ทะลุมิติไปเป็นหญิงพาลผู้งามเลิศประจำหมู่บ้าน - บทที่ 11 นักแสดงหลี่เยว่หาน
บทที่ 11 นักแสดงหลี่เยว่หาน
ความโกลาหลนี้ดึงดูดชาวบ้านที่ชอบดูความตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวหลี่อีกครั้ง พวกเขาก็รีบออกไปดูความตื่นเต้นพร้อมกับชามข้าวของตนเองทันที
“หลี่เยว่หาน ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูดก็เข้ามาพูดด้านใน!” หลี่ต้าเฉิงต้องการรักษาหน้าของตนเอาไว้ จึงระงับความโกรธของตนแล้วพยายามบังคับให้หลี่เยว่หานเข้ามาข้างในแทน
หลี่เยว่หานย่นคออย่างรวดเร็ว พลางทำหน้าตาหวาดกลัวและพูดขึ้นว่า “ถ้าข้าเข้าไป ท่านพ่อกับท่านแม่จะทุบตีข้าหรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของหลี่ต้าเฉิงก็เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำด้วยความกรุ่นโกรธ “ทำไมพ่อถึงจะทุบตีเจ้า กลับเข้ามาพูดในบ้านเสีย!”
“เมื่อครู่ท่านพ่อไม่ได้จะตีข้า เพราะข้ายกเลิกงานแต่งกับตระกูลหลิ่วแทนที่จะมอบให้หรงหรงหรือ?” หลี่เยว่หานพูดด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม “ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ท่านอย่าตีข้าเลย ข้าขอร้อง!”
ชาวบ้านที่มุงดูพร้อมกับชามข้าวเริ่มกระซิบเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้
อาหญิงโจวเป็นคนเปิดปากเล่าเรื่องทุกอย่าง ดั้งนั้นเมื่อเช้าวันนี้เกือบทุกคนในหมู่บ้านได้รู้ว่าหลี่หรงหรงมีความสัมพันธ์กับว่าที่พี่เขยของนาง หลี่เยว่หานไม่อาจทนต่อคนเช่นนี้ได้จึงริเริ่มที่จะยกเลิกงานแต่ง แต่นางไม่คิดว่าตนเองจะถูกทุบตีเมื่อกลับมาถึงบ้านของตน
ช่างน่าอนาถใจจริง ๆ!
“หลี่ต้าเฉิง! แม้ว่าภรรยาคนแรกของเจ้าจะเสียชีวิตไปแล้วก็อย่ารังแกบุตรสาวที่ผู้อื่นทิ้งไว้เช่นนี้!” ป้าเสิ่นผู้โด่งดังในหมู่บ้านสาปแช่งพลางชี้ด้วยตะเกียบของนางไปที่อีกฝ่าย “ใครไม่รู้บ้างว่าหลังจากที่เจ้าแต่งกับนาง สายตาเจ้าก็เอาแต่จ้องไปที่หมู่บ้านไป๋อวิ๋นที่อยู่ติดกัน!”
ป้าเสิ่นพูดอย่างตรงไปตรงมาและเฉียบขาด และผู้คนรอบตัวนางก็สะท้อนใจขึ้นมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็ดูเหมือนจะได้รับการกระตุ้นบางอย่างจึงร้องไห้หนักกว่าเดิม!
“หลี่เยว่หาน! เข้ามาคุยกับข้าซะ!” หลี่ต้าเฉิงอยากเข้าไปลากหลี่เยว่หานเข้ามาในประตูบ้านหลี่เสียตั้งแต่ตอนนี้
แต่น่าเสียดายที่ทุกคนกำลังเฝ้าดูหลี่เยว่หาน ผู้ที่ในขณะนี้กำลังร่ำไห้จนตัวโยน เขายังต้องรักษาหน้าตาเอาไว้จึงไม่กล้ากระทำอย่างที่คิด
เขาเพิ่งรู้ในวันนี้ว่าความสามารถในการแสดงของบุตรสาวของเขาดีเยี่ยมเพียงใด!
เมื่อครู่ยังยิ้มบอกว่าจะอยู่กับเขาไปอีกนาน แต่พอพลิกหน้า กลับนั่งลงกับพื้นหลั่งน้ำตาออกมาไม่หยุด…
ในที่สุด หวังเฟิ่งก็หายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินแผ่วเบาไปที่ด้านข้างของหลี่เยว่หาน นั่งยอง ๆ ลงด้วยท่าทางรักใคร่และสงสาร “เยว่หาน แม่รู้ว่าเจ้ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ถึงแม้เจ้าจะถูกทำร้าย สตรีเช่นเราก็ไม่อาจนั่งร้องไห้กับพื้นได้”
เดิมทีหวังเฟิ่งคิดว่าหลี่เยว่หานจะยอมเลิกรา หลังจากเห็นท่าทางรักใคร่ของมารดาเลี้ยงเช่นนาง แต่นางไม่คาดคิดว่าทันทีที่มือของนางแตะหลี่เยว่หาน หลี่เยว่หานจะหดไหล่ลงราวกับว่าต้องของร้อน
จากนั้นก็ทำราวกับเห็นผี นางยันตัวลุกขึ้นและมองไปที่หวังเฟิ่งด้วยท่าทางหวาดกลัว ก่อนเช็ดหน้าด้วยมือที่เปื้อนโคลนพลางส่ายหัวอย่างแรง “ข้าไม่กล้า ข้าไม่กล้า!” ขณะพูดนางก็ถอยหลังไปเรื่อย ๆ
ขณะที่ทุกคนงงงวยอย่างมาก หลี่เยว่หานก็หันหลังวิ่งกลับไปที่บ้าน
ทางหวังเฟิ่งกับหลี่ต้าเฉิงที่กำลังอับอายถูกทิ้งไว้ข้างหลังทันที
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผู้ชมก็ยกตะเกียบขึ้นและชี้ว่า “เห็นได้ชัดเลยว่าหวังเฟิ่งคนนี้ทุบตีเยว่หานบ่อยครั้ง!”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น อาหญิงโจวก็พูดเสียงดังทันที “ใช่แล้ว! เมื่อวานต่อหน้าท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน หวังเฟิ่งยังทุบยัยหนูเยว่หานล้มลงกับพื้นด้วยการตบเพียงครั้งเดียว!”
“จุ๊ ๆๆ ใคร ๆ ก็บอกว่าลมเหนือหนาวเหน็บ และแม่เลี้ยงก็โหดเหี้ยม เมื่อเห็นท่าทางของยัยหนูเยว่หานเมื่อครู่ เฮ้อ… ข้าเกรงว่าเด็กสาวจะถูกทำให้กลัวมากเสียแล้ว!”
…
เมิ่งฉีฮ่วนซึ่งอยู่ในฝูงชนให้ความสนใจกับหลี่เยว่หานตั้งแต่ที่นางกลับมาถึงบ้าน
เมื่อเขาได้ยินนางพูดว่านางจะไม่แต่งงานและต้องการมีชีวิตยืนยาวกับพ่อและแม่เลี้ยง ในใจเขาก็โกรธมาก แต่ไม่คาดคิดว่าในชั่วพริบตา ผู้หญิงที่เย่อหยิ่งและถูกครอบงำเมื่อครู่พลันร้องไห้ออกมา
หากเขาไม่ได้เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ เขาคงถูกหลอกโดยทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมของหลี่เยว่หานไปแล้ว
ในช่วงเวลานี้ ตระกูลหลี่ได้ปิดประตูลงและทุกคนก็แยกย้ายกันไปแล้ว เมิ่งฉีฮ่วนหยิบฟางคาบไว้ที่ปากแล้วมองไปที่ประตูบ้านหลี่อย่างลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง
หลี่เยว่หานรึ?
ช่างน่าสนใจ!
ในเวลานี้ที่ตระกูลหลี่
หลี่ต้าเฉิงเคาะประตูห้องหลี่เยว่หานด้วย “เสียงโครมคราม” แต่หลี่เยว่หานเพียงซ่อนตัวอยู่ข้างในโดยไม่ส่งเสียงออกมา
หลี่เยว่หานเพิ่งปล่อยให้ใบหน้าของนางเปื้อนโคลนและคลุกฝุ่นจำนวนมาก โดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของตัวเอง ตอนนี้เธอจึงกำลังยุ่งอยู่กับการล้างหน้า
หญิงสาวล้างหน้าไปในขณะที่หลี่ต้าเฉิงยังคงเคาะประตูอยู่
เมื่อหลี่เยว่หานเปิดประตูในที่สุด หลี่ต้าเฉิงก็เกือบจะเคาะประตูพังแล้ว
“ข้ารู้ว่าท่านจะพูดอะไร” ก่อนที่หลี่ต้าเฉิงจะทันพูด หลี่เยว่หานก็โพล่งขึ้นอย่างทันควันว่า “ถึงอย่างไร ข้าก็ได้ยกเลิกงานแต่งกับตระกูลหลิ่วไปแล้ว ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านเป็นพยานว่าหากหลี่หรงหรงต้องการแต่งงานกับหลิ่วจื้อหย่วน ข้าจะไม่คัดค้าน แต่ไม่ว่าข้าจะแต่งงานหรือไม่ในอนาคต ท่านก็ยุ่งไม่ได้”
“ท่าทีของเจ้ามันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!” หลี่ต้าเฉิงตัวสั่นด้วยความโกรธ “หรงหรงเป็นน้องสาวของเจ้านะ!”
“ถ้าอย่างนั้นข้าเองก็เป็นพี่สาวของนางเช่นกัน” หลี่เยว่หานไม่ยอมแม้แต่น้อย ทั้งยังก้าวร้าวขึ้น “ก่อนที่ท่านจะถามข้า ไปถามหลี่หรงหรงก่อนเถอะว่านางคิดว่าข้าเป็นพี่สาวของนางหรือไม่? แล้วหากเป็นเช่นนั้น ทำไมนางถึงปีนขึ้นเตียงคู่หมั้นข้าได้!”
“ถามภรรยาของท่านว่าทำไมนางถึงยอมให้หลี่หรงหรงทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้!”
“ท่านถามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีตัวเองดู แล้วบอกข้าสิว่าในใจของท่านมีแค่หลี่หรงหรงที่เป็นลูกสาวของท่านหลี่ต้าเฉิงใช่หรือไม่? ส่วนข้าหลี่เยว่หานไม่นับเป็นตัวอันใดเลย!”
หลี่เยว่หานพูดและเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ทางหลี่ต้าเฉิงก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าเสียงของนางจะไม่ดัง แต่ทุกคำพูดก็กระทบใจของหลี่ต้าเฉิงอย่างชัดเจน
แต่เขาไม่สามารถแสดงความขี้ขลาดต่อหน้าบุตรสาวได้!
คิดได้เช่นนี้ เมื่อเขากำลังจะตะโกนใส่หลี่เยว่หาน จู่ ๆ ฝ่ายตรงข้ามก็ถอยกลับเข้าไปในห้องและปิดประตู “จากนี้ไป ท่านทำอาหารและซักเสื้อผ้าของท่านเองเสีย อย่าคิดว่าข้าจะเป็นวัวเป็นม้าให้ท่านอีก!”
หลี่ต้าเฉิงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความโกรธเป็นเวลานาน แต่ในที่สุดก็หันหลังจากไป
“ต้าเฉิงท่านจะไปไหน?” หวังเฟิ่งรีบไล่ตามไปถาม
“กินข้าว!” หลี่ต้าเฉิงพูดอย่างเรียบง่ายและหยาบคาย “นังสารเลวนี่ คิดว่าครอบครัวนี้ไม่สามารถทำอันใดได้ถ้าไม่มีนางหรือ! หวังเฟิ่ง! ไปทำอาหาร! ข้าหิวแล้ว!”
หวังเฟิ่งจะรู้วิธีทำอาหารได้อย่างไร?
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาที่แต่งงานกับหลี่ต้าเฉิง แม่ของหลี่ต้าเฉิงเป็นคนทำอาหารในตอนแรก แต่หลังจากที่แม่ของหลี่ต้าเฉิงจากไป หลี่เยว่หานก็เป็นคนทำอาหารมาโดยตลอด
แต่ตอนนี้เมื่อหลี่เยว่หานเลิกทำมันแล้ว หวังเฟิ่งก็ทำได้เพียงกัดฟันและเข้าไปในครัว
ท้ายที่สุด หม้อสองใบที่ใส่ของที่บอกไม่ได้ว่าเป็นสิ่งใดก็ถูกยกออกมา ซึ่งใบหน้าของหลี่ต้าเฉิงก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำทันที
นางคิดว่าหลี่เยว่หานจะอารมณ์เสียแค่วันสองวัน แต่ไม่มีใครได้คาดคิดว่าแม้จะผ่านไปสามวันแล้ว หลี่เยว่หานก็ไม่มีทีท่าว่าจะหายโกรธเลย
เดิมทีหวังเฟิ่งไม่ต้องทำอะไรในบ้านเลย นางแค่ต้องออกไปพูดคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่นในหมู่บ้านไปวัน ๆ เท่านั้น
แต่เมื่อหลี่เยว่หานทิ้งงานทั้งหมดไป นางก็ต้องเป็นคนทำอาหาร ซักผ้า และทำความสะอาดเอง ซึ่งทุกวันนี้นางเหน็ดเหนื่อยมากจนไม่สามารถยืดตัวตรงได้
นางตั้งใจจะขอให้หลี่หรงหรงช่วยนาง แต่เมื่อเห็นมือที่อ่อนนุ่มของอีกฝ่าย อีกทั้งคิดว่าบุตรสาวของนางกำลังจะได้เป็นนายหญิงของตระกูลหลิ่ว นางก็ล้มเลิกความคิดไปทันที
หวังเฟิ่งซ่อนอาหารทั้งหมดไว้ในครัวแล้ว นางไม่เชื่อว่าหลี่เยว่หานยังสามารถหาอาหารได้!
เมื่อถึงเวลาที่นางหิว นางก็จะออกมาทำงานอย่างเชื่อฟังแน่นอน!
นังเด็กอกตัญญูนี่ ไม่ถูกทุบตีสามวันก็ไม่เชื่อฟังแล้วจริง ๆ!