ทะลุมิติไปเป็นหญิงพาลผู้งามเลิศประจำหมู่บ้าน - บทที่ 20 คำพูดของเสือและหมาป่า
บทที่ 20 คำพูดของเสือและหมาป่า
เมื่อได้ยินคำพูดของจงเจิ้งมู่ชวน จงเจิ้งหลิงซีที่กำลังร้องไห้ก็พยายามที่จะหยุดเสียงสะอื้นไห้ของตนเอาไว้ และพยายามที่จะคว้ามือของเมิ่งฉีฮ่วนขึ้นมาอย่างน่าสงสาร เด็กหญิงพยายามกลั้นน้ำตาไว้ และพูดด้วยเสียงสะอื้นไห้ว่า “หลิงซี…ไม่อยากได้…ไม่อยากได้…ผู้หญิงคนอื่น…”
เมิ่งฉีฮ่วนมองจงเจิ้นหลิงซีอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรดี ชายหนุ่มทำเพียงส่งสายตาให้จงเจิ้งมู่ชวน หนุ่มน้อยรับรู้ได้ผ่านแววตาของอีกฝ่าย จึงเข้าใจได้ในทันที รีบไปดึงมือน้องสาวของตนมา
“จงเจิ้งหลิงซี พี่จะบอกเจ้าให้ ถ้าหากเจ้าไม่กินข้าว พรุ่งนี้จากผู้หญิงหนึ่งคนก็จะกลายเป็นผู้หญิงสองคน เมื่อถึงเวลานั้นคงจะทำอะไรไม่ได้!” จงเจิ้งมู่ชวนพูดพลางจูงมือจงเจิ้งหลิงซีไปยังห้องครัว
เมื่อเห็นทั้งสองจากไป เมิ่งฉีฮ่วนก็ถอนหายใจออกมา
โชคดีที่จงเจิ้นมู่ชวนมีวิธีจัดการกับจงเจิ้งหลิงซี มิเช่นนั้นเขาอาจจะต้องถูกจงเจิ้งหลิงซีร้องไห้ใส่จนทำอะไรไม่ถูกแน่…
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เมิ่งฉีฮ่วนจึงรีบลุกขึ้น หลังจากจัดการเตรียมห้องว่างข้าง ๆ ห้องของตนเรียบร้อยแล้ว จึงไปอุ้มหลี่เยว่หานออกมาจากห้องของตน และถือโอกาสให้หลี่เยว่หานกินอะไรบางอย่าง
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ฟ้าก็มืดสนิท จงเจิ้งมู่ชวนโผล่หัวออกมาจากประตูพลางพูดขึ้นว่า “ท่านอา มีอาหารของท่านอยู่ในหม้อ หลิงซีหลับไปแล้ว ข้าขอไปทบทวนบทเรียนก่อน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เมิ่งฉีฮ่วนจึงรีบจูงมือจงเจิ้งมู่ชวนออกไป หลังจากปิดประตูห้องของหลี่เยว่หานแล้ว จึงพูดเบา ๆ ออกมา “มู่ชวน อาขอร้องเจ้าเรื่องหนึ่ง”
“ถ้าหากจะเกลี้ยกล่อมหลิงซีล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องขอร้องแล้ว” จงเจิ้งมู่ชวนพูดอย่างเข้าใจ “นางเป็นน้องสาวของข้า ข้าก็ควรจะเกลี้ยกล่อมนางเอง”
“ไม่ใช่” เมิ่งฉีฮ่วนมองไปยังห้องด้านหลังอย่างลำบากใจ จากนั้นจึงเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างเบา ๆ ข้างหูของจงเจิ้นมู่ชวน
หลังจากจงเจิ้งมู่ชวนได้ยินก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันที ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน และพยักหน้ารับอย่างจริงจัง ทั้งสองจึงทำข้อตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว
เช้าวันรุ่งขึ้น จงเจิ้งมู่ชวนไม่ได้ไปสำนักศึกษา หลังจากช่วยเมิ่งฉีฮ่วนจัดเตรียมอาหารเช้าแล้ว เมิ่งฉีฮ่วนก็ออกจากบ้านไป
หลังจากจงเจิ้งหลิงซีตื่นขึ้นมา ก็ส่งเสียงดังขับไล่หลี่เยว่หานออกไป จงเจิ้งมู่ชวนต้องใช้พลังอย่างมากเพื่อทำให้นางสงบลงได้ จากนั้นจึงถือยาที่เมิ่งฉีฮ่วนต้มไว้ให้หลี่เยว่หานกินก่อนออกไป เขาเดินไปยังห้องของหญิงสาว
เมื่อเข้าประตูไป จึงเห็นน้องสาวของตนย้ายเก้าอี้ไปนั่งข้าง ๆ เตียงของหลี่เยว่หาน พลางจ้องมองหญิงสาวที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าเกลียดชัง
“เจ้ามานั่งทำอะไรตรงนี้?” จงเจิ้งมู่ชวนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ท่านพี่บอกว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งมิใช่หรือ!” จงเจิ้งหลิงซีพูดด้วยท่าทางจริงจัง “ผู้หญิงคนนี้เป็นคู่แข่งของข้า! ข้าจะต้องดูนางให้ชัดเจน!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จงเจิ้งมู่ชวนจึงรู้สึกมึนงงขึ้นมา
นำยาในมือวางไว้ด้านข้าง จงเจิ้นมู่ชวนปีนขึ้นไปบนเตียงของหลี่เยว่หาน พยายามออกแรงประคองศีรษะของหลี่เยว่หานขึ้นมา หลังจากเอาหมอนรองใต้ศีรษะของนางไว้แล้ว จึงค่อย ๆ ป้อนยาเข้าไปในปากของนางทีละนิด
ถึงแม้ว่าจงเจิ้งหลิงซีเห็นว่าจงเจิ้งมู่ชวนกำลังลำบากเช่นนี้ จนคิดอยากจะช่วย แต่เมื่อคิดได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคู่แข่งของตน ก็ทำเพียงกัดฟันไว้ไม่ขยับกายใด ๆ อีก
หลี่เย่วหานไม่รู้ว่าตนหมดสติไปนานเพียงแต่ แต่รู้สึกเพียงแค่ทั้งร่างกายแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย ความทรงจำครั้งสุดท้ายยังคงเป็นภาพที่ตนกำลังนอนอาบแดดอยู่
จนเมื่อสัมผัสรสขมในปากมันจึงปลุกให้เธอได้สติขึ้นมา หญิงสาวก็ได้มาถึงบ้านตระกูลเมิ่งเป็นเวลาสองวันแล้ว
เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนที่หลี่เยว่หานจะได้พบกับใบหน้าของเด็กชายตัวน้อยตรงหน้า แต่ที่น่ากลัวก็คือ เด็กน้อยคนนี้กำลังบีบริมฝีปากของนาง และค่อย ๆ ป้อนยาเข้ามาทีละน้อย
นี่มันอะไรกัน?
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เกิดสิ่งใดขึ้นกัน?
หรือจะทะลุมิติมาอีกแล้ว?
ครั้งนี้เป็นเรื่องใดอีก?
เป็นแม่ม่ายกับลูกชายหรือ???
ในใจของหลี่เยว่หานเต็มไปด้วยคำถามทันที
“โอ้ ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว!” เมื่อเด็กชายตัวน้อยเห็นหลี่เยว่หานลืมตาขึ้นมา ดูเหมือนจะโล่งใจ จากนั้นจึงหันไปพูด “หลิงซี! หลิงซี! นางฟื้นแล้ว!”
ในตอนนี้ หลี่เยว่หานยังไม่เข้าใจว่าตอนนี้เกิดอันใดขึ้น แต่อยู่ ๆ ก็มีใบหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยเข้ามาในสายตาเธอ หลี่เยว่หานจึงตกตะลึงขึ้นมาทันที
โอ้! มีลูกคนเดียวไม่พอ ยังมีตั้งสองคน! ร่างเดิมนี้ให้กำเนิดมาได้อย่างไร!
“หึ ข้าคิดว่านางโง่ และเสียสติไปแล้วแน่!” เด็กหญิงตัวเล็กย่นจมูกเล็กน้อยด้วยใบหน้าที่ไม่ยินดีนัก
เมื่อหลี่เยว่หานได้ยินเช่นนั้น ก็อดไม่พอใจขึ้นมาไม่ได้
เหตุใดเด็กน้อยคนนี้จึงพูดกับแม่ของตนเช่นนี้กัน!
“เฝ้าแม่มานานเพียงใดแล้ว?” หลี่เยว่หานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
นับตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมาจนถึงบัดนี้ ยังไม่ได้รับความทรงจำของร่างเดิมเลย เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ร่างของอีกฝ่ายตายนานเกินไป จนไม่เหลือความทรงจำแล้ว
“หือ?” สีหน้าของเด็กชายตัวน้อยแข็งทื่อไป เด็กหญิงตัวน้อยเบิกต้ากว้างเช่นกัน มองนางด้วยแววตาไม่เข้าใจ
“พวกเจ้าเป็นอะไรไป?” หลี่เยว่หานเอ่ยถาม
“แง…” เด็กหญิงตัวน้อยเริ่มร้องไห้ออกมาทันที “พี่ ผู้หญิงคนนี้บอกว่านางเป็นแม่ของเรา! หน้าไม่อายเกินไปแล้ว แง…”
เมื่อได้ยินประโยคของเด็กหญิง หลี่เยว่หานจึงรู้สึกสับสนขึ้นมา
เหตุการณ์เป็นเช่นไรกันแน่? เธออยากจะบ้าตายไปเลยจริง ๆ!
เมื่อเด็กชายเห็นเด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้อย่างหนัก จึงรีบวางถ้วยยาในมือลงก่อนจะรีบปลอบนาง
หลี่เยว่หานยกมือขึ้นมา นำยาที่เหลือในถ้วยยกดื่มจนหมด จากนั้นมองดูแขนที่ผอมบางของตน จึงเริ่มเข้าใจบางอย่างขึ้นมา ตนไม่ได้ทะลุมิติ แต่ตนยังคงเป็นหลี่เยว่หานแห่งครอบครัวหลี่ในหมู่บ้านเฮยถู่อยู่
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลี่เยว่หานจึงรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าขึ้นมาทันที…
แต่ว่า…ที่นี่คือที่ใดกัน? เด็กสองคนนี้คือใครกัน?
ราวกับได้ยินหลี่เยว่หานยกถ้วยยาดื่มด้วยตนเอง เด็กชายตัวน้อยที่ปลอบเด็กหญิงตัวน้อยอยู่ พลางหันไปพูดกับหลี่เยว่หาน “ท่านอาเมิ่งบอกว่า หากท่านฟื้นก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ถ้าหากรู้สึกหิวก็กินข้าวในห้องครัวได้ ท่านอาเมิ่งจะกลับมาตอนกลางวัน”
เด็กชายพูดจบ จึงจูงมือเด็กหญิงตัวน้อยออกจากห้องไป เหลือเพียงหลี่เยว่หานที่สับสนโดยไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นเช่นไรไว้เพียงผู้เดียว
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่รู้ว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ใด แต่หลี่เยว่หานรู้สึกว่าร่างกายกำลังอ่อนแอมาก และยังไม่รู้สึกหิว หลี่เยว่หานจึงนอนหลับไปอีกครั้ง
ด้วยความงุนงง หลี่เยว่หานไม่รู้ว่านอนหลับไปนานเพียงใด จู่ ๆ ก็รู้สึกกว่ามีคนกำลังจ้องมองตนอยู่ จึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา
“ดูนั่น! ท่านอาเมิ่ง! ข้าไม่ได้พูดผิด! นางฟื้นแล้วจริง ๆ!” น้ำเสียงตื่นเต้นของเด็กชายตัวน้อยดังขึ้นมา หลี่เยว่หานจ้องมองชายที่ตนแทบจะไม่รู้จักตรงหน้า และระวังตัวขึ้นมาทันที
ราวกับเห็นถึงความตื่นกลัวของนาง ชายหนุ่มจึงเผยรอยยิ้มที่ดูใจดีออกมา จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เจ้าไม่ต้องกลัว ที่นี่คือบ้านของข้า ข้ามีนามว่าเมิ่งฉีฮ่วน เพื่อเป็นการชดใช้หนี้ พ่อและแม่ของเจ้า จึงมอบเจ้าให้แต่งเป็นภรรยาข้าแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สมองของหลี่เยว่หานจึงหยุดทำงานไปในทันที!
อะไรนะ???
ครอบครัวหลี่ขายเธอทิ้งเสียแล้ว??
ชายหน้าจืดตรงหน้าคือสามีของเธอ??
“ร่างกายของเจ้าอ่อนแอมาก หลายวันมานี้ มู่ชวนคอยส่งยาส่งข้าวให้เจ้าบนเตียง” ชายที่มีนามว่าเมิ่งฉีฮ่วนพูดขึ้นมาพลางลูบศีรษะของเด็กชายตัวน้อย และพูดต่อ “รักษาร่างกายให้ดี ข้ายังรอวันที่เจ้าจะให้กำเนิดลูก”
นี่เป็นคำพูดลามกอะไรกัน!
เขามีลูกถึงสองคนแล้ว ยังคิดจะให้เธอกำเนิดบุตรให้อีก??