ทะลุมิติไปเป็นหญิงพาลผู้งามเลิศประจำหมู่บ้าน - บทที่ 13 ฝีปากดั่งองค์หญิงแห่งจู่อัน
บทที่ 13 ฝีปากดั่งองค์หญิงแห่งจู่อัน
หลี่เยว่หานผู้แสนเกียจคร้านเดินไปตามเส้นทางบนภูเขา และกำลังจะเข้าไปในหมู่บ้าน แต่ก็ถูกหยุดไว้โดยสตรีสองนาง
ถ้าหลี่เยว่หานไปทางซ้าย ทั้งคู่ก็จะไปทางซ้าย ถ้าหลี่เยว่หานไปทางขวา พวกนางก็จะไปทางขวา
หลี่เยว่หานยกยิ้มหยัน “สุนัขที่ดีจะไม่เข้ามาขวางทางผู้อื่นรู้หรือไม่?”
“เจ้าเรียกใครว่าสุนัข!” อู๋หลานหลานชี้ไปที่หลี่เยว่หานอย่างไร้มารยาทด้วยใบหน้าที่ดุร้าย “น่าเสียดายที่หรงหรงบอกว่าเจ้าเป็นพี่สาวที่ดี แต่ตอนนี้ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นเพียงนังสารเลวผู้หนึ่ง! เป็นนังสารเลวที่ขัดขวางงานแต่งของหรงหรงและคุณชายหลิ่ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานก็เลิกคิ้วขึ้น “พวกเจ้าสองคนถ่อสังขารมากัดข้าถึงที่นี่ บอกข้ามาซิ ว่าหลี่หรงหรงมอบอันใดให้กับพวกเจ้าสองคนกัน?”
ในขณะที่พูด หลี่เยว่หานก็โยนตะกร้าไม้ไผ่ในมือพาดไหล่ “นางสัญญากับพวกเจ้าสองคนว่าจะให้เป็นอนุ หลังจากที่หลิ่วจื้อหย่วนแต่งงานกับนางงั้นหรือ?”
“หลี่เยว่หาน! อย่าพูดจาน่าเกลียดเกินไปนัก!” เจิ้งจวนที่เดิมวางแผนจะให้อู๋หลานหลานเป็นผู้ต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย ส่วนนางยืนโบกธงให้กำลังใจอยู่ด้านข้าง เพราะท้ายที่สุด นางก็เคยเห็นอู๋หลานหลานก่นด่าผู้อื่นมาก่อน ส่วนหลี่เยว่หานก็เป็นประเภทที่ไม่มีปากเสียงมาโดยตลอด นางไม่ได้คาดหวังว่าหลี่เยว่หานจะเป็นเช่นนี้เมื่อยามนางเปิดปาก!
“น่าเกลียด? เจ้าไม่เคยได้ยินคำพูดที่น่าเกลียดมาก่อนหรือ? นี่เรียกว่าน่าเกลียดแล้วหรือ?” หลี่เยว่หานมองทั้งสองคนอย่างสบาย ๆ ไม่เดือดไม่ร้อน “ไม่ว่าจะรีบไสหัวไปให้พ้นจากหน้าข้า หรือจะไสหัวออกไปหลังจากฟังการด่าของข้า ข้าก็ไม่รังเกียจจะให้เจ้าเห็นว่าองค์หญิงแห่งจู่อัน*[1] เป็นเช่นไร”
ในศตวรรษที่ 21 แม้ว่าหลี่เยว่หานจะเป็นอาสาสมัครในประเทศที่ล้าหลัง แต่เธอจะเล่น League of Legends ทุกครั้งที่มีโอกาส โดยเธอเป็นผู้เล่นดั้งเดิม ที่ตั้งรกรากอยู่ในจู่อัน*[2]
ในตอนแรก หญิงสาวไม่รู้ว่าตนถูกด่าว่าเก่งเกินไปกี่ครั้งแล้ว ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วเธอจึงเข้าเกมเพื่อหาคนที่จะทะเลาะด้วย เพราะปากของเธอจะเป็นพิษเกินไป แม้แต่สหายร่วมทีมของเธอก็ยังขนานนามเธอว่าคุณหนูแห่งจู่อัน
“หลี่เยว่หาน เจ้าช่างยกยอตัวเองเก่งเสียจริง เจ้ากล้าพูดว่าเจ้าเป็นองค์หญิงงั้นหรือ? เจ้าที่ยกเลิกงานแต่งตระกูลหลิ่วแล้วมีคุณสมบัติอะไรมาเทียบกับพวกเรา? เจ้าเป็นผู้หญิงที่ถูกถอนหมั้น จึงไร้ค่า รู้บ้างหรือไม่!”
แม้ว่าอู๋หลานหลานจะไม่เข้าใจสิ่งที่หลี่เยว่หานพูด แต่ก็ไม่ได้ป้องกันนางจากการเยาะเย้ยหลี่เยว่หานเลย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็พยักหน้า “เจ้าก็รู้ว่าข้ายกเลิกการแต่งงานกับตระกูลหลิ่ว ทำไมข้าถึงเป็นฝ่ายถูกถอนหมั้นล่ะ? น่ากลัวว่าตอนเจ้ายังเด็ก คงหกล้มจนน้ำในสมองไหลออกจากหัว แม่เจ้าคิดว่าขับถ่ายเรี่ยราดก็เลยล้างออกหมดแล้วล่ะสิ?”
“เจ้ากำลังพูดอันใด!” อู๋หลานหลานโกรธจัดจนอยากลงมือ แต่เจิ้งจวนที่อยู่ข้าง ๆ รีบหยุดนางไว้ หากหลี่เยว่หานผู้ไร้ยางอายโบ้ยความผิดให้พวกนางทั้งสองคนคงแย่
“หลี่เยว่หาน ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็มาจากหมู่บ้านเดียวกัน ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องพูดจารุนแรงเช่นนี้” เจิ้งจวนขมวดคิ้วและพูดว่า “นอกจากนี้ ใครจะไปรู้ว่าเจ้ายกเลิกมันด้วยความคิดของเจ้าเองหรือไม่? ข้ารู้แต่เพียงว่าเจ้ายกเลิกงานแต่งนั่น ยังไม่เพียงพอหรือ? หญิงที่ถูกยกเลิกงานแต่งย่อมไร้ค่าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่รู้เจ้าคิดอย่างไร!”
หลี่เยว่หานพยักหน้า “ข้าก็รู้อยู่แก่ใจ แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าสองคนรู้ตัวหรือไม่ บอกแล้วว่าสุนัขที่ดีจะไม่เข้ามาขวางทาง แต่เจ้าโสเภณีทั้งสองกลับยังมาขวาง ช่างทำบรรดาสุนัขอับอายเสียจริง ๆ”
“เจ้าเรียกใครว่าสุนัข!” เจิ้งจวนก็หมดความอดทนแล้วเช่นกัน
“แน่นอน ข้ากำลังพูดถึงพวกเจ้า ที่นี่มีสุนัขตัวอื่นหรือ?” หลี่เยว่หานผายมือออกด้วยสีหน้าจริงใจ “เป็นอันใดไป? พวกเจ้ารู้สึกด้อยค่าจนไม่ยอมให้ผู้คนพูดถึงเผ่าพันธุ์ของพวกเจ้าเลยงั้นหรือ?”
“หลี่เยว่หาน นังสารเลว…”
“อู๋หลานหลาน เจ้าเป็นสตรีพูดเหมือนโสเภณีเช่นนี้ได้อย่างไร แม่ของเจ้าไม่ได้สอนเจ้าหรือว่าผู้หญิงพูดหยาบคายมันไม่ดี” ขณะที่พูด หลี่เยว่หานก็ปิดปากของเธออย่างแสร้งทำเป็นประหลาดใจ “โอ้ ขออภัย ข้าลืมไปว่าเจ้าเป็นเด็กกำพร้า เจ้ามีครอบครัวเสียเมื่อไหร่”
“หลี่เยว่หาน…” อู๋หลานหลานกำลังจะคลั่งด้วยความโกรธ
“อย่าเรียกชื่อบรรพบุรุษของข้า เจ้าไม่คู่ควร” หลี่เยว่หานกล่าวพร้อมก้าวเข้าไปใกล้ทั้งสองคนและพูดว่า “เจ้าทั้งสองปฏิบัติตัวเหมือนเป็นสินค้าตลอดทั้งวัน รอคนมาเลือกและจ่ายเงิน เป็นความผิดของพวกเจ้าสองคนที่วิ่งเต้นอยากไปเป็นอนุของผู้อื่น พวกเจ้าอยากเป็นอนุแต่กลับขายไม่ออก ก็อย่ามาโทษว่าข้าไปขวางทางพวกเจ้าสิ”
“กลับไปสำเหนียกตัวเองซะ ถึงพวกเจ้าจะไม่สามารถปีนขึ้นเตียงของหลิ่วจื้อหย่วนได้ แต่ถ้าพวกเจ้าเปลือยกายล่อนจ้อน เจ้าอาจจะปีนเขียงคนขายหมูได้ก็ได้”
เจิ้งจวนและอู๋หลานหลานไม่เคยเห็นหลี่เยว่หานเป็นเช่นนี้มาก่อน ซึ่งพวกนางถูกด่าอย่างหนักจนพูดสิ่งใดไม่ออกทันที
เมื่อได้ยินนางพูดตรง ๆ ว่าทั้งสองคนกำลังจะปีนเตียงของหลิ่วจื้อหย่วน ใบหน้าของเด็กสาวสองคนที่ยังไม่ได้ปักปิ่นก็เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที “หลี่เยว่หาน! เจ้าไม่มีความละอายเลยหรือ!”
“เจ้าเพิ่งพูดว่าข้าไร้ค่าหลังจากที่ข้ายกเลิกงานแต่ง ทำไมข้าต้องละอายต่อหน้าพวกสารเลวอย่างเจ้าสองคนด้วยเล่า?” หลี่เยว่หาน ยื่นมือออกไปผลักอู๋หลานหลาน “ถ้าข้าละอายใจ เจ้าสองคนจะเป็นสุนัขที่ดีได้หรือ?”
“อย่าให้มากเกินไปนัก!”
“มีคนที่พูดเกินกว่านี้ พวกเจ้าอยากฟังไหม?” หลี่เยว่หานมองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าหอหงเยว่ในอำเภอค่อนข้างขาดคน พวกไร้คุณธรรมอย่างพวกเจ้าหาเวลาไปที่หอหงเยว่เสียหน่อยสิ บางทีหอหงเยว่อาจสามารถให้ตำแหน่งว่างกับพวกเจ้าได้”
หอหงเยว่เป็นหอนางโลมที่มีชื่อเสียงในอำเภอหย่งหนิง
“หลี่เยว่หาน! เจ้ารอพวกเราก่อนเถอะ!” อู๋หลานหลานโกรธมากจนตัวสั่นและพูดไม่ออก เจิ้งจวนพยุงนางพลางพูดถ้อยคำที่รุนแรงกับหลี่เยว่หาน ก่อนหันหลังจากไป
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของพวกนาง หลี่เยว่หานก็ถอนหายใจออกมา
คนโบราณไม่เก่งเรื่องการต่อสู้ หญิงสาวยังไม่ทันได้แสดงทักษะของเธอเลยทั้งสองคนก็หนีไปเสียแล้ว
เมื่อมองไปที่ดวงอาทิตย์ หลี่เยว่หานก็คาดว่าน่าจะเป็นเวลาเกือบห้าโมงครึ่ง ดวงอาทิตย์ได้ลับขอบภูเขาไปแล้ว โดยแสงอาทิตย์ตกดินได้ย้อมทั้งทิศตะวันตกให้เป็นสีแดง
ขณะที่เธอกำลังฟื้นคืนความรู้สึกเล็กน้อยจากศตวรรษที่ 21 เธอก็ถูกกระแทกโดยฉากโบราณทันที หลี่เยว่หานพลันรู้สึกเศร้าโศกอย่างอธิบายไม่ได้
หลังจากยืนนิ่งและดูทิวทัศน์อยู่ครู่หนึ่ง หลี่เยว่หานก็ตั้งสติและเดินเข้าไปในหมู่บ้าน
ทันทีที่หญิงสาวกลับถึงบ้านหลี่ หวังเฟิ่งก็กำลังจะถามหลี่เยว่หานว่าหายไปไหนมาทั้งวัน แต่นางไม่คาดคิดว่าหลี่เยว่หานจะมองนางอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็เดินกลับไปที่ห้อง
หวังเฟิ่งโกรธมาก นางยืนอยู่ในบ้านพลางหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยกลัวว่านางจะหายใจติดขัดจนเป็นลม
ในเวลานี้ อู๋หลานหลานและเจิ้งจวนได้บุกเข้าไปในประตูบ้านหลี่พร้อมกับพ่อแม่ของพวกนาง
“พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่บ้านข้า” อู๋หลานหลานและเจิ้งจวนเป็นสหายกับหลี่หรงหรงมาโดยตลอด หวังเฟิ่งจึงอดไม่ได้ที่จะงงงวยเมื่อเห็นท่าทางก้าวร้าวของทั้งสองคน
“นังสารเลวหลี่เยว่หานของเจ้าอยู่ที่ไหน!” แม่ของอู๋หลานหลานสูงกว่าหวังเฟิ่งครึ่งศีรษะ ซึ่งเมื่อนางอ้าปาก น้ำลายจากปากของนางก็พ่นใส่หน้าของหวังเฟิ่งโดยตรง
หวังเฟิ่งไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการถูกพ่นน้ำลายใส่ จึงอดไม่ได้ที่จะหดคอและพูดว่า “เพิ่งกลับมา นางอยู่ในห้องของนางเอง… เป็นอะไรไป…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ไม่มีใครสนใจหวังเฟิ่ง และทั้งสองครอบครัวก็รีบไปที่ห้องของหลี่เยว่หานอย่างอุกอาจ
“ปัง ปัง ปัง…” บิดาของอู๋หลานหลานอู๋ไหล ชูกำปั้นขนาดใหญ่ของเขาและกระแทกใส่ประตูของหลี่เยว่หาน “หลี่เยว่หาน! ในเมื่อเจ้ากล้าที่จะรังแกหลานหลานของข้า ก็อย่าซ่อนตัวอยู่ข้างในจนไม่กล้าออกมาสิวะ!”
[1] องค์หญิงแห่งจู่อัน 祖安公主 (เชิงอรรถ – หมายถึงผู้หญิงที่เก่งการด่า)
[2] จู่อัน (เชิงอรรถ – พื้นที่เกมในเกม League of Legends ว่ากันว่าในพื้นที่นั้นคนด่ากันเก่งมาก)