังคำกล่าวหาของพวกท่าน!”
เธอยืนอยู่ด้านข้างหัวหน้าหมู่บ้าน ใบหน้าของหญิงสาวเชิดขึ้น หลังเหยียดตรง
“และก็ผู้อาวุโสหลิ่ว เมื่อวานหลิ่วจื้อหย่วนหลานชายที่แสนดีของท่านกล่าวเอาไว้ว่าจะให้ข้าห้าสิบตำลึงเงินเพื่อถอนหมั้น แม่ของข้าต้องลำบากเพียงใดในการช่วยชีวิตของท่านในตอนนั้น ไม่คาดคิดว่าชีวิตของท่านจะมีค่าแค่ห้าสิบตำลึงเงินในสายตาของหลานชาย ข้าไม่รู้ว่าท่านคิดเช่นไร แต่ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้น่าตลกไม่น้อย”
“วันนี้ ข้าหลี่เยว่หานขอถอนตัวออกจากการแต่งงานกับตระกูลหลิ่วแห่งอำเภอหย่งหนิง หลังจากนี้ตระกูลหลิ่วไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของข้าในอนาคตอีก! จำกันไว้เสีย!”
หลังจากกล่าวจบหลี่เยว่หานก็ไม่สนใจว่าตระกูลหลิ่วจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร เธอแสดงมามากพอแล้ว
หญิงสาวดึงแขนของหัวหน้าหมู่บ้านที่ยังคงไม่สติกลับมา พาชายชราเดินออกไปจากประตูใหญ่
กว่าที่ปู่หลิ่วจะฟื้นสติคืนมา พวกเธอก็นั่งเกวียนเทียมวัวมุ่งหน้ากลับไปยังหมู่บ้านเฮยถู่แล้ว
“เยว่หาน…” หัวหน้าหมู่บ้านต้องการจะปลอบใจหลี่เยว่หาน ทว่าเขากลับไม่คาดคิดเลยว่าหลี่เยว่หานจะกินส้มที่เก็บได้อย่างมีความสุขทันทีที่ออกจากบ้านตระกูลหลิ่ว นางดูไม่เศร้าแม้แต่น้อย
“ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านไม่ต้องกังวลไป ตระกูลหลิ่วไม่ใช่ตระกูลที่ดีในการแต่งงานเกี่ยวดอง ข้าอยากจะถอนหมั้นมานานแล้ว หากหลี่หรงหรงต้องการจะเป็นลูกสะใภ้ ก็ปล่อยนางไปเถิด” หลี่เยว่หานเอ่ยปลอบใจหัวหน้าหมู่บ้าน
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว หัวหน้าหมู่บ้านก็ยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก
เด็กคนนี้อายุยังน้อยก็มีนิสัยเช่นนี้แล้ว ค่อนข้างจะเหมือนมารดาของนางอยู่ไม่น้อย!
เมื่อนึกถึงมารดาของหลี่เยว่หาน ภายในใจหัวหน้าหมู่บ้านก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา…
ยามเที่ยงวันเกวียนก็กลับมาถึงหมู่บ้านเฮยถู่
หลี่เยว่หานส่งหัวหน้าหมู่บ้านกลับบ้าน หลังจากนั้นจึงเดินทอดน่องกลับไปยังบ้านตระกูลหลี่
หญิงสาวเห็นหลี่หรงหรงอยู่ตรงประตูบ้านมองสอดส่องไปรอบ ๆ เมื่อเห็นเธอเดินเข้าไป ก็รีบมุดหัวกลับเข้าไปทันที
หลี่เยว่หานเลิกคิ้วขึ้น รู้ได้ในทันทีว่าที่ตระกูลหลี่จะมีการแสดงดี ๆ ให้เธอได้ชม!
ทันทีที่เข้าประตูบ้าน หลี่เยว่หานก็พบหลี่ต้าเฉิง หวังเฟิ่ง และหลี่หรหรงที่ยืนอยู่ด้านหลังหวังเฟิ่ง
“เจ้าไปทำอะไรมา!” หลี่ต้าเฉงถามออกมาด้วยใบหน้าดุร้าย
หลี่เยว่หานยืนพิงประตูสองมือกอดอก ตอบไปอย่างสงบนิ่ง “ถอนหมั้น”
“ก่อเรื่องไปทั่ว!” หลี่ต้าเฉิงกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “เจ้าถอนหมั้นไปเช่นนี้ แล้วน้องสาวของเจ้าจะได้แต่งงานอย่างไร!”
“นางนอนกับหลิ่วจื้อหย่วนไปแล้วไม่ใช่หรือ ก็ให้หลิ่วจื้อหย่วนรับผิดชอบเสียสิ” กล่าวแล้วหลี่เยว่หานก็เอียงศรีษะมองหวังเฟิ่ง “อย่างไรเสียข้าก็ไม่คิดแต่งงานแล้ว หลังจากหลี่หรงหรงแต่งงานไปข้าก็ยังคงจะอยู่ในบ้านหลังนี้ มาดูว่าพวกเราสามคนผู้ใดจะมีอายุยืนยาวไปกว่ากัน”
“นังเด็กไม่รักดี!” หลี่ต้าเฉิงโมโหจนหน้าแดง คว้าไม้กวาดมาจะตีหลี่เยว่หาน
หลี่เยว่หานหลบได้อย่างง่ายดาย เธอก้าวถอยหลังออกไปด้านนอกประตู ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นด้วยท่าทางดูน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านพ่อ เมื่อวานท่านสั่งให้ข้าถอนหมั้น ตอนนี้ข้าก็ถอนหมั้นแล้ว เหตุใดท่านจึงยังทุบตีข้า? หรือว่าเป็นเพราะหรงหรง…ฮือ…” เสียงของหลี่เยว่หานไม่ดังไม่เบา แต่บังเอิญตรงกับเวลาทานอาหาร ทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนเข้ามาทันที
ยิ่งคนมามากเท่าใด หลี่เยว่หานก็ยิ่งต้องแสดงมากขึ้น หญิงสาวเอ่ยออกมาไม่กี่คำก็ร้องไห้ออกมามากขึ้น…