ทะลุมิติไปเป็นหญิงพาลผู้งามเลิศประจำหมู่บ้าน - บทที่ 6 ข้าปราถนาเลือกคู่ครองด้วยตนเอง
บทที่ 6 ข้าปราถนาเลือกคู่ครองด้วยตนเอง
ในยุคโบราณเช่นนี้ การสมรสจะถูกกำหนดโดยคำสั่งของบิดามารดา โดยมีแม่สื่อเป็นผู้จัดการทุกขั้นตอน หากหญิงสาวคิดจะขัดขวางเรื่องระหว่างหลี่หรงหรงและคุณชายใหญ่ตระกูลหลิ่ว ไม่แน่ว่าหวังเฟิ่งอาจจะให้เธอสมรสกับพ่อม่ายจริง ๆ ก็เป็นได้
แต่สิ่งที่หลี่เยว่หานต้องการนั้นไม่ใช่สิ่งนี้!
เธอมาที่นี่อย่างไม่รู้เรื่องราวใด ๆ แต่เดิมก็ไม่คิดที่จะอยากสมรสกับผู้ใดอยู่แล้ว!
“ย่อมได้ ตราบใดที่ท่านให้ข้าจัดการเรื่องการแต่งงานของข้าเอง ไม่ว่าหลี่หรงหรงจะอยากสมรสกับคุณชายใหญ่หรือคุณชายรองตระกูลหลิ่วนั้น ก็ไม่เกี่ยวกับข้า” หลี่เยว่หานยักไหล่ทั้งสองข้างด้วยใบหน้าที่ไม่แยแสนัก
“หลี่เยว่หาน! หากเจ้าไม่รู้จะพูดสิ่งใดก็จงหุบปากไปซะ!” หลี่หรงหรงรู้สึกโมโหจนแทบบ้า
หากไม่เป็นเพราะหวังเฟิ่งที่ขวางไว้ หลี่หรงหรงอาจจะกระโจนพุ่งเข้าไปฉีกทึ้งนางเสียแล้ว
เมื่อเห็นหลี่เยว่หานคลายกังวลลง สีหน้าของหวังเฟิ่งจึงดูผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย พูดตามตรงนางยังคงกังวลว่าหญิงสาวผู้นี้จะหลอกไม่ได้ง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม ตระกูลหลิ่วนั้นนับว่าเป็นตระกูลใหญ่ในเขตนี้ เมื่อแต่งเข้าไปก็จะได้เป็นถึงฮูหยินน้อย หากเรื่องดี ๆ เช่นนี้ไปตกอยู่ในมือหลี่เยว่หาน หวังเฟิ่งอาจจะไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ เลยก็เป็นได้!
“เยว่หาน เจ้ารีบไปเตรียมอาหารเสียเถิด คืนนี้คุณชายหลิ่วจะมาประทานอาหารด้วย เจ้าเตรียมอาหารให้หลากหลายเสียหน่อย” หวังเฟิ่งพยายามควบคุมสีหน้าของตนให้ดูสงบที่สุด
“ข้าบอกแล้ว ข้าไม่อยากทำ หากพวกท่านต้องการต้อนรับคุณชายใหญ่หลิ่วนั่น พวกท่านก็ลงมือเองก็แล้วกัน” หลี่เยว่หานพูดพลางหมุนตัวเดินออกไป “ในเมื่อข้าปล่อยเรื่องการสมรสระหว่างตระกูลหลิ่วให้พวกท่านแล้ว หากมายุ่งกับข้าอีก ข้าก็จะไม่คิดเกรงใจ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังเฟิ่งรู้สึกโมโหจนแทบบ้า แต่กลับยังคงอดกลั้นเอาไว้
ไม่เพียงแต่ต้องอดกลั้น แต่ยังต้องคอยพูดจาปลอบหลี่หรงหรงที่อยู่ในอาการโมโหเช่นกัน
“ท่านแม่! ทำไมเราต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้พอใจด้วย!” สายตาของหลี่หรงหรงมองไปยังหลี่เยว่หานที่เดินเข้าไปในห้องของนาง ก็รู้สึกอยากเหยียบนางให้จมดินไปซะ!
“เด็กน้อย เมื่อมองในตอนแรก ยัยเด็กนั่นดูเหมือนจะเก่งอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าหากนางฉลาดมากพอ เหตุใดจึงยอมปล่อยมือเรื่องการแต่งงานระหว่างตระกูลหลิ่วไปง่าย ๆ เช่นนี้เล่า” หวังเฟิ่งพูดปลอบหลี่หรงหรง “เราย่อมรู้ดีว่าเงินทองของตระกูลหลิ่วนั้นมีมากมายเป็นภูเขาเงินภูเขาทอง เมื่อหลี่เยว่หานยอมหลีกทาง จึงนับว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะคว้ามา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่หรงหรงจึงค่อย ๆ มีท่าทีสงบลง “แต่ว่า…หลี่เยว่หาน เราจะเชื่อใจนางได้หรือ?”
“เชื่อไม่ได้แล้วอย่างไรกัน!” หวังเฟิ่งพูดพลางยื่นมือออกมาลูบหน้าท้องของหลี่หรงหรง “คืนนี้ เพียงแค่เจ้าตั้งครรภ์ลูกชายให้คุณชายใหญ่หลิ่วได้ เจ้าก็จะได้เป็นฮูหยินน้อยแห่งตระกูลหลิ่ว!”
“ท่านแม่…” หลี่หรงหรงได้ยินเช่นนั้น ก็ทำให้พวงแก้มทั้งสองข้างของนางมีสีเลือดฝาดขึ้นมา
หลี่เยว่หานที่แอบฟังอยู่ตรงประตูนั้น คิดไม่ถึงว่าสองแม่ลูกจะมีแผนการที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้ หญิงสาวอดแปลกใจขึ้นมาไม่ได้
ไม่รู้ว่า ถ้าหากหลี่ต้าเฉิงได้รู้ว่าคู่หมั้นของหลี่เยว่หานนั้น มีความเกี่ยวข้องกับหลี่หรงหรง จะมีปฏิกิริยาเช่นไร
เมื่อคิดถึงตรงจุดนี้ หลี่เยว่หานจึงเกิดแผนการบางอย่างขึ้นมา
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหลี่ต้าเฉิงกลับมาถึงบ้าน หน้าประตูทางเข้าบ้านมีรถม้ามาจอดเทียบอยู่พอดี เมื่อมองดูดี ๆ แล้ว จึงได้รู้ว่าเป็นรถม้าของตระกูลหลิ่ว
“ต้าเฉิง รีบให้เจ้าหนุ่มตระกูลหลิ่วสมรสกับเยว่หานเสียทีเถิด! เช่นนี้ ชายชราอย่างเจ้าก็จะได้เสวยสุขเสียที มาทำงานกับพวกเราคนจนทั้งวันเช่นนี้ ช่างน่าขายหน้าเสียจริง!” คนในหมู่บ้านอดพูดเยาะเย้ยหลี่ต้าเฉิงขึ้นมาไม่ได้
“ไป ๆ พูดเรื่องไร้สาระใดกัน เยว่หานของเราอายุอานามเพียงแค่สิบห้าปี นับว่ายังเร็วไปนัก! อายุสิบหกปีค่อยพูดกันอีกครั้ง!” ถึงแม้ว่าหลี่ต้าเฉิงจะต้องการให้หลี่เยว่หานรีบแต่งออกไป แต่มารดาแท้ ๆ ของหลี่เยว่หานเคยพูดไว้แล้วว่า เมื่อนางอายุสิบหกปีบริบูรณ์จึงจะสามารถให้สมรสออกไปได้
ตอนนี้ผู้เฒ่าตระกูลหลิ่วยังนับว่าเมตตา จึงยังไม่มีผู้ใดกล้าพูดเรื่องนี้มากนัก
เมื่อเข้าประตูเรือนมา หลี่ต้าเฉิงจึงได้เห็นหลี่หรงหรงและหลิ่วจื้อหย่วนนั่งอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิดโดยไม่รู้ว่ากำลังพูดเรื่องใดกันอยู่ หวังเฟิ่งก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด ในทางกลับกันหลี่เยว่หานกลับเป็นฝ่ายนั่งอยูด้านข้าง คอยรินน้ำชาให้ทั้งสองด้วยท่าทางระมัดระวัง
“หรงหรง! เหตุใดเจ้าจึงใกล้ชิดกับพี่เขยในอนาคตของเจ้าเช่นนั้นกัน!” หลี่ต้าเฉิงโมโหขึ้นมาทันที
หลี่หรงหรงที่ถูกหลี่ต้าเฉิงตะคอกเสียงดังใส่ หวาดกลัวจนชันกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันที
หลี่เยว่หานที่เตรียมตัวไว้ก่อนแล้วนั้น เมื่อหลี่หรงหรงลุกขึ้นยืน นางจึงถูกหลี่หรงหรงชนจนล้มลงบนพื้นอย่าง ‘บังเอิญ’ พอดี ทำให้กาน้ำชาในมือทั้งหมดหกราดบนร่างกายของตน
อย่างไรก็เป็นบุตรสาวของตน และยิ่งอยู่ต่อหน้าคุณชายใหญ่หลิ่วเช่นนี้ หลี่ต้าเฉิงจึงรีบวางอุปกรณ์ในมือลง และก้าวไปหาหลี่เยว่หานพลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เยว่หาน เป็นอย่างไรบ้างลูก ร้อนมากหรือไม่?”
หลี่เยว่หานแอบหยิกขาของตน และพยายามบีบน้ำตาให้เอ่อล้นออกมาอยู่รอบ ๆ ดวงตา จากนั้นจึงส่ายศีรษะเบา ๆ “ข้าไม่เป็นอันใด”
เมื่อเห็นใบหน้าดูน้อยอกน้อยใจของหลี่เยว่หาน หลี่ต้าเฉิงจึงรู้สึกโมโหจนหันไปมองหลี่หรงหรงทันที “มัวยืนอึ้งอะไรอยู่! รีบไปนำเสื้อผ้ามาให้พี่สาวเจ้าเปลี่ยนเสียสิ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานจึงแอบยิ้มเยาะอยู่ภายในใจ
หลี่เยว่หานไม่ได้มีเสื้อผ้าอะไรมากนัก ชุดที่นางสวมใส่อยู่ตอนนี้ล้วนเป็นเสื้อผ้าใต้ตู้ของหลี่หรงหรงที่ไม่ใช้แล้ว และเมื่อหลี่ต้าเฉิงไหว้วานให้นางไปหยิบเสื้อผ้า ต่อหน้าหลิ่วจื้อหย่วนเช่นนี้ หลี่หรงหรงจึงไม่กล้านำเสื้อผ้าเก่า ๆ เหล่านั้นออกมา
ชาเพียงเหยือกเดียวสามารถแลกกับเสื้อผ้าดี ๆ ได้ หลี่เยว่หานคิดว่าการแลกเปลี่ยนเช่นนี้ไม่แย่นัก
ในขณะนั้นเอง หวังเฟิ่งกำลังจัดเตรียมอาหารอยู่ในห้องครัว เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิ่วจื้อหย่วนเช่นนี้ หลี่หรงหรงจึงไม่กล้าพูดแก้ตัวใด ๆ นางทำได้เพียงเดินไปยังห้องนอนของตนอย่างไม่เต็มใจ พร้อมกับหยิบเสื้อผ้ากลางใหม่กลางเก่าออกมาหนึ่งชุด
เดิมทีหลิ่วจื้อหย่วนไม่ได้มีความรู้สึกใด ๆ ต่อหลี่เยว่หาน และเมื่อยิ่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหลี่หรงหรงไปแล้วนั้น ชายหนุ่มยิ่งไม่เห็นหลี่เยว่หานอยู่ในสายตา
แต่ในตอนนี้ หลี่เยว่หานที่เปียกชุ่มจนมองเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่สวยงามไปทั่วทั้งร่างนั้น กลับทำให้หลิ่วจื้อหย่วนมีความคิดบางอย่างขึ้นมา จึงรีบสั่งคนให้นำเสื้อคลุมของตนมาคลุมปกปิดร่างของหญิงสาวเอาไว้ทันที
“จะเป็นหวัดเอาได้” บนใบหน้าของหลิ่วจื้อหย่วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เจ้าตัวคิดว่าสุภาพอ่อนโยน แต่หารู้ไม่ว่าสำหรับหลี่เยว่หานแล้ว มันเป็นรอยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งนัก
“ขอบคุณในความหวังดีของคุณชายใหญ่….” หลี่เยว่หานไม่อยากพูดคุยกับหลิ่วจื้อหย่วนมากนัก โชคดีที่หลี่หรงหรงรู้สึกกังวลว่าเธอจะถือโอกาสในตอนที่นางไม่อยู่เกลี้ยกล่อมหลิ่วจื้อหย่วน ดังนั้นจึงรีบหยิบเสื้อผ้าและวิ่งเหยาะ ๆ ออกไป
เมื่อเห็นหลี่เยว่หานใช้เสื้อคลุมของหลิ่วจื้อหย่วนคลุมร่างกายไว้ หลี่หรงหรงจึงมีสีหน้าเปลี่ยนไป
ไม่รอให้หลี่หรงหรงแสดงอาการใด ๆ หลี่เยว่หานมีสติมากพอที่จะคว้าเสื้อผ้าบนมือของหลี่หรงหรงมา หันไปโค้งคำนับต่อหลิ่วจื้อหย่วน จากนั้นจึงหมุนตัวและกลับไปยังห้องของตนทันที
เมื่อเห็นแววตาหมกมุ่นของหลิ่วจื้อหย่วน ภายในใจของหลี่หรงหรงจึงเกิดความเกลียดชังขึ้นมา!
หลี่เยว่หานเดินเข้ามาภายในห้องของเธอ ก็รู้สึกรังเกียจเสื้อคลุมบนร่างจนโยนมันออกไปอีกด้านหนึ่ง และเปลี่ยนชุดเปียกชื้นบนร่างกายให้เป็นชุดใหม่
วันนี้ทั้งวันเปลี่ยนเสื้อผ้าหลายชุดจนรู้สึกเหนื่อยจริง ๆ
“ต้องขออภัยคุณชายหลิ่ว” เมื่อเห็นหลี่เยว่หานไม่ออกมาจากห้องเป็นเวลานาน หลี่หรงหรงจึงรีบเลียนแบบท่าทางของหลี่เยว่หานเมื่อครู่ทันที หลังจากเดินเข้าไปคำนับต่อหลิ่วจื้อหย่วน พลางพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พี่สาวมีนิสัยค่อนข้างขี้อาย เกรงว่าจะไม่กล้าออกมาสู้หน้าคุณชายหลิ่วเสียแล้ว”
“ไม่เป็นไร ๆ” ภายในสมองของหลิ่วจื้อหย่วนเต็มไปด้วยภาพเรือนร่างที่งดงามของหลี่เยว่หาน เขาจึงไม่สนใจเรื่องเหล่านี้นัก
เพราะหลิ่วจื้อหย่วนยังอยู่ ดังนั้นหลี่ต้าเฉิงจึงรีบเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทันที เกรงว่าจะเป็นการไม่ให้เกียรติต่อแขกผู้นี้
เมื่อหลี่ต้าเฉิงอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสะอาดสะอ้านและออกมา จึงบังเอิญได้เห็นภาพที่หลิ่วจื้อหย่วนกำลังโอบกอดหลี่หรงหรงไว้ด้วยท่าทางรีบร้อน พลางช้อนคางของนางขึ้นมาและประทับริมฝีปากลงไป