ทะลุมิติไปเป็นหญิงพาลผู้งามเลิศประจำหมู่บ้าน - บทที่ 31 ซื้อขนมหวานให้หลิงซีตัวน้อย
บทที่ 31 ซื้อขนมหวานให้หลิงซีตัวน้อย
“ได้สิ อย่างไรเจ้าก็เป็นหนี้ข้าอยู่หนึ่งพันหนึ่งร้อยตำลึง เรามาคุยถึงเรื่องเงินจำนวนนั้นกันดีหรือไม่?” เมิ่งฉีฮ่วนพูดพลางชันกายลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้เอนนอน “นี่! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการเล่านิทานนอกบ้านหนึ่งรอบเพียงครึ่งชั่วยามนั้น ได้เงินมากเพียงใดกัน?”
หลี่เยว่หานจ้องมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่รู้!”
“หนึ่งรอบเป็นจำนวนเท่านี้” เมิ่งฉีฮ่วนยื่นนิ้วมือทั้งห้านิ้วขึ้นมา
หลี่เยว่หานตาลุกวาวขึ้นมาทันที
“ห้าสิบอีแปะ” เมิ่งฉีฮ่วนพูดขึ้นมาอย่างช้า ๆ
หลี่เยว่หานรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที “เช่นนั้น หากดูตามรายได้ของนักเล่านิทานแล้ว ข้าติดเงินเจ้าหนึ่งพันหนึ่งร้อยตำลึง ต้องคุยกับเจ้านานกี่ชั่วยามกัน!”
“ไม่มากเท่าไหร่ ก็ประมาณสองหมื่นกว่าชั่วยามเท่านั้น” เมิ่งฉีฮ่วนพูดด้วยท่าทางสบาย ๆ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานก็พยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ และคอยบอกตัวเองว่าอย่าโมโห มิเช่นนั้น ชายผู้นี้จะยิ่งได้ใจ!
สองหมื่นกว่าชั่วยาม หนึ่งชั่วยามก็คือสองชั่วโมง เช่นนั้นก็คงเป็นสี่หมื่นกว่าชั่วโมง!
เมื่อนับดี ๆ แล้ว สี่หมื่นชั่วโมงนั่นก็คือหนึ่งพันหกร้อยกว่าวัน และเป็นเวลาสี่ปีเต็ม ๆ !
เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว หลี่เยว่หานจึงขยับจอบในมือต่อไป ดูราวกับต้องการจะทำสวนหลังบ้านให้เสร็จภายในหนึ่งวัน
เมื่อเห็นท่าทางโกรธจนไม่พูดอะไรของหญิงสาวตรงหน้า เมิ่งฉีฮ่วนจึงยิ่งหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ “ไม่คุยเป็นเพื่อนหรือ? สองหมื่นกว่าชั่วยามนั้นผ่านไปเร็วนัก”
‘เร็วกับผีหน่ะสิ! เจ้าเป็นเจ้าหนี้ เป็นคุณปู่ เป็นบรรพบุรุษที่แตะต้องไม่ได้!’
หลี่เยว่หานได้แต่คิดอยู่ภายในใจ แต่กลับไม่มีอะไรแสดงออกมาทางสีหน้า หลังจากนั้น เมิ่งฉีฮ่วนก็รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากจัดการกับพื้นดินได้ประมาณหนึ่งแล้ว หลี่เยว่หานจึงเดินเข้าไปในครัว และนำต้นพริกป่าที่นำกลับมาเมื่อวานไปยังสวนด้านหลัง และค่อย ๆ ปลูกมันทีละต้น
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของนางเช่นนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ “ไม่ต้องการให้ข้าช่วยจริง ๆ หรือ?”
“ไม่ต้อง ขอบใจ!” หลี่เยว่หานตอบด้วยความมั่นใจ
“แต่ถ้าหากไม่ใส่ปุ๋ยให้กับต้นพริกป่าของเจ้า มันอาจจะมีโอกาสน้อยที่จะรอดชีวิตไปได้” เมิ่งฉีฮ่วนพูดพลางเผยรอยยิ้มที่ไม่ชัดเจนบนใบหน้า “ข้าช่วยเจ้ารดน้ำได้”
อ๊วก…
หลี่เยว่หานเกือบจะรู้สึกสะอิดสะเอียนเพราะเมิ่งฉีฮ่วน จึงทำท่าเหมือนกับจะอาเจียนออกมาเมื่อครู่ จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ไม่ต้อง ข้ามีวิธีของข้า!”
ต้นไม้ที่พึ่งถูกย้ายมาปลูกลงดินนั้นไม่สามารถใส่ปุ๋ยได้ มิเช่นนั้นจะทำให้รากเน่าได้ง่าย เรื่องนี้หลี่เยว่หานรู้ดี ยิ่งไปกว่านั้นดินในสวนหลังบ้านนี้มีความอุดมสมบูรณ์มาก รากของต้นพริกป่าที่ถูกขุดออกมานั้นเสียหายอยู่ไม่มากก็น้อย เมื่อนำมาลงดินใหม่ อย่างน้อยต้องให้เวลาต้นพริกป่าในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพดินใหม่ก่อนถึงจะได้
“อาเมิ่ง อาเมิ่ง!” ขณะที่หลี่เยว่หานกำลังตั้งใจกับการนำต้นพริกป่าลงดินทีละต้นนั้น เสียงนุ่มนวลของหลิงซีก็ดังขึ้นมา
เมื่อได้ยินเสียงของเด็กหญิงตัวน้อย แม้แต่หลี่เยว่หานยังอดไม่ได้ที่จะหยุดสิ่งที่กำลังทำลง
เห็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยวิ่งออกมาจากประตู และพุ่งตรงไปยังเมิ่งฉีฮ่วน
“โอ้ เสี่ยวหลิงซีของเราตื่นแล้ว” เมิ่งฉีฮ่วนอุ้มหลิงซีขึ้นมาด้วยแขนเพียงข้างเดียว พลางพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ใช่แล้ว!” หลิงซีพยักหน้ารับ “ข้าตื่นตั้งนานแล้ว กินข้าวแล้ว และก็ล้างจานเองด้วย!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เมิ่งฉีฮ่วนจึงพยักหน้าอย่างชื่นชม “หลิงซีเป็นเด็กดีจริง ๆ!”
“อาเมิ่ง หลิงซีไม่ปวดตาแล้ว” หลิงซีพูดพลางกอดคอของเมิ่งฉีฮ่วนเอาไว้ “อาเมิ่งพาหลิงซีไปซื้อขนมกินหน่อย!”
“ทำเช่นนั้นไม่ได้ ดวงตาของเจ้าไม่เจ็บแล้ว แต่ตอนนี้ยังต้องคอยระวัง กินอะไรไปเรื่อยไม่ได้ ถ้ากินขนม ดวงตาจะเจ็บขึ้นมาอีกครั้ง” เมิ่งฉีฮ่วนพูดหลอกล่อเด็กหญิงตัวน้อย
ใครจะคิดว่าหลิงซีที่ในวันปกติมักจะหลอกล่อได้ง่าย ๆ นั้นกลบไม่ยอมขึ้นมา นางจึงผละออกจากเมิ่งฉีฮ่วนอย่างรวดเร็ว และวิ่งไปยังหลี่เยว่หาน
“พี่สาวหลี่ พี่สาวหลี่ หลิงซีอยากกินขนม!” หลิงซีคว้าชายกระโปรงของหลี่เยว่หานไว้ ใบหน้าเล็ก ๆ เงยหน้าขึ้นมองเธอ หลี่เยว่หานเกือบจะถูกใบหน้าที่น่ารักเช่นนี้โจมตีจนตายไปเสียแล้ว…
“คือว่า…” หลี่เยว่หานพยายามที่จะปฏิเสธ “อาเมิ่งของเจ้าพูดถูกแล้ว ตอนนี้หลิงซียังกินขนมไม่ได้ แต่พี่สาวสัญญาว่า ถ้าเมื่อไหร่หลิงซีกินขนมได้แล้ว พี่สาวจะพาเจ้าไปกินของที่อร่อยยิ่งกว่าขนมอีก ดีหรือไม่?”
“ของที่อร่อยกว่าขนมหรือ?” หลิงซีเบ้ปาก “ยังมีของอร่อยกว่าขนมอีกหรือ?”
“มีสิ!” หลี่เยว่หานย่อตัวลงนั่งพลางมองหลิงซี “รอให้ถึงเวลาที่หลิงซีกินขนมได้แล้ว พี่สาวจะทำถังหูลู่ให้หลิงซีกินดีหรือไม่”
เมื่อได้ยินคำว่าถังหูลู่ หลิงซีจึงมีสายตาลุกวาวขึ้นมา “จริงหรือ! พี่สาวหลี่ทำถังหูลู่เป็นหรือ?”
“จริงสิ”
“ดีเลย! เช่นนั้น ข้าไม่เกลียดท่านแล้ว!” หลิงซีพูดจบ ร่างเล็กก็กระโดดโลดเต้นไปทั่วสวน หลี่เยว่หานเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เมิ่งฉีฮ่วนเห็นหลี่เยว่หานยิ้มแล้ว จึงมองไปยังหลิงซีที่กระโดดโลดเต้นอยู่ในสวน เพราะความดีใจที่หลี่เยว่หานทำถังหูลู่เป็น เขาอดรู้สึกใจอ่อนไม่ได้ และกำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากด้านนอกสวน
“พี่เมิ่ง พี่เมิ่ง ท่านอยู่หรือไม่! พี่เมิ่ง ข้าคือเหอฮวา! ข้ามาดูว่าหลิงซีเป็นเช่นไรบ้าง พี่เมิ่ง ท่านอยู่หรือไม่?”
หลี่เยว่หานก็ได้ยินเสียงนี้เช่นกัน จึงอดมองไปยังเมิ่งฉีฮ่วนไม่ได้ “ไปเถิด เหอฮวาของเจ้ามาหาแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เมิ่งฉีฮ่วนจึงวางกาน้ำชาใบเล็กลง พลันจ้องมองไปยังหลี่เยว่หาน “อิจฉาหรือ?”
“ข้า? อิจฉา?” หลี่เยว่หานหัวเราะออกมา “เจ้าพูดเรื่องตลกใดกัน แม้เจ้าจะมีสัมพันธ์กับหญิงทั้งโลก ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า!”
“…” เมิ่งฉีฮ่วนมองหลี่เยว่หานที่ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สดใส แล้วรู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย หญิงสาวผู้นี้นับว่าเกินไปแล้วจริง ๆ! หรือว่านางจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นไม่ได้จริง ๆ!
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เมิ่งฉีฮ่วนจึงไม่คิดจะพูดอะไรกับหลี่เยว่หานอีก ชายหนุ่มหมุนตัวและเดินออกไปจากสวนหลังบ้านนี้ทันที
“หลิงซี เจ้าไปนั่งบนเก้าอี้เถิด แดดแรงเกินไป อย่าออกมาตากแดดเลย” หลังจากเมิ่งฉีฮ่วนเดินออกไป หลี่เยว่หานจึงถือโอกาสพาเพื่อนตัวน้อยไปอีกด้านหนึ่งทันที
“พี่สาวหลี่ไม่กังวลว่าระหว่างอาเมิ่งกับพี่เหอฮวาจะมีอะไรแม้แต่น้อยเลยหรือ?” หลิงซีค่อย ๆ ปีนไปนั่งตัวตรงบนเก้าอี้นอนเอนของเมิ่งฉีฮ่วนอย่างว่าง่าย
“เหตุใดข้าต้องกังวลใจกัน?” หลี่เยว่หานที่กำลังยุ่งอยู่กับงานในมือ พลางหันมาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่ใช่หรือ ที่พูดอยู่ตลอดว่าโตแล้วจะแต่งงานกับอาเมิ่งของเจ้า เหตุใดจึงไม่กังวลว่าเขากับหวังเหอฮวาจะมีอะไรกัน?”
คิดไม่ถึงว่า เด็กหญิงตัวน้อยจะแสดงสีหน้าที่ดูถูกเหยียดหยามออกมา “ถึงแม้ว่าในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นนี้ พี่เหอฮวาจะถือว่ามีรูปโฉมงดงาม แต่เมื่อเทียบกับท่านแล้ว ท่านยังดูเหมือนปีศาจจิ้งจอกมากกว่าเล็กน้อย ถ้าหากแม้แต่ท่านอาเมิ่งยังไม่สนใจ เขาก็คงยิ่งไม่มองพี่เหอฮวาแน่นอน!”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของเด็กหญิง เท้าของหลี่เยว่หานจึงลื่นจนเกือบจะล้มลง
อะไรที่เรียกว่าเธอเหมือนปีศาจจิ้งจอกมากกว่าเล็กน้อยกัน? เด็กคนนี้…
หากพูดได้ก็พูดให้มากกว่านี้อีกนิดเถิด!
“เจ้าเด็กน้อย เจ้าช่างรู้มากเสียจริง” หลี่เยว่หานปัดดินในมือออก มองไปยังดวงอาทิตย์ จากนั้นจึงพรมน้ำให้ต้นไม้อีกเล็กน้อย และจึงเริ่มล้างไม้ล้างมือ
“ท่านทำงานเสร็จแล้วหรือ?” จู่ ๆ หลิงซีก็ตาลุกวาวขึ้นมา “พวกเราไปจับชู้ที่ห้องโถงกันเถิด!”
“…” หลี่เยว่หานมองเสี่ยวหลิงซีอย่างพูดไม่ออก