ทะลุมิติไปเป็นหญิงพาลผู้งามเลิศประจำหมู่บ้าน - บทที่ 7 ข้าสามารถรับทั้งสองคนเป็นภรรยาได้
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นหญิงพาลผู้งามเลิศประจำหมู่บ้าน
- บทที่ 7 ข้าสามารถรับทั้งสองคนเป็นภรรยาได้
บทที่ 7 ข้าสามารถรับทั้งสองคนเป็นภรรยาได้
“ท่านพ่อ ท่านตะโกนเพราะเหตุใด” หลี่เยว่หาน ‘บังเอิญ’ ปรากฏตัวออกมาอย่างพอเหมาะ
หลี่ต้าเฉิงไม่สนใจหลี่เยว่หาน แต่กลับสาวท้าวไปยังหลี่หรงหรงพลางเอื้อมมือไปดึงตัวนางออกมาจากอ้อมกอดของหลิ่วจื้อหย่วนมาไว้ข้างตนแทน เขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าบึ้งตึงพลางพูดขึ้นว่า “คุณชายใหญ่หลิ่วเดินทางมาไกล ไม่คิดว่าหรงหรงจะทำให้ขายหน้า ทำให้ท่านต้องพบกับเรื่องตลกเช่นนี้!”
“…” หลิ่วจื้อหย่วนเองก็รู้สึกตกใจกับเสียงตะโกนของหลี่ต้าเฉิงไม่น้อย และยังต้องเผชิญกับคำขอโทษที่ดูแข็งกร้าวเช่นนี้ ในตอนนี้เขาจึงไม่รู้ว่าควรจะทำตัวเช่นไร
หลี่เยว่หานก้าวออกมาด้านหน้า ประคองหลี่หรงหรงขึ้นมา จากนั้นจึงหันไปพูดกับหลี่ต้าเฉิง “ท่านพ่อ จริง ๆ แล้ว ลูกรู้ทุกอย่าง”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าวเช่นนั้น หลี่ต้าเฉิงจ้องมองไปยังหลี่เยว่หานอย่างคาดไม่ถึง
“ในเมื่อหรงหรงและคุณชายใหญ่หลิ่วมีใจให้กัน จะให้หรงหรงแต่งกับคุณชายหลิ่วนั้นก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แม่เลี้ยงรับปากข้าแล้วว่าจะให้ข้าเลือกสามีในอนาคตได้ด้วยตนเอง” หลี่เยว่หานพูดด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร! การแต่งงานครั้งนี้เป็นการแต่งงานที่แม่แท้ ๆ ของเจ้าจัดเตรียมไว้ให้เจ้า!” ถึงแม้หลี่ต้าเฉิงจะไม่สนใจเรื่องภายในครอบครัวมากนัก แต่สำหรับแม่ของหลี่เยว่หานแล้ว เขายังคงมีความรักความผูกพันหลงเหลืออยู่
“ลูกรู้ดีเจ้าค่ะ” หลี่เยว่หานขานรับหลี่ต้าเฉิงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือข้างหนึ่งลูบศีรษะของหลี่หรงหรงอย่างเบามือ ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยท่าทีของพี่สาวที่รักน้องยิ่ง “แต่ลูกก็ไม่สามารถทนเห็นน้องสาวต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงได้เช่นกัน”
หลี่ต้าเฉิงชะงักไปทันที
“เยว่หาน เจ้าพูด…เจ้าพูดเรื่องใดกัน?”
“ท่านพ่อ เรื่องที่ชัดเจนกว่านี้ท่านต้องไปถามแม่เลี้ยงดูแล้ว หรงหรงเองก็คงจะลำบากใจที่จะพูด” เมื่อหลี่เยว่หานพูดจบ ก็อดยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “การแต่งงานครั้งนี้ข้ายอมถอยออกมาแล้ว ส่วนเรื่องการแต่งงานของข้าหลังจากนี้ข้าจะจัดการเอง”
เมื่อพูดจบ หลี่เยว่หานจึงหมุนตัวเดินกลับห้องพักของตนไป เมื่อปิดประตูสนิทแล้ว หญิงสาวจึงรีบเอาหูแนบกับประตูเพื่อฟังความเคลื่อนไหวด้านนอก
“หลี่หรงหรง! เจ้าอธิบายให้ข้าฟังชัด ๆ! สิ่งที่พี่สาวเจ้าพูดนั้นหมายความว่าเช่นไร!” หลี่ต้าเฉิงตะโกนขึ้นมาด้วยความโมโห
หลิ่วจื้อหย่วนรีบโอบกอดหลี่หรงหรงไว้ข้างกายทันที พลางพูดเกลี่ยกล่อมอีกฝ่าย “เอ่อ ท่านลุงหลี่ ถึงแม้เรื่องระหว่างข้าและหรงหรงมันจะช่วยไม่ได้แล้วจริง ๆ แต่ข้าก็จริงใจต่อเยว่หานเช่นกัน หรือว่าจะเป็นเช่นนี้ เยว่หานแต่งเป็นภรรยาเอก ส่วนหรงหรงนั้นข้าจะรับไว้เป็นอนุดีหรือไม่?”
“ไม่ได้!” หลี่ต้าเฉิงปฏิเสธเสียงกร้าว “ถ้าหากทั้งพี่ทั้งน้องแต่งกับเจ้า คนนอกจะมองพวกเราตระกูลหลี่เช่นไร!”
หลี่ต้าเฉิงเป็นคนหนึ่งที่ห่วงภาพลักษณ์ของตนยิ่งนัก จึงไม่ยอมให้เรื่องที่พี่น้องสองคนสมรสกับบุรุษคนเดียวกันเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด!
และยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานะของตระกูลหลิ่วว่าเป็นเช่นไร หลี่เยว่หานทำการหมั้นหมายไว้ก่อนหน้านี้ก็เพราะว่าตอบแทนผู้มีพระคุณเท่านั้น แต่หลี่หรงหรง…
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สายตาของหลี่ต้าเฉิงจึงไปตกอยู่บนร่างของหลี่หรงหรง ที่ขดตัวหลบอยู่ด้านหลังของหลิ่วจื้อหย่วน พลางพูดขึ้นมา “นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตระกูลหลี่ไม่มีบุตรสาวเช่นเจ้าแล้ว!”
หวังเฟิ่งที่พึ่งเตรียมอาหารทุกอย่างเสร็จออกมาได้ยินคำพูดดังกล่าว จึงรีบเดินเข้ามาด้วยความร้อนใจ “ท่านพี่ ท่านกำลังพูดเรื่องใดกัน!”
“เจ้าถามบุตรสาวเจ้าจะดีกว่า ว่ากำลังทำสิ่งใดอยู่!” หลี่ต้าเฉิงโมโหจนสะบัดมือออก
หลี่หรงหรงหลบอยู่ด้านหลังของหลิ่วจื้อหย่วน พยายามดึงชายเสื้อของหลิ่วจื้อหย่วนเพื่อหวังให้เขาพูดสิ่งใดออกมาสักเล็กน้อย แต่หลิ่วจื้อหย่วนเป็นถึงคุณชายใหญ่ ไม่เคยมีผู้ใดบันดาลโทสะต่อหน้าเขาเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นในตอนนี้ เขาจึงพูดอะไรไม่ออก
ความคิดของหวังเฟิ่งเรียบเรียงได้อย่างรวดเร็ว เมื่อสายตามองเห็นหลี่หรงหรงที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังหลิ่วจื้อหย่วน ทำให้หลี่ต้าเฉิงโมโหจนมีท่าทางเช่นนี้ จึงเดาออกได้ในทันทีว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร
“ท่านพี่ ท่านอย่าโมโหไปเลย เรื่องของเด็ก ๆ ก็ควรให้พวกเขาได้จัดการกันเองมิใช่หรือ” หวังเฟิ่งลูบแผ่นหลังของหลี่ต้าเฉิงอย่างเบามือพลางเกลี้ยกล่อม “จะพูดอีกอย่างก็คือ เรื่องการแต่งงานระหว่างเยว่หานกับคุณชายใหญ่หลิ่วนั้น เรื่องนี้จะจัดการเช่นไร ก็ขึ้นอยู่กับเยว่หานมิใช่หรือ”
“เจ้ายังกล้าพูดถึงเยว่หานอีกหรือ!” หลี่ต้าเฉิงราวกับถูกจุดไฟให้ระเบิดออกมาอีกครั้ง
“เยว่หานคงคิดไม่ถึง ว่าลูกสาวของเจ้าจะมีสามีเป็นคู่หมั้นของตัวเอง เจ้ารู้หรือไม่ว่านางเสียใจมากเพียงใด!” หลี่ต้าเฉิงพูดด้วยความโมโห “ถึงแม้นางจะพูดไปว่า จะยกงานแต่งครั้งนี้ให้แก่หรงหรง! และการแต่งงานหลังจากนี้นางจะจัดการทุกอย่างเอง! เจ้ารู้หรือไม่ ข้าผู้เป็นพ่อได้ยินเช่นนี้แล้วรู้สึกเจ็บปวดมากเพียงใด!”
หวังเฟิ่งคิดไม่ถึงว่าหลี่เยว่หานจะทำเช่นนี้มาก่อน จึงรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง “นี่…นี่…ทำให้หรงหรงไม่สามารถแต่งงานได้หรือ?”
“หวังเฟิ่ง! เป็นเพราะแม่แท้ ๆ ของเยว่หาน นางขอเปลี่ยนบุญคุณในการช่วยชีวิตเป็นการแต่งงาน!” หลี่ต้าเฉิงพูดด้วยความโมโห “เรื่องนี้สามารถเปลี่ยนกันได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ!”
“ท่านพี่ เช่นนั้นท่านก็ต้องคิดเผื่อหรงหรงบ้าง!” หวังเฟิ่งพูดพลางชี้นิ้วไปยังหลี่หรงหรงที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังหลิ่วจื้อหย่วน “ตอนนี้หรงหรงก็เป็นคนของคุณชายใหญ่หลิ่วแล้ว ท่านคิดว่านางจะสามารถแต่งกับผู้อื่นได้หรือ? คุณชายใหญ่หลิ่วจะยอมอย่างนั้นหรือ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่หรงหรงจึงรีบสะกิดแผ่นหลังของหลิ่วจื้อหย่วนทันที
หลิ่วจื้อหย่วนไม่คิดว่าจะเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เมื่อคิดดูแล้ว ถ้าหากตอนนี้ไม่ทำตามที่ตระกูลหลี่พูดล่ะก็ ถ้าหากพวกเขานำเรื่องนี้ไปพูดกับท่านปู่ก็คงจะไม่ดี
“อะแฮ่ม…” หลิ่วจื้อหย่วนกระแอมในลำคอ “ข้ามีความรู้สึกต่อหรงหรง”
“เช่นนั้นเจ้าจะอธิบายกับเยว่หานของเราอย่างไร!” หลี่ต้าเฉิงโมโหเป็นอย่างมาก
“ถึงแม้เรื่องการแต่งงานระหว่างข้ากับเยว่หานจะเป็นคำสั่งของท่านพ่อและท่านแม่ และแม่สื่อเป็นผู้ดำเนินการ แต่ความรู้สึกของคนนั้นไม่สามารถควบคุมได้ ข้าพอใจในตัวหรงหรง แต่ถ้าหากข้าจำเป็นต้องแต่งกับเยว่หานล่ะก็ คงจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพี่น้องทั้งสองคน” หลิ่วจื้อหย่วนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อได้คำพูดของอีกฝ่าย หลี่ต้าเฉิงก็นิ่งสงบลง “เช่นนั้น คุณชายใหญ่หลิ่วคิดจะทำเช่นไร?”
“ทางข้าได้พูดไปแล้วว่า ข้าสามารถแต่งกับทั้งเยว่หานและหรงหรงได้ ถ้าเป็นเช่นนี้ทุกอย่างย่อมผ่านไปได้โดยง่าย” หลิ่วจื้อหย่วนพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
หวังเฟิ่งจะเห็นด้วยง่าย ๆ ได้อย่างไร!
ถ้าหากหลี่เยว่หานและหลี่หรงหรงแต่งเข้าตระกูลหลิ่วด้วยกัน เช่นนั้นหลี่เยว่หานจะต้องเป็นภรรยาเอกส่วนบุตรของนางต้องเป็นอนุแน่ เรื่องตกต่ำด้อยกว่าเช่นนี้ นางไม่ต้องการ!
“เกรงว่าจะไม่ดี ไม่มีเหตุผลที่จะต้องให้บุตรสาวตระกูลเดียวกันทั้งสองคนแต่งกับคน ๆ เดียว” หวังเฟิ่งพูดขึ้นมา “สู้พวกเราลองถามความเห็นของเยว่หานดูเสียหน่อยดีหรือไม่! พูดแล้วนี่ก็เป็นเรื่องของเยว่หาน พวกเราตัดสินใจแทนนางไม่ได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่ต้าเฉิงอดคิดไปถึงใบหน้าหม่นหมองของบุตรสาวตนเมื่อครู่ไม่ได้ เขารู้สึกเจ็บปวด
“ได้ พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปเรียกเยว่หาน”
หลี่เยว่หานที่อยู่ภายในห้องได้ยินเรื่องราวทั้งหมด หญิงสาวรีบไปนั่งหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งทันที พลางหวีผมด้วยท่าทางเศร้าหมอง
กระจกบานนี้เป็นสิ่งที่แม่ของเจ้าของร่างทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า หลายต่อหลายครั้งที่หลี่หรงหรงคิดจะแย่งไป แต่ก็ไม่สำเร็จ
เมื่อหลี่ต้าเฉิงเปิดประตูเข้ามา แล้วได้เห็นแผ่นหลังบอบบางของหลี่เยว่หาน ก็อดไม่ได้ที่ในใจจะรู้สึกกระตุกขึ้นมา “เยว่หาน ลูกมาตัดสินใจเรื่องนี้เสียเถิด พวกเราทุกคนไม่อยากต้องรู้สึกผิดต่อเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานจึงวางหวีในมือลง ไม่ได้หันหน้าไปพลางพูดขึ้นมา “แต่ว่า…ก็ทำผิดไปแล้ว…”
หลี่ต้าเฉิงยิ่งรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในหัวใจ “ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ พ่อก็ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไร ถ้าหากให้เจ้าแต่งออกไป เช่นนั้นน้องสาวของเจ้าคงจะไม่ได้แต่งออกไปแล้ว แต่ถ้าหากให้พวกเจ้าพี่น้องแต่งกับตระกูลหลิ่วทั้งหมด พวกเราตระกูลหลี่คงจะไม่กล้าสู้หน้าคนในหมู่บ้านเฮยถู่เป็นแน่!”
“หึ…” หลี่เยว่หานเผยรอยยิ้มเย็นชา “เช่นนั้น ตามที่ท่านพ่อต้องการจะบอกก็คือ ข้าต้องมอบการแต่งงานครั้งนี้ให้แก่หรงหรงใช่หรือไม่? ข้าคิดว่าเมื่อครู่ข้าเพียงพูดออกไปเพราะความโมโห แต่ไม่คิดว่าท่านพ่อจะจริงจังเช่นนี้ ไม่รู้ว่าหากท่านแม่ได้ยินท่านพูดเช่นนี้กับข้า จะมีท่าทีเช่นไร”