ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 108 วางแผนซื้อรถยนต์
ตอนที่ 108 วางแผนซื้อรถยนต์
ทุกคนล้วนมีความสุขมากที่ได้เงิน ซึ่งในครั้งนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็ให้เงินจำนวน 30 หยวนกับเหล่าฉินด้วย ซึ่งเงิน 30 หยวนนี้ถือว่าเป็นเงินมหาศาลในคราวที่แล้ว แต่คราวนี้ถือว่าเป็นเงินไม่มากเท่าใด แต่ก็ไม่น้อยเช่นกัน
แต่ในความสัมพันธ์แบบพี่น้องกันนี้ไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบแต่อย่างใด เพราะนอกจากเงินจำนวนนี้แล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็ได้รับน้ำใจมากมายจากเหล่าฉินเช่นเดียวกัน
ตอนที่เขาส่งเหล่าฉินกลับ เขาก็ได้ซื้อของมากมายให้อีกฝ่ายไปด้วย อย่างเช่นเกาลัดถุงหนึ่ง แล้วก็ยังมีสาลี่ ท้อ แอปเปิลอีกเกือบ 10 ชั่ง ซึ่งนับเป็นจำนวนไม่น้อย ชนิดที่ครอบครัวของเขาไม่อาจรับประทานได้ทัน
เหล่าฉินพูดพร่ำครั้งแล้วครั้งเล่าว่าพอแล้ว แต่ซูตานหงก็เรียกเขาแล้วมอบขาหมูขนาดใหญ่หนึ่งขาให้เขานำกลับไปด้วย
สามีภรรยาทั้งคู่ช่างมีไมตรีจิตเหลือเกินจนเหล่าฉินต้องลูบอก และเอ่ยขึ้น “เจี้ยนอวิ๋น ถ้าหลังจากนี้ลูกพลับสุกเมื่อไหร่ก็บอกฉันนะ ฉันจะได้ขับรถไปขนให้ทันทีเลย!”
“ถ้างั้นต้องรบกวนพี่แล้วล่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเหล่าฉินกลับไปแล้ว ทั้งคู่ก็ปิดประตูบ้านและเริ่มคำนวณรายได้ในครั้งนี้
เหตุผลหลักก็คือตอนนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นเริ่มบ้าเงินเสียเองแล้ว ซูตานหงจึงปล่อยเขาตามสบายและเดินออกไปตากพุทราจีน
เธออยากให้มีบางส่วนถูกแสงแดดบ้าง ในลานบ้านจึงไม่ได้มีแต่พุทราจีน แต่ยังมีเกาลัดที่ตากแดดไว้ด้วย ซึ่งของแห้งเหล่านี้เหมาะสมกับการนำมาตุ๋นกับไก่ที่สุด ซึ่งจะให้กลิ่นหอมและรสชาติอร่อยเป็นพิเศษ แน่นอนว่าจะนำไปใส่ในน้ำแกงกระดูกหมูก็ได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานไหนก็ให้กลิ่นหอมไปหมด
จี้เจี้ยนอวิ๋นที่นับเงินอยู่ในห้องก็ได้ลงสรุปยอดอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเดินมาหาภรรยา ดวงตาของเขาก็เป็นประกายแวววาว “ภรรยา คุณรู้ไหมว่าคราวนี้เราได้เงินเท่าไหร่?”
“คุณได้เท่าไหร่เหรอคะ?” ซูตานหงยิ้ม
“คุณเดาสิ” จี้เจี้ยนอวิ๋นมองเธอ
“ถ้าไม่ใช่สองพัน ก็น่าจะพันห้าร้อยหรือพันหกร้อยหรือเปล่าคะ?” ซูตานหงบอก
“สองพันสองร้อย!” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกออกมาเป็นจำนวนมหาศาล สร้างความประหลาดใจให้กับซูตานหง
จำนวนนี้ช่างเหนือความคาดหมายของซูตานหง 2,200 หยวน มันเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?
“ทำไมมันเยอะขนาดนี้ล่ะคะ?” เธอถาม นี่เป็นจำนวนกำไรสุทธิที่เหลืออยู่ทั้งหมดหลังหักค่าต้นทุนทุกอย่างออกไปแล้ว
“จำนวนนี้ถือว่าปกตินะ เพราะผมขายมานานกว่าครึ่งเดือน แล้วก็ขายที่เมืองมหาวิทยาลัยกับเหล่าฉินด้วย” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เรื่องนี้อยู่เหนือความคาดหมายไม่น้อยเลยทีเดียว เขารู้ว่าทุกวันมีรายได้เท่าใดบ้าง ทุกครั้งที่รถบรรทุกขนาดใหญ่เคลื่อนผ่านไปอย่างช้า ๆ กิจการขายผลไม้ก็อยู่ในขั้นดีมาก จากรายรับมากกว่า 100 หยวนต่อวัน และยังขายดีแบบนี้เป็นระยะเวลายาวนานอีกด้วย ดังนั้นรายรับจำนวนนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ
“ 2,200 หยวน รวมกับรายได้ที่ขายเชอร์รี่เมื่อก่อนหน้านั้นมากกว่า 400 หยวน ก็จะได้เกือบ 3,000 หยวนแล้ว แล้วรถมือหนึ่งแบบที่เหล่าฉินใช้มันราคาเท่าไหร่เหรอคะ?” ซูตานหงถาม
“มากกว่า 3,000 หยวนน่ะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยด้วยดวงตาเป็นประกาย ตราบใดที่เขาเป็นผู้ชาย ก็ไม่มีทางที่เขาจะไม่ชอบรถ ยิ่งกว่านั้นถ้าเขามีรถอยู่ที่บ้านสักคัน เขาก็จะเป็นคนขับ แน่นอนว่าเขาอยากได้รถไว้ขับเองบ้าง
ครั้งนี้เขาหาเงินได้เกือบ 3,000 หยวนแล้ว อีกไม่นานก็คงจะได้ซื้อรถสักคัน
“อีกไม่นานก็จะถึงเวลาเก็บเกี่ยวลูกพลับแล้ว ซึ่งฉันวางแผนจะเก็บลูกพลับมาทำเป็นลูกพลับแห้งน่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นคงขายได้ในราคาไม่สูงนัก” ซูตานหงบอก
“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน นี่ก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว ผู้คนจะต้องซื้อของเตรียมไว้สำหรับเทศกาลปีใหม่กันแน่นอน แล้วราคาของก็จะแพงขึ้น” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า
อีกไม่นานเขาก็จะได้มีรถยนต์มาไว้ที่บ้านแล้ว!
ซูตานหงหัวเราะเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ ความจริงแล้วเธอไม่ได้บอกสักหน่อยว่าอยากได้รถ เพราะเงินที่มีอยู่ตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่เพียงแต่เขาจะได้ไปขายผลไม้กับเหล่าฉิน แต่พี่ชายรองของเธอก็ช่วยดูแลร้านในเมืองได้มาก และยังพาครอบครัวของเขาเข้าไปอยู่ในเมืองอีกด้วย
ส่วนตัวเธอเก็บเงินที่ตนหามาได้ และเอาไว้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน ส่วนเรื่องการซื้อรถนั้นให้เขาเป็นคนคิดหาทางเอง ถ้ายังไม่พอก็ค่อยหาเงินเพิ่มเมื่อถึงตอนนั้นแล้วกัน
จี้เจี้ยนอวิ๋นหยิบเงินมาเก็บไว้ จากนั้นก็ขึ้นไปดูต้นพลับบนภูเขา เงินที่จะใช้ซื้อรถของเขาอยู่ที่นั่น และเขาจะต้องดูแลมันเป็นอย่างดี
“เจี้ยนอวิ๋น แกะพวกนี้เติบโตดีเหลือเกินหลังเลี้ยงที่นี่ หลังสิ้นปีนี้ไปแล้วก็คงถึงเวลาขายแกะฝูงนี้ออก ดังนั้นเก็บลูกแกะเอาไว้เถอะ แล้วแกค่อยซื้อลูกแกะฝูงใหม่กลับมาเลี้ยงก็ได้” คุณพ่อจี้บอกเมื่อเห็นเขากลับมา
ชายชราผู้มีกำลังวังชาเต็มเปี่ยมในตอนนี้ชี้ไปที่แกะฝูงนั้นขณะพูดกับลูกชาย
แกะ 15 ตัวที่ซื้อมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วนั้นได้ให้กำเนิดลูกแกะ 6 ตัวในปีนี้ ส่วนแกะตัวอื่น ๆ ก็เป็นเหมือนกัน ตรงที่พวกมันต่างมีรูปร่างดี ทั้งอ้วนและแข็งแรงกันหมด
“ครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นรับคำทันที เพราะในใจเขาก็คิดไว้แล้วว่าจะเลี้ยงแกะพวกนี้ไว้จนถึงสิ้นปี ก่อนจะส่งเชือดและนำไปขายในเมืองมหาวิทยาลัย ซึ่งน่าจะขายหมดที่นั่น แต่กว่าจะถึงตอนนั้นก็ต้องรอจนกระทั่งเขาจะซื้อรถกลับมาเสียก่อน
จี้เจี้ยนอวิ๋นเดินมาดูต้นพลับโดยมีคุณพ่อจี้เดินตามมาดูด้วย ชายชราทำไร่ทำสวนมานานหลายปีแล้วก็ต้องยอมรับว่าลูกชายคนที่สามช่างเป็นผู้มีบุญเสียจริง ดูต้นผลไม้พวกนี้สิ ทุกกิ่งบนต้นล้วนมีผลติดเต็ม จนทั้งต้นมีแต่ผลไม้
“แล้วแกจะขายลูกพลับพวกนี้ยังไง?” คุณพ่อจี้ถาม
“ผมคิดว่าจะขายเป็นลูกพลับแห้ง แล้วนำไปขายในเมืองมหาวิทยาลัยน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ
ถ้าทำเป็นลูกพลับแห้งแล้วจะไม่ต้องกังวลว่าจะมีที่ตากหรือไม่เลย ภูเขาลูกนี้มีที่ว่างเปิดโล่งตั้งมากมาย เพียงพอให้ตากลูกพลับได้อย่างแน่นอน
คุณพ่อจี้พยักหน้า “ถึงตอนนั้นมันก็ใกล้จะวันสิ้นปีแล้ว คงจะขายได้อย่างแน่นอน”
“แล้วที่เล้าไก่เป็นยังไงบ้างครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม
“อย่ากังวลไปเลย เล้าไก่ทั้งหมดได้รับการดูแลอย่างดี ปีนี้แกอยากจะได้ลูกเจี๊ยบจากชาวบ้านอีกไหมล่ะ?” คุณพ่อจี้ถาม
“อยากสิครับ เหมือนกับทั้งปีนั่นแหละครับ แต่อย่าเอามาเยอะเกินก็พอ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
มีแม่ไก่อยู่หลายตัวทีเดียวที่สามารถฟักไข่ได้
เขาคิดว่าหลังจากเลี้ยงไก่แล้วสวนของเขาก็จะเหม็นมาก แต่โชคดีที่จี้หงจวินกับสวี่อ้ายตั๋งนั้นขยันทำงาน งานหลักของพวกเขาคือการเก็บกวาดมูลไก่ในเล้าและทำความสะอาดคอกแกะ ซึ่งจะกระทำในทุกเดือน และน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่นำมาจากโรงพยาบาลนั้นก็มีราคาสูงระดับหนึ่ง
แต่เพื่อสุขอนามัยแล้ว เขาก็ไม่สนใจในเรื่องนี้ น้ำยาฆ่าเชื้อนี้มีราคาอยู่ 10 ถึง 20 หยวน ซึ่งราคานี้ก็ยังพอรับได้อยู่
คุณพ่อจี้เห็นด้วย จากนั้นก็มาคุยกับคุณแม่จี้ ซึ่งคุณแม่จี้ก็พูดว่า “ทำไมต้องไปซื้อลูกเจี๊ยบจากชาวบ้านด้วยล่ะ ในสวนหลังบ้านเราเองก็มีแม่ไก่อยู่ตั้งหลายตัว” จาก
คำพูดของนางแสดงให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินไปกับการซื้อลูกเจี๊ยบเลย
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น คุณแม่จี้ก็ยังไปเที่ยวถามชาวบ้านคนอื่น ๆ ว่ามีใครพอจะขายลูกเจี๊ยบที่มีเกินจำนวนเลี้ยงบ้างไหม นางจะได้รับซื้อ แต่ซื้อไปเป็นจำนวนไม่มากนัก เหมือนกับปีที่แล้ว
บรรดาหญิงชราในหมู่บ้านต่างดีใจมากที่ได้ยินว่านางอยากได้ลูกเจี๊ยบ ทั้งหมดต่างเต็มใจขายให้นาง
ตอนนี้คุณแม่จี้เรียกได้ว่าแทบจะเป็นคนอันดับหนึ่งของหมู่บ้านไปแล้ว ซึ่งบรรดาหญิงชราพวกนี้ต่างก็เชื่อใจนาง ดูลูกชายและลูกสะใภ้ผู้มีบุญของนางสิ ไม่มีใครสามารถเทียบได้เลย
หลังได้รับคำเยินยอจากบรรดาแม่เฒ่าในหมู่บ้านแล้ว คุณแม่จี้ก็กลับมาที่บ้าน
ซูตานหงกำลังทำงาแผ่นพอดี เมื่อเห็นนางกลับมา เธอก็ร้องเรียก “คุณแม่คะ ลองมาชิมหน่อยค่ะว่ารสชาติขนมที่ฉันทำนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
คุณแม่จี้ไม่เกรงใจและหยิบไปชิมชิ้นหนึ่ง จากนั้นนางก็ยิ้ม “อร่อยดีนะ อร่อยกว่าที่ขายข้างนอกเสียอีก”
“หลังจากนี้คุณแม่ช่วยเอาไปให้คุณพ่อที่อยู่บนภูเขาด้วยนะคะ” ซูตานหงบอก
“เธอเก็บไว้กินเองเถอะ” คุณแม่จี้บอก นางชอบความกินเก่งของสะใภ้สามเสียจริง ๆ ทำให้หลานชายที่เกิดในตอนนั้นมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ต่อให้ครั้งนี้ได้ลูกสาวก็ยังมีเหรินเหรินอยู่ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหากเด็กที่กำลังจะเกิดมานี้เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
“ฉันทำไว้เยอะเลยค่ะ” ซูตานหงบอก
“เป็นแม่ของเธอที่ยังรักเธออยู่นะ หล่อนถึงส่งงามาให้เธอกินเป็นการพิเศษ” คุณแม่จี้ยิ้ม
“ฉันได้ยินมาจากพี่รองของฉันแล้วนะคะว่าคุณแม่เป็นคนแบ่งเนื้อติดมัน 2 ชั่งไปให้คุณแม่ของฉัน ขอบคุณมากนะคะที่ไว้หน้าฉัน” ซูตานหงยิ้ม
คุณแม่จี้ได้ฟังแล้วก็อารมณ์ดี ไม่ใช่ว่านางพยายามไว้หน้าซูตานหงหรอกหรือ? แล้วก็ไว้หน้าให้ตระกูลซูเป็นอย่างมากด้วย นางไม่ค่อยทำอะไรดี ๆ ให้ผู้อื่นรู้หรอก ตานหงคงรู้ได้เองว่านางมีความสุขจากการกระทำของนาง
………………………………………………