ทะลุมิติไปเป็นเขยมาร Devil’s Son-in-Law - ตอนที่ 7
Ch.7 – การอ่านใจ พรสวรรค์ทางสายเลือดของอลิซ
Translator : เฟรมวงไฟ / Author
เขยมารตอนที่ 7
บทที่ 7: การอ่านใจ พรสวรรค์ทางสายเลือดของอลิซ
ตกต่ำ นั่นคือความประทับใจแรกของเฉินรุยต่อเมืองพระจันทร์ใหม่
ไม่แน่ใจว่าเมืองอื่นในอาณาจักรมารจะเป็นเช่นนี้หรือไม่ ทั้งวังและอาคารส่วนใหญ่ของอาณาจักรมารนั้นดูเก่าๆ มีร้านค้าและแผงขายของเล็กน้อยตามทาง ปีศาจที่เขาเห็นระหว่างทางส่วนใหญ่ก็น่าเกลียดรวมถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่ด้วย เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยซากปรักหักพังและยังดูเลวร้ายมากพอสมควร
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของปีศาจ มันก็ทำให้เฉินรุยรู้สึกกลัว หากตัวตนของเขาถูกเปิดเผยในตอนนี้ เขาจะต้องตายหรือไม่ก็ต้องเจออะไรที่แย่ๆอย่างแน่นอน
“เฮ้! เจ้าเดินตรงๆหน่อยได้มา อย่าไปจับขาตัวเองสิ ผ่อนคลายไหล่ของเจ้าหน่อย!” เสียงของอาเธน่าขัดจังหวะสิ่งที่เฉินรุยกำลังคิด “ แม้เจ้าจะเป็นผู้ชาย แต่เด็กๆจากตระกูลเวลส์ก็ยังแข็งแกร่งกว่าเจ้ามาก!”
อันที่จริง เฉินรุยอยากจะบอกเสียเหลือเกินว่าเขายังเป็นหนุ่มบริสุทธิ์ ไม่ใช่ผู้ชายแบบที่เธอคิด แต่สาเหตุที่ท่าทางของเขาดูแปลกๆในตอนนี้ นั้นก็เพราะเขากำลังนั่งอยู่บนหลังแรดสามเขาตัวบักเอ้ก อีกทั้งเขายังกลัวว่าตัวเองจะหล่นลงไปโดนตัวอะไรกินอีกก็ไม่รู้
“ข้าขอโทษ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้นั่งบนตัวเจ้าตัวใหญ่นี้” เฉินรุยเริ่มคิดว่าทำไมโลกนี้ถึงไม่มีอะไรที่เหมือนกับโกลนและอานม้า ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มคิดถึงสิ่งประดิษฐ์ เขาก็เห็นว่าอลิซสามารถทรงตัวบนแรดสามเขาได้สบายๆเลย ซึ่งมันแตกต่างกับเขามากโคตรๆ
“เจ้าไม่เห็นจะต้องกำมือแน่นเลยสักนิด! ผ่อนคลายซะ!” อาเธน่าตำหนิ
ไม่แน่ใจว่าโลลิน้อยเข้าใจเขาหรือเปล่า อยู่ดีๆเธอก็พูดขึ้นมาว่า“ อาเธน่า ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้ แน่นอนว่านี้เป็นครั้งแรกของเขา ก็ไม่แปลกที่จะเป็นแบบนี้”
ประโยคนั้นทำให้เฉินรุยเกือบจะตกจากแรดสามเขา ปีศาจที่อยู่ระหว่างทางก็สังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาดของเขา พวกเขาชี้ไปที่เขาและเริ่มนินทา โชคดีที่เฉินรุยสวมเสื้อคลุมอยู่ ดังนั้นตัวตนของเขาจึงยังไม่ถูกเปิดเผย ซึ่งพวกปีศาจต่างก็ไวต่อกลิ่นอันน่าสงสัยของเขา แต่ก็ไม่มีใครคนใดเลยที่กล้าเข้าใกล้เจ้าหญิงและอาเธน่า
เมื่อมาถึงประตูเมือง แรดสามเขาก็ได้หยุดลง
“ เจ้าหญิงอลิซ ท่านจะไปที่ใดกัน?” คนที่หยุดแรดสามเขานั้นคือปีศาจชายติดอาวุธคนหนึ่ง ทั้งสูงและมีกล้ามเนื้อ มีผิวสีแดง เขางอขนาดใหญ่สองเขาบนศีรษะของเขา อะไรบางอย่างแบบความวุ่นวายดูจะแสดงออกชัดเจนเลยบนใบหน้าเขา เขาคงจะเป็นมารตัวจริงเสียจริงเลย
“ โอ้ เป็นผู้ตรวจการพลทหารอลันนี้อง ท่านกำลังที่จะสอบสวนส่วนตัวหรือไงวันนี้” อลิซยิ้มเบาๆ “ เรากำลังมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบสีฟ้า”
อลันขมวดคิ้ว “ มีเหตุการณ์บางอย่างที่ทะเลสาบสีฟ้าเมื่อเร็วๆนี้ ข้ากังวลว่ามันจะเป็น มังกรพิษ ที่กำลังหลับใหลอยู่ ข้าได้ส่งหน่วยสอดแนมไปสำรวจแล้ว เจ้าหญิงอลิซ ท่านควรรอให้เรายืนยันความปลอดภัยก่อนที่จะไปเล่นที่นั่น”
“ มังกรพิษได้หลับมาหลายพันปีแล้ว นอกจากนี้ยังมีล็อคแสงและความมืดที่แข็งแกร่งที่สุดจากลอร์ดพระอาทิตย์เที่ยงคืนด้วย ดังนั้นมันก็คงจะไม่มีปัญหาใดหรอก ” อลิซชี้ไปที่เฉินรุย “ นอกจากนี้ข้าไม่ได้ออกไปเล่นด้วย…นี่คือศิษย์ใหม่ของอาจารย์อัลดาซ อาจารย์ขอให้ข้าพาเขาไปที่ทะเลสาบสีฟ้าเพื่อรวบรวมสมุนไพร”
ในบรรดาการเล่นแร่แปรธาตุทั้งสองสาขาแล้ว ถ้าเป็นอาจารย์ด้านกลศาสตร์ พวกเขาก็คงจะรู้สึก “เคารพ” แต่ถ้าเป็นผู้ปรุงยาจะให้ความรู้สึก “น่าเกรงขาม” เพราะพวกเขานั้นเกรงกลัวพิษและผลเสียจากมันมากกว่าผลดีของมันเสียอีก
ซึ่งคำที่มักจะใช้กับอาจารย์นักปรงยาผู้นี้คือ น่ากลัวและเป็นอันตราย ไม่ควรกระตุ้นสักนิดเดียว อัลดาซนั้นเป็นคนประเภทนี้ แล้วเสียงร้องอันน่าหวาดกลัวจากตัวทดลองของมักจะดังก้องอยู่บ่อยครั้ง แม้แต่ยามเฝ้าวังก็ไม่กล้าเข้าใกล้สักนิดเดียว พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าทำไมเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ของพวกเขาจึงเอาตัวตนที่เป็นอันตรายแบบนี้ไว้ในลานด้านนอกของวัง
สำหรับปรมาจารย์นักปรุงยาที่ลึกลับและน่ากลัวเช่นนี้ พอได้ยินว่ามีลูกศิษย์ใหม่มา อลันก็ต้องการที่จะรู้เหลือเกินว่าเป็นผู้ใด ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็ตรงไปที่คนใส่เสื้อคลุม และในเวลาเดียวกันนั้น อลิซก็ได้บอกให้เฉินรุยถอดเสื้อคลุมออก
“ นี่มันมนุษย์ที่เราจับได้ในครั้งที่แล้ว!” ทหารที่อยู่ข้างหลังอลันกรีดร้องออกมา ทันใดนั้นสายตาที่เหมือนกับศัตรูได้จ้องมองไปที่เขาแทบทุกทิศทาง เขาพยายามทำให้ตัวเองดูเป็นธรรมชาติ แต่เหงื่อเย็นเยียบก็ได้แต่ไหล่ลงมาจากหน้าผากของเขา
อลันนั้นรู้ตัวตนของเฉินรุยเร็วกว่าทหารคนอื่น เพราะเขาจำได้ว่า ตอนเขานำข่าวมาให้เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ ปรมาจารย์อัลดาซก็ได้เข้ามา เขาได้ขอนำมนุษย์ไปทำการทดลองของเขา ตอนนี้นักโทษหรือทาสคนนั่นได้กลายมาเป็นเด็กฝึกหัดของปรมาจารย์ผู้นี้จริงๆงั้นเหรอ?
อลิซแนะนำเขาให้รู้จักกับอลันโดยไม่แยแสอะไร“ ชื่อของมนุษย์คนนี้คือ เฉินรุย เนื่องจากความสามารถของเขาในด้านการปรุงยา เขาจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของอาจารย์อัลดาซและเป็นส่วนหนึ่งของเมืองพระจันทร์ใหม่ของเรานับจากนี้เป็นต้นไป ”
จากนั้นอาเธน่าก็ได้กล่าวอย่างมุทะลุว่า“ นี่คือสิ่งที่อลิซกับข้าได้ยินมากับหูในวันนี้ หากเจ้ายังมีข้อสงสัยใดๆ เจ้าสามารถไปถามอาจารย์อัลดาซได้ด้วยตัวเองเลย!”
“ อาเธน่า ขอโทษด้วย ข้าไม่ได้หมายความอย่างนี้ ข้า…”
ทัศนคติของอลันต่ออาเธน่านั้นค่อนข้างแปลก ก่อนที่เขาจะพูดจบ อาเธน่าก็ได้ขัดจังหวะอย่างเย็นชา“ อลัน การสอบถามของเจ้าควรจบลงได้แล้ว อย่าทำให้เวลาการรวบรวมสมุนไพรของพวกข้าเสียเปล่า!”
ด้วยท่าทางของอาเธน่าที่แสดงออกมา เขาจึงได้บอกกับอลิซไปว่า“ เจ้าหญิงน้อย หากเป็นแบบนี้ ข้าคงจะต้องส่งทหารไปปกป้องท่าน”
อลิซยิ้มและถามว่า“ เจ้าเป็นห่วงว่าอาเธน่าไม่สามารถปกป้องข้าได้งั้นหรือ?”
อาเธน่ายกคิ้วที่สง่างามของเธอและดวงตาสีแดงของเธอก็ส่องแสงเปล่งประกายออกมา อลันส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพูดกับเฉินรุยอย่างเย็นชา“ มนุษย์! อย่าพยายามหลบหนีหรือเล่นตุกติดล่ะ ไม่อย่างนั้น ตัวข้าคนนี้จะบดกระดูกเจ้าทุกชิ้นเอง
หลังจากที่อลันกล่าวจบแล้ว เขาก็โค้งคำนับต่อเจ้าหญิงน้อย เพื่อบอกให้พวกเขาสามารถผ่านไปได้เลย
จากนั้นแรดที่มีสามเขาทั้งสี่ตัวก็ได้ออกจากประตูเมืองพร้อมเสียงฝีเท้าอันหนักแน่น ภายในเมืองพระจันทร์ดับ ก็ได้มีข่าวว่าท่านอาจารย์อัลดาซได้คัดเลือกศิษย์เป็นมนุษย์ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
“ จริงๆแล้ว ข้าคิดว่าอลันก็ไม่เลวเลยนะ สถานะครอบครัวของเขาและของเจ้าเองนั้นเข้ากันเป็นอย่างดี” อลิซหัวเราะในขณะที่มองอาเธน่า “ ถ้าเขาไม่ขอแต่งงานกับพ่อของเจ้าด้วยตัวเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้า เจ้าคงจะไม่เกลียดเขามากขนาดนี้”
พอได้ยินแบบนั้น อาเธน่าก็พูดอย่างเหยียดหยาม“ ข้าไม่ได้ชอบเขาตั้งแต่แรก! ผู้ชายคนนี้ทั้งขี้ขลาดและไร้ความสามารถ อาศัยอิทธิพลของตระกูลคารอนเพื่อเป็นผู้ตรวจการ รู้แค่วิธีรังแกผู้อ่อนแอ เขาไม่มีความสามารถเลยจริงๆ ”
ผู้ที่ “อ่อนแอ” นั้นล้วนแล้วแต่เข้าใจคำนี้ ซึ่งเรื่องซุบซิบนี้ก็เป็นเรื่องจริง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าสาวผู้แสนรุนแรงคนนี้ทำไมปฏิบัติตนกับนายพลอลันแบบศัตรู
“ การเดินทางก่อนหน้านี้เราไปที่ป่าฝนสีดำกัน มันต้องเป็นเขาแน่ที่เปิดโปงความลับนี้กับท่านหญิง ข้าเกลียดคนแบบนี้” อาเธน่าพูดเยาะเย้ย“ ยังพยายามที่จะมาข้องเกี่ยวกับข้าอีกงั้นเหรอ? มาถามดาบของข้าก่อนเถอะ!”
“ ถูกต้องแล้ว อาเธน่าเป็นของข้า ไม่มีใครสามารถเอาเธอไปได้” โลลิน้อยหัวเราะ “ เร่งความเร็วกันเถอะ!”
แรดที่มีสามเขาเริ่มเร่งความเร็ว มันยากที่จะเชื่อว่าความเร็วที่รวดเร็วขนาดนี้เป็นของแรดตัวใหญ่ สำหรับเฉินรุยที่ไม่มีเครื่องมือช่วยแบ่งเบาควาเจ็บปวดอย่างอาน ต้องเป็นอะไรที่ทรมานมากแน่ เขาทำได้แค่ก้มตัวกอดมันอย่างแนบแน่นเท่านั้น ซึ่งทั้งที่เขาทำขนาดนั้นก็ยังเกือบตกลงไปแล้ว อาเธน่าพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการเปลี่ยนพาหนะของเธอให้กับเขา เมื่อเห็นหญิงสาวผู้แสนรุนแรงนั่งอยู่บนหลังของแรดยักษ์ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วได้ เฉินรุยก็ได้แต่ยอมรับความอ่อนด้อยของตน
เมื่อเทียบกับความทรงจำของอาเธอร์เกี่ยวกับโลกที่มีแดดเหนือพื้นดินแล้ว สภาพแวดล้อมอาณาจักรมารนั้นแย่กว่ามาก แหล่งกำเนิดแสงมาจาก “ดาว” สองดวงบนท้องฟ้า แม้ว่าจะถูกเรียกว่าเป็น “ดาว” แต่แสงสว่างและความร้อนนั้นน้อยกว่าดวงอาทิตย์ของโลก ส่วนใหญ่มันถูกปกคลุมไปด้วยเมฆและควันในอากาศ ในตอนเย็น พวกมันก็กลายเป็น “ดวงจันทร์” อีกครั้งพร้อมกับเปล่งประกายความเยือกเย็นจางๆ ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนนั้นใหญ่มากๆ
ตลอดทาง มีหลุมขนาดใหญ่ที่เกิดจากการกัดกร่อนโดยสามารถมองเห็นได้ทั่ว แล้วยังมีถ้ำแปลกๆที่ทั้งมืดและลึกลับพร้อมกับพืชแปลกๆอีก จนก่อให้เกิดภูมิทัศน์ที่แสนจะมืด แต่กลับสวยงาม
ทะเลสาบสีฟ้าปกคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ ล้อมรอบไปด้วยภูเขา สภาพแวดล้อมนั้นเงียบสงบเป็นพิเศษ น้ำสีฟ้า พืชริมทะเลสาบและดอกไม้อันแสนงดงาม เหมือนสวรรค์ในโลกอันแสนมืดมิด
อย่างไรก็ตาม เฉินรุยได้เรียนรู้อย่างรวดเร็วจากอลิซว่า น้ำในทะเลสาบนั้นเป็นสีฟ้าเพราะมังกรพิษขนาดใหญ่ตัวหนึ่งที่กำลังหลับอยู่ที่ก้นทะเลสาบ พิษจากร่างของมันย้อมทะเลสาบให้กลายเป็นสีน้ำเงิน ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆเลยในทะเลสาบ พืชที่เขียวชอุ่มริมทะเลสาบส่วนใหญ่ก็มีพิษสูง นอกจากนี้ ยังมีดอกไม้ที่มีเสน่ห์ชนิดหนึ่ง ซึ่งที่จริงแล้วเป็นพันธุ์กินเนื้อ รูปลักษณ์ที่สวยงามและน่าดึงดูดของมันก็ได้มาจากเลือดและเนื้อของเหยื่อ
พลังของมังกรนั้นค่อนข้างน่ากลัว โดยเฉพาะมังกรที่หายากที่มีพิษอีก การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของมันอาจทำให้ประชาในเมืองสูญพันธุ์ได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าที่จะไปยั่วยุมัน มังกรมีพิษตัวนี้นอนหลับใหลในทะเลสาบมาหลายพันปีแล้ว สี่ร้อยปีก่อน ดินแดนของพระจันทร์มืดได้เกิดสงครามกลางเมือง เมื่อชายผู้แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรมาร ลอร์ดพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้นำกองทัพและผ่านทะเลสาบสีน้ำเงินไป แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะไปทำให้มังกรพิษตัวนี้ตื่น เพื่อที่จะให้มันหลับต่อไป เขาจึงได้ตั้งใจลงตราประทับ <ล็อคแห่งแสงและความมืด> ใส่ไว้รอบๆด้วย
“ มีกฏในอาณาจักรปีศาจด้วยนะว่า สิ่งที่น่ารักมักจะอันตรายเสมอ”
เฉินรุยเห็นด้วยกับคำพูดของอลิซเลย ซึ่งเขาก็ได้เพิ่มอีกประโยคหนึ่งเข้าไปในใจของเขา พวกปีศาจสาวก็เป็นแบบนั้นด้วย
เจ้าหญิงน้อยที่แสนจะน่ารักสุดๆ ซัคคิวบัสที่พร้อมจะดูดวิญญาณ นักรบดาบสาวผู้แสนกล้าหาญ มีข้อไหนบ้างที่ไม่อันตราย?
มังกรนั้นได้หลับใหลใต้ทะเลสาบไม่ใช่เรื่องแต่ง อาเธน่าเองก็ไม่กล้าที่จะยุ่งกับมันด้วย เธอเลือกภูเขาที่ดูปลอดภัย เพื่อที่จะขึ้นไปชมวิวใกล้ๆทะเลสาบกัน
“ ข้าไม่ได้มาที่ทะเลสาบสีเงินมานานแล้ว อาเธน่า จำครั้งก่อนได้ไหม” อลิซพูดออกมาความกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง“ แล้วคราวนี้เราก็มาถึงกันแล้ว มาปิกนิกอีกกันเถอะ”
อาเธน่าลังเลเล็กน้อย“ อลันไม่ใช่พึ่งบอกว่าเกิดเรื่องแปลกประหลาดที่ทะเลสาบสีเงินงั้นหรือ? รีบๆเก็บผลไม้แล้วกลับกันดีกว่า”
“ ท่านเชื่อในสิ่งที่อลันกล่าวด้วย?” อลิซส่ายหัวเธอพร้อมกับไม่เห็นด้วย “ ถ้าเธอชวนเขามา เขาก็คงจะบอกว่ามังกรพิษได้ถูกกำจัดไปแล้วและทะเลสาบสีฟ้านั้นคงจะปลอดภัยกว่าห้องน้ำบ้านของเขาเสียอีก”
“ ข้าจะไม่มีทางเชื้อเชิญเจ้าคนน่ารังเกียจแบบนั้น!” อาเธน่าพูดและยอมรับสิ่งที่อลิซต้องการ “ ก็ได้งั้น เคีย เจ้าไปเก็บแก้วมังกรหยก ข้าจะไปล่า เฮ้ มนุษย์ เจ้าและอลิซไปจัดเตรียมสถานที่เถอะ”
อันที่จริง เฉินรุยต้องการลองดอกไม้พิษในที่แห่งนี่ เพื่อเพิ่มความก้าวหน้าของระบบสุดยอด แต่เมื่อพิจารณาถึงดอกไม้กินเนื้ออันน่าสยดสยองและมังกรในทะเลสาบ เขาก็ยอมแพ้ต่อความคิดนี้ทันที
หลังจากที่เคียและอาเธน่าจากไป อลิซก็ได้สั่งเฉินรุยมากมาย สร้อยข้อมือที่ข้อมือของเธอเป็นอุปกรณ์ที่สามารถเก็บสิ่งของได้ แต่คุณภาพไม่สูงมาก เพราะพื้นที่ด้านในนั้นไม่ใหญ่พอ ซึ่งของข้างในก็มีเพียบ ผลก็คือ ทันทีที่เปิดมันออกมา กลุ่มสิ่งของมากมายก็กระจัดกระจายออกมา
เฉินรุยต้องช่วยเธอในการทำความสะอาดและเขาตั้งใจ “ยก” กองบราขึ้นมา บางชิ้นมันมีขนาดใหญ่ซะเหลือเกิน เฉินรุยรู้สึกประหลาดใจ ปฏิกิริยาแรกของเขาคือ โลกนี้ดันมีของแบบนี้อยู่แล้ว ปฏิกิริยาที่สองคือ ขนาดนี้ไม่เห็นจะตรงกับสัดส่วนของโลลิน้อยเลย บางทีอลิซอาจจะเก็บมันไว้ใช้เป็น ‘เครื่องราง’ อย่างงั้นเหรอ?
ภายใต้การจ้องมองของอลิซ เฉินรุยก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นกองสิ่งของต่างๆและกลับไปทำความสะอาดวัตถุอื่นๆ เมื่อเขาหันกลับไป กองของต่างๆก็ได้อันตธานหายไปแล้ว
ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะกลับไปอยู่ในช่องเก็บของๆอลิซแล้ว ไม่นานนัก ก็ได้มีชุดปิกนิกออกมาเต็มทั่วพื้นที่ ดูเหมือนว่าโลลิน้อยได้เตรียมพร้อมสำหรับเวลานี้มานานแล้ว
ในขณะนี้เอง อาเธน่าและเคียก็ยังไม่ได้กลับมา พอไม่เห็นใครอยู่รอบๆ อลิซก็ได้เดินตรงไปหาเฉินรุยทีละก้าว เฉินรุยรู้สึกประหม่าครู่หนึ่งและถามว่า“ เจ้าหญิงน้อย มีอะไรงั้นเหรอ?”
“ เรื่องราวไม่ได้เป็นเช่นนั้น” อลิซพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแปลกๆ “ เจ้าควรจะพูดว่า อย่าเข้ามาใกล้มากกว่านี้นะ ไม่อย่างงั้นข้าจะเรียกให้คนมาช่วย! พอจากนั้นข้าก็จะได้พูดว่า แม้ว่าเจ้าจะกรีดร้องจนไร้ซึ่งเสียง ก็คงจะไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก!
เฉินรุยพูดไม่ออกและได้แต่กลอกตา จากนั้นเขาก็ถามขึ้นมาว่า“ ถึงฉันจะ ‘ตะโกนจนหมดเสียง’ แล้วก็เถอะ แต่ไอ้คนที่จะมาช่วยฉันมันจะมาได้ยังไงกันงั้นเหรอ? ”
อลิซมองไปที่เขาประหลาดใจ “ แสดงว่าโลกมนุษย์มีหนังสือ ‘ราชาปีศาจและเจ้าหญิง’ อยู่ด้วยสินะ”
เฉินรุยได้แต่ยิ้มอย่างเข้าใจยาก แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ดูเหมือนว่ามีหลายสิ่งที่คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาณาจักรหรือเผ่าพันธุ์
แต่เขาก็ยิ้มไม่ออกในทันที เพราะอลิซดันพูดขึ้นว่า“ เล่าเรื่องดีๆให้ข้าฟังที เหมือนกับยุคดึกดำบรรพ์ที่เล่าก่อนหน้านี้ มันช่างเป็นจินตนาการที่ล้ำเลิศซะจริง”
หัวใจของเฉินรุยเต้นเร็วและเขาก็แย้งว่า“ นั่นไม่ใช่เรื่องแต่ง แต่เป็นเหตุการณ์จริง! หากฉันไม่ได้สืบทอดความคิดของท่านอาจารย์หงอคง ฉันจะสร้างเส้นทางฮัวหยงและปริศนาแท่งไม้ได้ยังไง?”
“ ข้าจะบอกความลับกับเจ้าที่แม้แต่อาเธน่าก็ไม่รู้” อลิซพูดด้วยน้ำเสียงลึกลับ “ เมื่อข้าพบเจ้าครั้งแรก ข้าก็ได้ปลุกหนึ่งในพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนใครของลูซิเฟอร์ที่มีชื่อ <อ่านความคิด> และ…ข้าก็ได้ทดสอบมันกับเจ้าโดยไม่ตั้งใจ”
เฉินรุยตกใจและไม่สามารถพูดได้ซักพัก
บังเอิญบ้านเธอสิ!