ทะลุมิติไปเป็นหญิงพาลผู้งามเลิศประจำหมู่บ้าน - บทที่ 5 แก้แค้น
บทที่ 5 แก้แค้น
อาหญิงโจวตบต้นขาด้วยสีหน้าโกรธเคือง “ไม่ได้การ ข้าไม่อาจทนดูผู้หญิงดี ๆ อย่างเจ้าถูกรังแกเช่นนี้ คราวหน้าเจ้ากับป้าไปที่บ้านของคู่หมั้นเจ้าในเมือง แล้วให้พวกเขามาแต่งเจ้าเข้าตระกูลโดยเร็ว!”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของหลี่เยว่หานก็สว่างขึ้นมาทันที “แต่อาหญิง ข้าไม่รู้ว่าคู่หมั้นของข้าอาศัยอยู่ที่ใด…”
“อะไรนะ เจ้าไม่รู้กระทั่งเรื่องนี้หรือ?” ดวงตาของอาหญิงโจวเบิกกว้าง “ครอบครัวของสามีในอนาคตของเจ้าคือบุตรชายคนโตของตระกูลหลิ่วที่อยู่ในเมือง! ในตอนนั้น แม่ของเจ้าช่วยชีวิตปู่ทวดหลิ่วเอาไว้ และหลังจากนั้นครอบครัวพวกเจ้าทั้งสองก็ตกลงเรื่องงานแต่งครั้งนี้ด้วยกัน ตระกูลหลิ่วเป็นตระกูลใหญ่ในอำเภอหย่งหนิง พวกเราทุกคนรู้ว่าจวนเขาอยู่ที่ไหน แต่เจ้าไม่รู้หรือ?”
“ข้า…ข้ารู้…” หลี่เยว่หานรีบปกปิด “เมื่อเช้านี้ หรงหรงกระชากหัวของข้า หลังกระแทกหัวกับพื้น ข้ารู้สึกเบลอเล็กน้อยและยังงุนงงอยู่บ้าง”
เมื่อได้ยินเหตุผลของอีกฝ่าย อาหญิงโจวก็คว้ามือของหลี่เยว่หานมากุมไว้ด้วยความเศร้าใจ “แม่เลี้ยงของเจ้าดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้าด้วยได้ยาก ตอนนี้เจ้าพบครอบครัวและสามีที่ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ทนทุกข์ทรมานที่นี่แล้ว รีบแต่งไปกับคนที่มั่นคงและไปเป็นฮูหยินน้อยของบ้านนั้นซะ”
หลี่เยว่หานตอบรับ แต่ในใจเธอไม่ได้คิดเช่นนั้น
หากตระกูลหลิ่วยังคงคิดเกี่ยวกับการแต่งงานครั้งนี้จริง ๆ ทางหลี่เยว่หานก็อายุสิบห้าปีแล้ว โตพอที่จะแต่งงาน เหตุใดจึงไม่มีใครมาสู่ขออีกเล่า?
เกรงว่าอีกฝ่ายจะคิดหาข้ออ้าง ปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้อยู่ลับหลังเสียมากกว่า!
ท้ายที่สุด ตระกูลหลิ่วก็เป็นครอบครัวใหญ่ในอำเภอหย่งหนิง ส่วนตระกูลหลี่เป็นเพียงคนยากจนที่มีขาเปื้อนโคลนในหมู่บ้านเฮยถู่
แม้ว่าจะมีบุญคุณช่วยชีวิต แต่หากตระกูลหลิ่วยังคงคิดถึงบุญคุณนี้ พวกเขาจะไม่ปล่อยให้หลี่เยว่หานถูกหวังเฟิ่งรังแกเช่นนี้
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องที่แม่เลี้ยงทำร้ายเจ้าของร่างเดิม ก็ไม่ได้เป็นความลับใหญ่ในหมู่บ้านเฮยถู่ หากมีใครคิดมาซักถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างละเอียดจริง ก็ย่อมรู้ได้อย่างง่ายดาย
แต่จนถึงตอนนี้ หวังเฟิ่งยังคงคิดถึงเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ จึงอาจมีบางอย่างที่เธอไม่รู้
หญิงสาวเก็บผักบางส่วนและกลับไปที่บ้านหลี่ ในขณะที่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเธอกำลังจะจุดไฟ เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ด้านนอกประตู
โดยสัญชาตญาณ หลี่เยว่หานหยุดสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ แล้วเขย่งเท้าย่องไปที่ประตูห้องครัว ก่อนตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวข้างนอก
“ท่านแม่ นี่จะไม่เป็นไรจริง ๆ หรือ? ” เป็นเสียงของพวกหลี่หรงหรง ทั้งสองคนต้องการทำอะไรกันแน่?
“จริงสิ แม่บอกว่าจริง มันจะไม่เป็นไร นังเด็กน่าตายหลี่เยว่หานวันนี้เหมือนกลายเป็นคนละคน แม่เป็นห่วงว่าเรื่องดี ๆ ของเจ้ากับคุณชายใหญ่หลิ่วจะถูกทำลายลงโดยนาง เจ้าไม่ได้บอกว่าในใจคุณชายใหญ่หลิ่วมีแค่เจ้าหรือ? แม่ส่งจดหมายไปที่อำเภอแล้ว รับรองได้ว่าคุณชายใหญ่หลิ่วจะมาอยู่ที่บ้านเราในวันนี้!”
หลี่เยว่หานซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังประตู ได้ยินการสนทนาทั้งหมดระหว่างแม่และลูกสาว เธออดที่จะสงสัยไม่ได้
จากสิ่งที่หวังเฟิ่งพูด คุณชายใหญ่หลิ่วซึ่งหมั้นหมายกับเจ้าของร่างเดิมกำลังมีความสัมพันธ์กับหลี่หรงหรง โดยเจ้าของร่างเดิมอาจไม่รู้เรื่องนี้
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หวังเฟิ่งจะกระวนกระวาย และอยากขัดขวางการแต่งงานของเจ้าของร่างเดิมขนาดนี้ ปรากฏว่านางกลัวว่าถ้าไม่ยอมเสียลูกก็จะไม่ได้หมาป่า
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลี่เยว่หานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าแทนเจ้าของร่างเดิม
เมื่อพิจารณาจากความทรงจำเดียวที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งไว้ให้เธอ นางได้พยายามประจบประแจงหวังเฟิ่ง แต่นางไม่รู้ว่าหวังเฟิ่งจะโหดร้ายกับนางถึงเพียงนี้
เอาล่ะ ในเมื่อเธอมายังโลกของนาง และอาศัยอยู่ในร่างของนาง ดั้งนั้นเธอก็จะแบกรับความเกลียดชังของอีกฝ่ายไว้เอง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลี่เยว่หานก็ผลักประตูครัวและเดินออกไป “พวกท่านอยู่กันครบเลยหรือ?”
เห็นได้ชัดว่าสองแม่ลูก ไม่ได้คาดหวังว่าหลี่เยว่หานจะกลับมาจากแปลงผักเร็วเช่นนี้ หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่งหวังเฟิ่งก็ขมวดคิ้ว “อาหารพร้อมแล้วหรือยัง?”
“ยัง” หลี่เยว่หานพูดตามตรง “ข้าไม่อยากทำ”
“นังเด็กไร้ประโยชน์!” หวังเฟิ่งซึ่งเดิมคิดว่าหลี่เยว่หานดูเหมือนคนละคนพลันโกรธมาก และยกมือขึ้นตบหน้าหลี่เยว่หาน
หลี่เยว่หานก้าวไปด้านข้าง การตบของหวังเฟิ่งจึงไม่เพียงพลาดเท่านั้น แต่แรงของการตบทำให้ร่างกายของนางหมุนไปรอบ ๆ จนเกือบจะล้มลงกับพื้น
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลี่หรงหรงก็รีบเข้าไปพยุงแม่ของนาง จากนั้นก็จ้องมองไปที่หลี่เยว่หานพลางพูดอย่างโกรธ เคืองว่า “หลี่เยว่หาน! เจ้าทำกับแม่ของข้าเช่นนี้ได้อย่างไร!”
“เจ้าบอกเองว่าเป็นแม่ของเจ้า แล้วทำไมข้าจะปฏิบัติกับนางเช่นนี้ไม่ได้?” หลี่เยว่หานพูดพลางเอียงคอมองหลี่หรงหรง “ตั้งแต่พวกเจ้าสองคนแม่ลูกเข้ามาในประตูบ้านหลี่ของข้า กินดื่มใช้ของข้า สวมเสื้อผ้าของข้าและเอาเสื้อผ้าของข้าไป แล้วตอนนี้เจ้ายังอยากจะขโมยการแต่งงานของข้าไปด้วย ช่างเป็นความคิดที่ดีจริง ๆ”
แม้ว่าหลี่เยว่หานจะไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อคุณชายใหญ่หลิ่วที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเรื่องที่นางจะป้องกันไม่ให้หลี่หรงหรงประสบความสำเร็จกับสิ่งที่จะทำแม้แต่น้อย
“นังบ้า เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องเหลวไหลอันใด!” เมื่อเห็นว่าหลี่เยว่หานพูดโดยไม่ลังเล หวังเฟิ่งก็รู้ว่าการสนทนากับหลี่หรงหรงเมื่อครู่ถูกหลี่เยว่หานได้ยินเข้าแล้ว “เจ้าเป็นขยะอันใดยังไม่รู้อยู่แก่ใจอีกรึ! ข้าให้หรงเอ๋อร์เป็นสหายกับคุณชายใหญ่หลิ่ว ไม่ใช่เพื่อหน้าตาของตระกูลหลี่หรือ!”
“ข้าไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าวันหนึ่งคำพูดเช่นนี้จะออกมาจากปากของท่าน” หลี่เยว่หานยืนตัวตรงและมองไปที่หวังเฟิ่ง “ถ้าท่านต้องการหน้าตา ทำไมท่านถึงยุยงลูกสาวของท่านให้ไปล่อลวงพี่เขยของนาง? จิ๊ ๆๆ ถ้าข้าจำไม่ผิดหลี่หรงหรงไม่บริสุทธิ์แล้วไม่ใช่หรือ?”
ประโยคสุดท้ายเป็นเรื่องไร้สาระของหลี่เยว่หานเอง แต่เธอไม่คาดคิดว่าใบหน้าของสองแม่ลูกจะเปลี่ยนสีก่อนที่เธอจะพูดจบด้วยซ้ำ
“เจ้า…เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องเหลวไหลอะไร! เป็นไปได้อย่างไร…ข้าจะเป็นเหมือนเจ้าได้อย่างไร!” หลี่หรงหรงกัดฟันและโต้กลับ “ข้า…ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้นนะ!”
“แล้วทำไมเจ้าถึงพูดติดอ่าง?” หลี่เยว่หานถามกลับ
“ถูกแล้ว!” หวังเฟิ่งลุกขึ้นยืน ซึ่งเมื่อนางมองไปที่หลี่เยว่หานอีกครั้ง นางก็กลับคืนสู่ความสงบแล้ว ทั้งการแสดงออกของนางยังมีร่องรอยของการประจบ “ทว่า หรงเอ๋อร์เป็นน้องสาวของเจ้า ท้ายที่สุดถ้าคุณชายใหญ่หลิ่วไม่มาหาเจ้า เขาคงไม่เข้าใจผิดว่าหรงเอ๋อร์เป็นเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าหมายความว่าการที่หลี่หรงหรงและคุณชายใหญ่หลิ่วมีความสัมพันธ์กันเป็นความรับผิดชอบของข้างั้นหรือ?”
หลี่เยว่หานไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าเธอแค่พูดสุ่ม ๆ ไป ทั้งสองคนกลับสารภาพออกมาและโต้กลับอย่างรวดเร็วเช่นนี้
น่าเสียดายที่หลี่เยว่หานไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น “ถ้าคุณชายใหญ่หลิ่วมาหาหลี่หรงหรง ถึงเวลานั้นข้าต้องเตรียมเตียงให้พวกเขาด้วยหรือไม่?”
“หลี่เยว่หาน! เจ้าลองพูดเรื่องเหลวไหลอีกสิ ดูสิว่าวันนี้ข้าจะไม่ได้ฉีกปากเจ้าเป็นชิ้น ๆ หรือไม่!” หลี่หรงหรงไม่เคยถูกหลี่เยว่หานดูถูกเช่นนี้มาก่อน ซึ่งตอนนี้นางโกรธมากจนอยากจะฉีกปากอีกฝ่ายออก แต่เป็นหวั่งเฟิ่งที่หยุดนางไว้
“ไม่ว่าเจ้าจะรับผิดชอบหรือไม่ คุณชายใหญ่หลิ่วก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี” หวังเฟิ่งกล่าวด้วยสีหน้าสงบ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะต้องการให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นก่อนการแต่งงานของเจ้า ถึงเวลานั้นไม่เพียงหรงเอ๋อร์จะแต่งงานไม่ได้ แม้แต่เจ้าก็มิอาจแต่งออกไป”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลี่เยว่หานก็อดที่จะหรี่ตาไม่ได้