ทะลุมิติไปเป็นหญิงพาลผู้งามเลิศประจำหมู่บ้าน - บทที่ 24 มิอาจต้านทานไว้
บทที่ 24 มิอาจต้านทานไว้
หลังจากได้ยินเช่นนี้ จงเจิ้งหลิงซีก็บื้อใบ้ไปทันที
จงเจิ้งมู่ชวนเองก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
สิ่งที่หลี่เยว่หานกล่าวออกมามีเหตุผล! หลิงซีพูดไว้เมื่อเช้าว่าจะไม่กินอาหารที่หลี่เยว่หานทำขึ้นมา ดังนั้นหลี่เยว่หานจะเก็บอาหารทั้งหมดไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ไม่อาจนับได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง…
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว จงเจิ้งมู่ชวนก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไป “นั่น…ข้า…”
“พี่ชาย!” หลิงซีคว้าตัวจงเจิ้งมู่เฉินที่กำลังจะไปกินข้าวเอาไว้ ใบหน้าน้อย ๆ ของนางเต็มไปด้วยความดื้อรั้น หากหลี่เยว่หานไม่ร้องขอตนเอง นางก็จะไม่ยอมกินข้าวที่หลี่เยว่หานทำ! พี่ชายเองก็ไม่ควรกินเช่นกัน!
มู่ชวนที่ถูกดึงเอาไว้อดรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาไม่ได้ อาหารที่หลี่เยว่หานทำขึ้นมาอร่อยมากจริง ๆ อีกทั้งเขาในตอนนี้หิวเป็นอย่างมาก ทว่าอีกทางหนึ่งเขาไม่สามารถทำร้ายจิตใจของหลิงซีได้
สำหรับมู่ชวนที่มีอายุเพียงห้าขวบปี นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกว่าสตรีเป็นสิ่งยุ่งยากอย่างมาก เหตุใดพวกนางจึงทำให้เขารู้สึกยากลำบากได้ถึงเพียงนี้…
เมื่อเห็นสองพี่น้องต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อแก่กันต่อหน้าตน หลี่เยว่หานก็ไม่รีบร้อน มองทั้งสองคนอย่างเงียบ ๆ
ของเพียงแค่มู่ชวนไม่สามารถยับยั้งความหิวของตนเองได้ หลิงซีเองก็สามารถใช้จังหวะนั้นเข้ามากินข้าวได้
ดูแล้วอารมณ์ของหลิงซีในตอนนี้คงจะมีทั้งความขัดแย้งและความตึงเครียดในตัวเอง
นางหิวมาตลอดทั้งเช้า อีกทั้งอาหารบนโต๊ะก็ยังดูน่าทานเป็นอย่างมาก ทว่านางก็มีทิฐิของตัวเอง! ดังนั้นนางจึงวางแผนขึ้นมาในใจ ตราบใดที่พี่ชายของนางต้องการจะกินข้าว นางก็แค่แสร้งทำเป็นจำใจถูกพี่ชายลากเข้าไปทานข้าวด้วย!
แต่ผิดคาดที่มู่ชวนเกรงว่าหลิงซีจะเสียใจแล้วร้องไห้ออกมาอีก เขาจึงกัดฟันแล้วกระทืบเท้า ก่อนจะมองไปที่หลี่เยว่หานแล้วพูดขึ้น “พวกเราจะไม่กิน!”
หลิงซี “???”
เขายังเป็นพี่ชายของนางอยู่หรือไม่! เหตุใดจึงไม่อาจเข้าใจความต้องการของนางได้!
ก่อนที่หลิงซีจะทันได้ตอบสนองอะไร มู่ชวนก็ลากหลิงซีเดินออกไป
หลี่เยว่หานมองไปที่แผ่นหลังของสองพี่น้อง เธอหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ต้องกล่าวว่าสองพี่น้องน่าสนใจดีจริง ๆ แม้ว่าจงเจิ้งหลิงซีจะยังไม่ชอบเธอ แต่ก็ยังคงทำตัวเองจนอดอาหารมาถึงตอนนี้
หากเป็นเด็กจากครอบครัวยากจนข้นแค้น ทนหิวสักมื้อนับว่าเป็นเรื่องคุ้นชิน แต่เมิ่งฉีฮ่วนประคบประหงมเด็กทั้งสองคนอย่างมาก เห็นได้ชัดตั้งแต่วัสดุที่นำมาทำเสื้อผ้าให้ทั้งสองคนสวมใส่
เด็กที่ถูกประคบประหงมมาไม่มีทางทนความหิวได้
คิดเช่นนี้แล้ว หลี่เยว่หานก็ไม่ได้ทำอะไรเลยเถิดเกินไปนัก หลังจากตนเองกินข้าวเสร็จ หญิงสาวก็ทิ้งอาหารเอาไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินกลับห้อง
หลังจากที่หลี่เยว่หานกลับไปที่ห้องแล้ว สองพี่น้องก็แอบออกมาจากห้องตนเอง
มู่ชวนมองประตูห้องของหลี่เยว่หานอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าด้านในไม่มีเสียงอะไรดังออกมาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะกระซิบกับหลิงซี “อาเมิ่งให้ยาไร้แรงกับนาง แม้หลายวันมานี้จะกินยาแก้เข้าไปแต่ก็ยังไม่อาจฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นตอนนี้นางควรจะหลับไปแล้ว”
ขณะพูดเขาก็จูงมือหลิงซี พากันย่องเข้าไปในห้องครัว
“พี่ชาย ยาไร้แรงคืออะไร? เหตุใดอาเมิ่งจึงต้องวางยานาง” หลิงซีถามออกมาอย่างสงสัยหลังออกพ้นประตูเข้ามาในลาน
“ยาไร้แรง คือยาที่อาเมิ่งหลอมขึ้นมาจากน้ำพุจิตวิญญาณ” มู่ชวนดึงหลิงซีเข้าไปในครัว เขาเอ่ยอธิบายขึ้นมาขณะกำลังอุ่นอาหารต่าง ๆ ด้วยความชำนาญ “ยานี้จะทำให้คนอ่อนแอลงอย่างมากภายในชั่วข้ามคืน หลังจากนั้นจะต้องแก้พิษประมาณห้าวันจึงจะฟื้นตัวเต็มที่”
“ท่านหมายความว่าอาเมิ่งให้ยาไร้แรงกับผู้หญิงโสโครกคนนั้นหรือ?” หลิงซีรู้สึกงงงวย
“ถูกต้อง” มู่ชวนยื่นตะเกียบให้หลิงซี “ข้าช่วยอาเมิ่งต้มยาแก้พิษมาสามวันแล้ว ข้าจำยาแก้พิษนั่นได้ กินเร็วเข้าเถอะ เจ้าคงจะหิวน่าดู!”
ได้ยินคำว่ากินได้แล้ว ดวงตาของหลิงซีก็เป็นประกาย นางชิมไปคำหนึ่งก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง “อี่อาย!อย่อยอว่าอี่อ่านอำอาก! (พี่ชาย! อร่อยกว่าที่ท่านทำมาก)”
เมื่อเห็นใบหน้าตื่นตะลึงของหลิงซี มู่ชวนก็ตักข้าวเข้าปากโดยไม่พูดอะไรอีก
หลิงซีที่ปกติจะเป็นคนกินจู้จี้จุกจิก กินข้าวมากสุดก็เพียงครึ่งจาน แต่ตอนนี้นางกลับช่วยกันกับพี่ชายกวาดอาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะไปจนหมดเกลี้ยง
หลังจากกินเสร็จ หลิงซีก็ตีพุงที่อิ่มแน่นของตนเองด้วยความพึงพอใจ “อิ่มมาก!”
“เห็นแก่อาหารที่นางทำอร่อยถึงเพียงนี้ เจ้าก็อย่าได้เรียกนางว่าผู้หญิงโสโครกเลย” มู่ชวนกล่าวขึ้นมาระหว่างกำลังเก็บกวาดของบนโต๊ะ
“แล้วข้าควรจะเรียกนางว่าอย่างไร?” หลิงซีย่นจมูกน้อย ๆ ของตนเอง “ข้าต้องเรียกนางว่าอาหญิงหรือ? ข้าไม่ยอม! อาเมิ่งเป็นของข้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว มู่ชวนก็หยุดมือตัวเองจากสิ่งที่ทำอยู่ ก่อนจะขบคิดอย่างรอบคอบแล้วตอบออกมา “ใช่แล้ว! พวกเราสามารถเรียกนางว่าพี่สาวหลี่ได้! อย่างไรเสียอาเมิ่งกับนางก็ยังไม่ได้คำนับฟ้าดิน ไม่มีคำไหนที่พวกเราสมควรเรียกนาง หากเรียกว่าพี่สาวหลี่จะได้ดูสนิทสนมด้วย!”
หลิงซีย่นจมูกเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้พูดสิ่งใดตอบกลับไป
นางมักจะชอบย่นจมูกยามที่ไม่ยินยอมพร้อมใจ
มู่ชวนคิดว่านางจะเอ่ยปฏิเสธ จึงกำลังจะคิดคำเรียกอื่น แต่ทว่าหลิงซีมองไปยังเศษอาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะ แล้วพูดออกมาอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจ “ก็ได้ หลังจากนี้ข้าจะไม่เรียกนางว่าหญิงโสโครก แต่จะเรียกนางว่าพี่สาวหลี่เหมือนพี่ชาย”
มู่ชวนตะลึงงันไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะยิ้มขึ้นมา
ด้านนอกห้องครัว หลี่เยว่หานที่แอบฟังอยู่ก็ยิ้มเช่นกัน
เดิมทีคิดว่าเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะให้จงเจิ้งหลิงซียอมรับ แต่ตอนนี้นางกลับยอมอย่างว่าง่าย!
สองพี่น้องที่คิดว่าตนเองแอบออกมาได้อย่างเงียบงัน ความจริงแล้วหลี่เยว่หานสามารถได้ยินการเคลื่อนไหวด้านนอกประตูได้อย่างชัดเจน เมื่อคำนวณเวลาดูแล้ว ถึงยามที่คาดว่าพวกเขาน่าจะกินข้าวกันจนเกือบหมดจึงออกจากห้องมา
เดิมทีเธอต้องการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ตอนนี้ ทำให้หลิงซีรู้สึกอับอายและยอมรับความผิด ทว่าหญิงสาวไม่คิดว่าจะได้ยินสองพี่น้องคุยกันเรื่องจะทำตัวให้ดีขึ้นกับเธอ
ดูเหมือนว่าการใช้อาหารอร่อยมาพิชิตแม่นางน้อยผู้นี้จะได้ผลเป็นอย่างมาก!
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว หลี่เยว่หานก็ไม่คิดจะรบกวนอะไรสองพี่น้องอีก แล้วย่องกลับไปที่ห้องของตนเองทันที
ร่างกายของเธอยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ดังนั้นหลี่เยว่หานจึงล้าจนผล็อยหลับไปบนเตียงทันทีที่กลับถึงห้อง
ยามอาทิตย์อัสดง มู่ชวนก็กลับมาจากการร่ำเรียน หลี่เยว่หานกำลังทำอาหารอยู่ในครัว แม้หลิงซีจะมีใบหน้าบึ้งตึง แต่ก็ยังช่วยจุดไฟอย่างจริงจัง
“กลับมาแล้ว” หลี่เยว่หานเห็นมู่ชวนที่วิ่งเข้ามาในครัวโดยไม่ได้วางกระเป๋าหนังสือ ก็รู้ได้ทันทีว่าเขากำลังหิว หญิงสาวจึงหยิบมันเทศลูกเล็กยื่นให้ “กินมันเทศรองท้องก่อน แล้วไปวางกระเป๋าหนังสือให้ดี ๆ อีกไม่นานอาหารก็จะเสร็จแล้ว”
มู่ชวนรับมันเทศมาด้วยความงุนงง ก่อนจะหันหลังกลับเตรียมไปเก็บกระเป๋าหนังสือ ทว่ากลับชนเข้ากับร่างของเมิ่งฉีฮ่วน
“เกิดอะไรขึ้น” เมิ่งฉีฮ่วนขมวดคิ้ว แม้ว่ามู่ชวนจะยังเด็ก แต่เขาก็สุขุมเป็นอย่างยิ่ง เกิดเรื่องอะไรขึ้นจึงทำให้เขาไม่มองทาง “พวกนางทั้งสองคนทะเลาะกันหรือ?”
มู่ชวนเงยหน้าขึ้นมองเมิ่งฉีฮ่วน จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างแช่มช้า “ไม่…พวกนางเข้ากันได้ดีมาก…”
“หืม?” เมิ่งฉีฮ่วนนึกสงสัยว่าตนเองได้ยินผิดไปหรือไม่
เขารู้ว่าการที่หลี่เยว่หานจะสามารถเข้ากับหลิงซีได้นั้นยากเย็นมากเพียงใด ไม่รู้ว่าหลี่เยว่หานใช้วิธีการใดจึงสามารถเข้ากันกับนางได้อย่างดีเยี่ยมภายในวันเดียว?
เมิ่งฉีฮ่วนผลักประตูห้องครัวเข้าไป ก่อนจะเห็นหลิงซีนั่งอย่างสงบเสงี่ยมเป็นเด็กดีอยู่หน้าเตา ขณะที่หลี่เยว่หานกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับเตา ภาพที่เห็นทำให้เขาอดตกตะลึงไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้…นางสามารถทำได้อย่างไร…