ทะลุมิติไปเป็นเขยมาร Devil’s Son-in-Law - ตอนที่ 5
Ch.5 – ดาร์คเอลฟ์ผู้แสนจะประทับใจ
Translator : Vladimir / Author
เขยมารตอนที่ 5
บทที่ 5: ดาร์คเอลฟ์ผู้แสนจะประทับใจ [เปลี่ยนจากดันเจี้ยนเป็นคุกใต้ดิน]
ในอีกสามวันต่อมา เฉินรุยก็รู้สึกอุ่นใจ คุกใต้ดินได้ถูำทำความสะอาด ทั้งยังมีฟางและข้าวสามมื้อด้วย ซึ่งคนทำก็เป็นแซลลี่ที่โดนอัลดาซสั่งมา
“ เฉินรุย ท่านอาจารย์อัลดาซเรียกเจ้า”
จากคนที่กลายเป็นเหยื่อกลับกลายเป็นแขกที่เขาต้องรับใช้ เขาทั้งรู้สึกเจ็บปวดจิตใจโดยไม่ทราบได้เลยว่าทำไมมันเป็นเช่นนี้ เมื่อมองดูเฉินรุยเดินไป มารตนนี้ก็ได้กระทืบเท้าพร้อมกับกัดฟัน:“ มนุษย์เอ๋ย ข้าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จักกินเนื้อและดื่มโลหิตของแกให้ได้สักวันหนึ่ง!”
อย่างไรก็ตาม แซลลี่ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ก็ได้แค่ทำความสะอาดขณะที่กำลังกล่าวสาปแช่งมนุษย์อยู่
“ เฉินรุย เข้ามาได้เลย!” อัลดาซที่เห็นเฉินรุยมาก็ตื่นเต้น แม้ว่าชื่อของมนุษย์ในตอนแรกคืออาร์เธอร์ แต่ตอนนี้เขาชื่อเฉินรุย ซึ่งดาร์คเอลฟ์ผู้นี้ก็ไม่ได้สนใจอะไรมันนัก
ทุกวันนี้อัลดาซเชื่อมั่นในเส้นทางฮัวหยงอย่างเต็มที่ เขาไม่ได้ถามความจริงเกี่ยวกับปรมาจารย์หงอคงอีกแล้ว ความคิดแรกที่จะฆ่าเฉินรุยที่ไร้ประโยชน์ก็มลายหายไป
แม้กระทั่งเครื่องมืออันไร้ค่าก็ยังกลายเป็นของอันแสนอัศจรรย์ได้ หากมีการสร้างน้ำอมฤตและอุปกรณ์ได้… ดาร์คเอลฟ์ตนนี้ก็อดตื่นเต้นไม่ได้
“ ดูหมากรุกใหม่ที่ข้าทำสิ”
เส้นทางฮัวหยงที่เฉินรุยเห็นดาร์คเอลฟ์คนนี้ดัดแปลงเรียกได้ว่ามีศิลปะพอสมควรเลย แต่ละชิ้นได้ถูกแกะสลักด้วยรูปปั้นหัวนูนที่แสนสวยงาม อย่างไรก็ตาม ตัวโจโฉนั้นดูหล่อมากเป็นพิเศษและกวนอูก็ยังมีเขาสองข้าง มันทำให้เขาดูเหมือนมัจจุราชเลย ส่วนที่เหลืออย่าง จู่ลงกับม้าเฉียว ก็ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของพวกเขาด้วยเช่นกัน มันแทบจะกลายเป็นเส้นทางฮัวหยงเวอร์ชั่นมารเลยทีเดียว
พอได้พูดคุยกับอัลดาซและแซลลี่ เฉินรุยก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับอาณาจักรมาร เมืองพระจันทร์ดับที่ซึ่งเขาอยู่นั้นอยู่ในดินแดนของอาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์และลอร์ดของที่นี่คือพี่สาวของอลิซ ราชินิเชีย ลูซิเฟอร์
ปีศาจที่พบบ่อยในอาณาจักรมารแห่งนี้คือ มัจจุราช ซัคคิวบัส เซนทอร์ ลิชและอิมป์
ปีศาจพวกนี้แต่ละตัวมีคุณสมบัติพิเศษ:
มัจจุราช นั้นเป็นที่รู้จักกันในนามมารอันแสนยิ่งใหญ่ซึ่งมีอันดับต้นๆหากไม่นับตระกูลราชวงศ์ พวกเขาเกิดมาเป็นนักรบที่ทรงพลัง เก่งในการใช้อาวุธทั้งหมดและพวกเขายังสามารถเลือกที่จะมีความเชี่ยวชาญในด้านวิญญาณหรือความแข็งแกร่ง หรือแม้กระทั่งทั้งคู่เลยก็ได้ มารที่ยิ่งใหญ่บางตนมีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น หลังจากสายเลือดได้กลายพันธุ์ไป ขีดจำกัดสูงสุดของมารผู้ยิ่งใหญ่ธรรมดาคือกลายเป็นมารระดับสูง การกลายพันธุ์อาจทำลายคอขวดของการพัฒนาพลัง แล้วจะทำให้สามารถไปยังระดับที่สูงขึ้นได้
เซนทอร์นั้นแข็งแกร่งกล้าหาญและไร้ความกลัว มักจะเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในการเป็นทัพโจมตี บางคนก็กลายเป็นช่างตีเหล็กที่เชี่ยวชาญในการตีเหล็ก พวกเขานั้นมีขีดจำกัดสูงสุดอยู่ที่ขั้นกลาง
ลิชนั้นแสนบอบบาง แต่ก็มีพลังเวทย์มนตร์ที่แข็งแกร่ง คนที่มีความสามารถประมาณหนึ่งก็จะมีความสามารถเลี้ยงสัตว์ ขีดจำกัดสูงสุดของพวกเขาอยู่ที่ขั้นกลาง
ซัคคิวบัสเป็นเผ่าพันธุ์ที่เป็นเฉพาะของผู้หญิง ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิญญาณเท่านั่น พวกเขามีพรสวรรค์คือเสน่ห์ที่ใช้เย้ายวนได้ทุกคน ในแง่ของการสืบพันธุ์ ความน่าจะเป็นของทารกที่ได้จะเป็นเพศหญิงสูงมากและทารกจะเป็นซัคคิวบัสตราบใดที่เด็กคนนั้นผู้หญิง ขีดจำกัดสูงสุดอยู่ที่ขั้นกลาง
สำหรับอิมป์อย่างแซลี่แล้ว พวกเขาเป็นปีศาจอันดับต่ำที่สุด พวกเขามักจะเป็นคนที่ต้องเสียสละในการรบ อิมป์ระดับสูงมีความสามารถในการใช้ภาพลวงตาที่ทำให้ผู้อื่นสับสนได้ ซึ่งมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถกลายพันธุ์กลายเป็นมัจจุราชได้
ดาร์คเอลฟ์และดาร์คโนมเป็นเผ่าพันธุ์ขุนนาง ซึ่งพวกเขาเป็นที่จำเป็นมากในตระกูลของมาร ดาร์คเอลฟ์นั้นเก่งในการลอบเร้น ลอบสังหารและวางยาพิษ แต่คนอย่างอัลดาซกลับเชี่ยวชาญด้านการปรุงยา นอกจากนี้แล้ว ยังมีเหล่าดาร์คเอลฟ์บางคนที่มีความสามารถเนโครแมนเซอร์ที่เก่งกาจเสียยิ่งกว่าลิชด้วยซ้ำ
แม้ว่าพวกโนมจะมีอายุขัยสั้น น่าเกลียดและมีพลังการต่อสู้เล็กน้อย แต่ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาก็แสนน่าทึ่ง พวกเขาเชี่ยวชาญในงานฝีมือและการประดิษฐ์ บางคนก็โดดเด่นในการเล่นแร่แปรธาตุ
เนื่องด้วยพลังพิเศษของดวงจันทร์สองดวงในอาณาจักรมาร จึงไม่มีอะไรแบบพวกลูกผสม แม้จะเกิดการผสมพันธุ์กันระหว่างเผ่าอยู่บ้าง แต่ทารกที่เกิดมาก็จะมีเผ่าของพ่อหรือของแม่แบบสุ่ม
นอกจากนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากมายในอาณาจักรมาร เช่นพวกเผ่าธาตุ ดวงตามาร มังกรที่ร่างหล่นและสัตว์อสูรมากมายที่ทำให้พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความอันตราย
เมื่อเทียบกับมนุษย์แล้ว พลังเริ่มต้นของมารนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก หากไม่คำนึงถึงความสามารถของมนุษย์ตอนแรกเริ่มแล้ว ตอนเกิดพวกเขาก็คงจะคล้ายๆกัน ทว่ามารนั้นต่างออกไป ความแตกต่างในการจัดอันดับนั้นเห็นได้ชัดเลยตั้งแต่แรกเกิด แม้จะถึงวัยผู้ใหญ่แล้ว พวกเขาก็ยังคงมีขีดจำกัดและการเลื่อนระดับไปก็ยังยากอีกด้วย
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ จุดเริ่มต้นของปีศาจนั้นสูงกว่ามนุษย์และอายุขัยของพวกเขาก็มากด้วยเช่นกัน เพียงแต่การพัฒนาพลังของพวกเขาต่ำกว่ามนุษย์ ยิ่งระดับของมารสูงมากเท่าไหร่ การที่จะพัฒนาไปต่อได้ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
เชียและอลิซเป็นราชวงศ์ของเหล่ามาร โดยทั่วไปแล้ว ราชวงศ์ก็มีความคล้ายคลึงกับมนุษย์ที่แข็งแกร่งโดยที่มีศักยภาพไม่จำกัด ในระหว่างการต่อสู้ พวกเขานั้นยิ่งมีฝีมือเหนือกว่ามารตนอื่นโดยธรรมดา สายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุด ย่อมมีพรสวรรค์พิเศษของสายเลือดสามารถกดดันได้อย่างน่ากลัว
บางทีอาจเป็นเพราะความเคารพนับถือต่อราชวงศ์ของพวกเขา ทั้งอัลดาซและแซลลี่จึงไม่ได้ต้องการที่จะเปิดเผยเรื่องของเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์มากนัก
“ ตัวละครพวกนี้ไม่มีเอกลักษณ์เลยสักนิด บุคคลผู้มีอำนาจในยุคดึกดำบรรพ์ไม่ได้มีลักษณะเป็นเช่นนี้…การตกแต่งและการดัดแปลงควรที่จะทำตามประวัติศาสตร์” เฉินรุยวิพากษ์วิจารณ์ตัวละครของเส้นทางฮัวหยงในเวอร์ชั่นอาณาจักรมาร ถึงกระนั้น เขาก็ไม่ได้พิจารณาเลยว่าตัวเองได้เปลี่ยนแปลงมันไปอะไรหลายๆอย่างแล้ว พอเป็นแบบนี้มันก็ยิ่งดูยุ่งเหยิงมากกว่าเดิมพอสมควร แค่เรื่องราวหงอคงผู้ยิ่งใหญ่ที่เขาดัดแปลงก็อาจจะทำให้อู๋ เฉิงเอินระเบิดน้ำตาในโลกหลังความตายแล้วกระมั้ง
อัลดาซเองก็ยอมรับคำวิจารณ์นี้และยิ้มอย่างน่าอาย“ แค่ข้าคันมือนิดหน่อยเอง ครั้งต่อไปข้าจะทำตามที่เจ้าพูด ครั้งนี้ข้าได้ก้าวผ่าน 209 ซึ่งดีกว่าครั้งที่แล้วพอสมควร”
เฉินรุยส่ายหัวเล็กน้อยแล้วถอนหายใจ“ ยังไม่พอ ท่านปรมาจารย์หงอคงใช้เพียงแค่ 81 ก้าวเท่านั้นและจากการคาดเดาของเขา มันยังต้องน้อยกว่านี้อีก”
อัลดาซรู้ว่าเพื่อลดการเคลื่อนไหวให้น้อยลงมันจำเป็นต้องมีการคำนวณอย่างละเอียด เมื่อเขาเล่นเส้นทางฮัวหยงเป็นครั้งแรก เขามีความสุขมากจนเขาจำไม่ได้ว่าใช้ไปกี่ก้าว ครั้งที่สองดูเหมือนเขาจะใช้ไปมากกว่า 300 ก้าว เมื่อเขาเห็นเฉินรุยสามารถจบเกมได้แค่ 100 กว่าก้าว เขาก็มั่นใจว่าเขาสถิติของปรมาจารย์หงอคงนั้นเป็นของจริง
“ ที่จริงแล้ว การจัดเรียงของ“ การขี่ม้าด้วยดาบ” เป็นเพียงหนึ่งในเส้นทางฮัวหยง ยังมีทางอื่นอีก อย่างไรก็ตาม เส้นทางฮัวหยงเป็นเพียงกิจกรรมยามว่างของท่านปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น ท่านไม่จำเป็นที่จะต้องหมกหมุ่นกับมันมากขนาดนั้นก็ได้”
เฉินรุยจงใจกล่าวออกมา เมื่อเห็นว่าอัลดาซหมกหมุ่นในตัวเส้นทางฮัวหยงมากจนเกินไป เห็นได้ชัดเลยว่าเขากำลังเล่นเกมแมวไล่หนูอยู่กับอัลดาซอยู่ ซึ่งดาร์คเอลฟ์ผู้นี้ก็ได้ส่ายหัวและกล่าวออกมาว่า” ปรมาจารย์นั้นเป็นแท้ถึงแก่นลึกข้างใน เพียงแค่สิ่งเล็กๆน้อยสำหรับเขาก็เป็นการค้นพบอันมีค่าสำหรับเราแล้ว”
“ แต่ท่านไม่สามารถละเลยการปรุงยาของท่านได้” เฉินรุยเปลี่ยนหัวข้อและแสดงถึงเจตนาที่แท้จริงของเขา “ ทำไมไม่ให้ข้าลองยาของท่านดู ยิ่งเป็นพิษยิ่งดีเลย หากท่านสามารถทำลายพรของท่านปรมาจารย์หงอคงได้ บางทีพิษของท่านอาจจะไปถึงระดับที่สูงขึ้น”
ทดสอบพิษงั้นเหรอ? แน่นอนว่ามันเป็นการบูทระบบสุดยอดต่างหากล่ะ!
เฉินรุยนั้นคิดเรื่องนี้แทบตลอดเวลา แต่เส้นทางฮัวหยงกลับกำลังขัดขวางเขาอยู่ แม้มันจะไม่ใช่ทางออกระยะยาว แต่หากเขาแข็งแกร่งได้มากกว่านี้ เขาก็คงจะสามารถออกไปจากอาณาจักรปีศาจและสามารถรักษาชีวิตตัวเองให้รอดไว้ได้ ซึ่งระบบสุดยอดแสนลึกลับนี้อาจจะเป็นความหวังเดียวของเขาก็เป็นได้
ดาร์คเอลฟ์ประหลาดใจและก็พูดขึ้นมาว่า“ เจ้าไม่กลัวว่าเจ้าจะตายในตอนที่พรสลายไปงั้นเรอะ?”
“ เพื่อให้เข้าใจถึงคุณสมบัติของสมุนไพรได้ดีขึ้น ปรมาจารย์หงอคงจึงได้ลองชิมสมุนไพรทั้งหมดด้วยตัวเอง เขาเกือบเสียชีวิตจากพิษสองสามครั้ง แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เหตุผลที่ทำให้เขาสามารถสร้างยาอายุวัฒนะได้เหมือนลูกพีช ก็ไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ แต่มันคือความเพียรและความพยายามต่างหาก” เฉินรุยเริ่มนำเรื่องราวของ เฉินหนง มาทับบนเรื่องราวของหงอคงอีก
“ ลองด้วยตัวเองงั้นเหรอ?” ใบหน้าของอัลดาซเต็มไปด้วยความเคารพและเขาก็พูดว่า“ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะสามารถกลายเป็นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่สามารถต่อสู้กับเหล่าเทพเจ้าได้! ดูเหมือนว่านอกเหนือจากความรู้ ยังมีหลายสิ่งที่ข้าต้องเรียนรู้จากปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่…”
เฉินรุยนั้นเริ่มมองเห็นความกระตือรือร้นบนใบหน้าของอัลดาซ เขาเริ่มกลัวว่าเพื่อนคนๆนี้จะลองใช้สมุนไพรด้วยตัวเองและเขาจึงได้พูดกลับไปอย่างรวดเร็วว่า“ ทุกวันนี้ ข้ารู้สึกได้ถึงข้อความที่เหลือฝากไว้จากปรมาจรย์ผู้ยิ่งใหญ่ มันช่างล้ำลึกจนข้าประทับใจเป็นอย่างมาก ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะสืบทอดมรดกของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ น่าเสียดายที่ข้าไม่เคยมีพื้นฐานของการปรุงยามาก่อนและข้าก็ไม่สามารถเข้าใจความรู้ที่ลึกซึ้งของเรื่องพวกนั้นได้ ท่านอาจารย์ ท่านยินดีช่วยข้าไหม? ถึงแม้ว่าข้าเป็นมนุษย์ก็เถอะ”
“ข้ายอมรับ! ตั้งแต่วันนี้ข้าจะสอนเจ้าเกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานของการปรุงยา!” ในฐานะที่เป็นดาร์คเอลฟ์ อัลดัสนั้นไม่ใช่มารที่ซื่อสัตย์ แต่เขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยาพิษอย่างแท้จริง ครั้งนี้เฉินรุยได้ถูกเชื่ออย่างสมบูรณ์ จนอัลดาซเกือบจะสาบานเป็นพี่น้องกับเฉินรุยไปทั้งชีวิตแล้ว
“ ขอบคุณครับท่านอาจารย์! ไม่ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหนข้าก็จะพยายาม!” เมื่อมองดูการแสดงออกของอัลดาซ เฉินรุยรู้ว่าเขาสามารถหยุดกังวลเกี่ยวกับการเอาตัวรอดและใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับการปรุงยา เพราะมันไม่เจ็บตัวแล้วกับการเรียนรู้เรื่องพวกนี้เพิ่มเติม
อัลดาซจึงนำหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า “พื้นฐานของสมุนไพร” ออกมา เมื่อเขากำลังจะเริ่มการสอน เจ้าหญิงอลิซตัวน้อยก็ได้มาถึงและนอกเหนือจากเคียแล้ว ยังมีหญิงสาวผมสั้นที่ไม่คุ้นเคยมาด้วยอีกคน
เด็กสาวคนนี้ดูสวยงาม มีผมสีม่วง ตาสีแดง ผิวสีน้ำตาลอ่อน สัดส่วนร่างกายที่สมบูรณ์ สายตาของเธอสื่อออกมาถึงจิตวิญญาณที่แสนกล้าหาญและเธอก็สวมเกราะที่มีสีแดงส้มเล็กน้อย นอกจากนี้เธอยังถือดาบขนาดใหญ่ใ ฝักของมันก็เหมือนกับเปล่งประกายที่น่าดึงดูดใจออกมา
แม้ว่าเด็กสาวตัวน้อยที่มีผมสั้นคนนี้จะงดงาม แต่เฉินรุยกลับตื่นกลัวมารสาวอย่างยิ่ง เพราะเขาเคยถูกหลอกโดยอลิซอย่างชอกช้ำแล้วและยังหวาดกลัวไซเรนดูดน้ำส่วนสำคัญของเขาด้วย
“ อาเธน่า นี่คือมนุษย์ที่ข้าพูดถึง เขาน่าสนใจมากเลยทีเดียว” อลิซจับแขนของอาเธน่าอย่างใกล้ชิด หากเขาไม่ได้พิจารณาถึงทรวดทรงองเอวและใบหน้าที่แสนบอบบางของอาเธน่า เขาคงจะคิดว่าพวกเธอเป็นคู่รักกันแล้ว
“ ท่านอาจารย์อัลดาซ สวัสดี” อาเธน่าไม่ได้เป็นคนสบายๆแบบอลิซ เธอคำนับอัลดาซอย่างสุภาพ อย่างไรก็ตาม เธอทำตามารยาทกับแค่ดาร์คเอลฟ์คนนี้เท่านั้น พอเธอมองไปที่เฉินรุย ดวงตาของเธอก็ดูหยิ่งยโสมาก
เฉินรุยรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในกรงในสวนสัตว์และถูกเยี่ยมเยียนจากบรรดานักท่องเที่ยว ดังนั้นเขาจึงได้หันไปหาอัลดาซเพื่อขอความช่วยเหลือ
ซึ่งคนที่เฉินรุยกำลังจะมาขอความช่วยเหลือก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น พร้อมกับซ่อนเส้นทางฮัวหยงเวอร์ชั่นอาณาจักรปีศาจไว้ใต้แขนเสื้อตัวเอง อาเธน่านั้นหาวิธีจัดการได้ง่าย แต่เจ้าหญิงอลิซเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นปีศาจตัวน้อยแห่งเมืองพระจันทร์ใหม่ หมากรุกตัวใหม่ที่เขาสร้างขึ้นด้วยความพยายามอย่างมากนั้นไม่มีทางที่จะให้ถูกเธอเอาไปอีกแน่
ถึงอัลดาซจะเคลื่อนที่เพียงเล็กน้อย เธอก็ยังมองเห็น แล้วเขาจะซ่อนมันจากสายตาอันเฉียบแหลมของโลลิตัวน้อยได้อย่างไร? ตาโตๆของเธอจ้องมองไปที่แขนเสื้อของัลดาซและหัวของเธอก็ขยับเล็กน้อย การเคลื่อนไหวโดยเจตนานี้ชัดเจนมาก จนทำให้อาเธน่าก็สนใจมันเช่นเดียวกัน
“ อาจารย์ ท่านซ่อนอะไรไว้ใต้แขนเสื้อ? ให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?”
“ ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพิ่งจะสร้างเส้นทางฮัวหยงแบบเร่งด่วนนะ” อัลดาซที่สังเกตเห็นสถานการณ์ที่ไม่ดีก็ได้เปลี่ยนหัวข้อเรื่องอย่างรวดเร็ว“ จริงสิ เฉินรุย ของขวัญที่เจ้าสัญญาว่าจะให้เจ้าหญิงอลิซเมื่อวานนี้เสร็จแล้วใช่มั้ย?”
จากนั้นความสนใจของอลิซก็ได้เปลี่ยนไปหาเขาและดวงตาโตของเธอก็เปล่งประกายความหวังไปยังเฉินรุย“ พี่ชายมนุษย์ หนูกำลังรอของขวัญของพี่อยู่เลย”
คำเรียกอันแสนหวานอย่าง “ พี่ชาย” ทำให้เฉินรุยระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามวันก่อน เขาเกือบจะกระโดดและตะโกนออกมา: ทริคเดียวกันนี้ไม่มีทางที่จะใช้ได้กับผู้ที่เคยโดนไปแล้วได้หรอก! การแสดงของเธอกระจอกเกินไป! ไม่มีทางที่ฉันจะมองไม่ออก!
แม้ว่าเธอจะเคยหักหลังเขา แต่ภายใต้แรงกดดันของความน่ารักของโลลิน้อย เฉินรุยจึงได้หยิบของบางอย่างขึ้นมา [1] เฉินหนง ในเรื่องปรัมปราจีน เฉินหนงสอนมนุษย์ใช้คันไถ และสอนเรื่องอื่น ๆ ให้แก่มนุษย์ เช่น การเกษตรขั้นพื้นฐาน และการใช้สมุนไพร ทั้งยังเป็นเทวดาแห่งลมร้อน (burning wind) ซึ่งน่าจะเกี่ยวเนื่องกับความเชื่อเรื่องจักรพรรดิหยาน (炎帝) และการเกษตรแบบตัดและเผา (slash-and-burn)