ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 123 ก่อความวุ่นวาย
ตอนที่ 123 ก่อความวุ่นวาย
เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ถึงกลางเดือนสิบสอง ปีนี้หิมะตกหนักกว่าปีที่แล้ว และเนื่องจากใกล้เทศกาลปีใหม่เข้ามาทุกที บรรยากาศในเมืองจึงดูคึกคักขึ้นมาก มีแต่ผู้คนเดินกันขวักไขว่ โดยเฉพาะในปีนี้ที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ผู้คนพอมีเงินเก็บอยู่ในกระเป๋าบ้าง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็เท่ากับว่าจะผ่านปีนี้ไปด้วยดี เพราะทุกคนต่างเต็มใจที่จะจับจ่ายใช้สอย
ในวันนี้ซูตานหงกำลังกินแอปเปิลอยู่ ขณะเดียวกันก็ป้อนเนื้อผลไม้บดเละให้เหรินเหรินน้อยไปด้วย ซึ่งแทบจะเป็นการให้เขาได้ชิมรสชาติ และเด็กน้อยคนนี้ก็รู้สึกพอใจมาก
แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เพราะไม่กี่วันนี้พี่สาวของเขาถูกพาตัวกลับไป ทำให้ทุกวันเด็กชายเอาแต่ชะเง้อหาพี่สาวของเขาในทันทีที่ตื่นนอน
เยียนเอ๋อร์ใช้เวลา 2-3 วันที่ผ่านมากับครอบครัวของเธอทางนั้น แม้เธอจะยังเล็ก แต่ก็รับรู้ได้ว่าพวกเขาเป็นพ่อแม่ของเธอ ดังนั้นแม้จะยังอยากมาหาบ้านนี้อยู่ เธอก็ไม่สร้างปัญหาแต่อย่างใด
ในวันนี้เอง จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ได้ขับรถกลับมาพร้อมกับแอปเปิลสองลัง
ซูตานหงเก็บลังหนึ่งเอาไว้กินเอง และให้เขาเป็นคนแบ่งอีกลังหนึ่ง
ส่วนหนึ่งให้คุณพ่อจี้ที่อยู่บนภูเขา อีก 10 ลูกให้คุณแม่ซู และส่วนที่เหลือนั้นก็ให้กับคุณแม่จี้
ในวันนั้นจี้อวิ๋นอวิ๋นก็ได้กินแอปเปิล และพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวนี้พี่สามขี้งกขึ้นแล้วจริง ๆ ด้วย ดูเขาสิ ตอนที่ขับรถคันใหญ่คันนั้นออกไป เขาไม่แม้แต่จะชวนฉันขึ้นไปนั่งเลยสักนิด”
หล่อนเองก็โตขนาดนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้นั่งรถแบบนั้นเลยสักครั้ง
ยังดีที่ตอนเด็กโชคดีพอจะได้นั่งรถไถอยู่บ้าง
ตอนนี้พี่ชายสามซื้อรถคันหนึ่งมาหล่อนกลับไม่ได้นั่งเลยสักครั้ง ทำได้เพียงเหลือบมองอยู่หลายที คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรหล่อนก็รู้สึกโมโหทุกครั้ง
เห็นชัดว่าพี่ชายสามไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว พี่ชายสามเองก็รักหล่อนมากเช่นกัน ทว่านับตั้งแต่ที่เขาแต่งงานไป เขาก็ไม่ได้ให้เงินหล่อนอีกเลย และไม่ให้สิ่งของอะไรกับหล่อนด้วย ขนาดแอปเปิลนี่ยังซื้อมาให้แม่ของหล่อนกับเยียนเอ๋อร์กิน โดยไม่ได้พูดถึงหล่อนเลยสักประโยค!
หลังกัดกินแอปเปิลไปลูกหนึ่งแล้ว หล่อนก็เอื้อมไปหยิบอีกลูกหนึ่งมากินตามอำเภอใจ อวิ๋นลี่ลี่เห็นดังนี้ก็รู้สึกเคืองขึ้นมาเล็กน้อย เพราะแอปเปิลนี่เป็นของเอาไว้ให้ลูกสาวของหล่อนกิน ลูกสาวของหล่อนจะต้องได้กินแอปเปิลวันละลูก แต่ทำไมอวิ๋นอวิ๋นน้องสามีที่โตขนาดนี้ถึงไม่รู้จักการแบ่งปันให้หลานสาวบ้าง?
“ตอนนี้เยียนเอ๋อร์ได้กินดีอยู่ดีแล้ว หล่อนจะขาดแอปเปิลของวันนี้ไม่ได้ แล้วพี่สามก็ไม่ได้ให้แอปเปิลมาเยอะนัก เธออยากกินเธอก็ขอให้พี่สี่ซื้อมาให้กินสิ!” อวิ๋นลี่ลี่พูด
หล่อนพูดประโยคนี้กับจี้อวิ๋นอวิ๋นโดยตรง
จี้อวิ๋นอวิ๋นทำเป็นหูทวนลมและเอ่ยหลังจากได้ยินดังนั้น “พี่ดูสิ นี่จะต้องเป็นแผนของนังนั่นที่จงใจขุนเยียนเอ๋อร์แน่ ๆ นี่ไม่ใช่ต้องการให้พวกพี่สี่กับพี่สะใภ้สี่มีปัญหาเหรอคะ?”
อวิ๋นลี่ลี่ได้ยินก็ยิ้มเย็นชา
นี่มันหมายความว่าอย่างไร? แค่แอปเปิลหนึ่งลูกก็หาว่าลูกสาวของหล่อนถูกเลี้ยงจนเสียเด็กแล้วเหรอ? แล้วจี้อวิ๋นอวิ๋นล่ะ จี้อวิ๋นอวิ๋นเป็นอย่างไร ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแม่สามีถึงใช้ไม้แข็งบังคับให้หล่อนทำงานบ้าน เพราะว่าหล่อนเป็นคนดื้อด้านแบบนี้นี่เอง!
“ถึงจะเป็นแค่แอปเปิล ฉันกับพี่ชายสี่ก็ใช่ว่าจะมีเงินซื้อ ดังนั้นจึงต้องเก็บแอปเปิลพวกนี้ไว้ให้เยียนเอ๋อร์ยังไงล่ะ!” อวิ๋นลี่ลี่พูดเสียงเบา
แม้หล่อนจะอยู่ข้างเดียวกับจี้อวิ๋นอวิ๋น แต่เมื่อใดที่ผลประโยชน์สั่นคลอน ความร่วมมือนี้ก็สามารถจบสิ้นได้ทุกเมื่อ และหล่อนก็ไม่จำเป็นต้องกินอาหารของจี้อวิ๋นอวิ๋นแต่อย่างใด!
“พี่สะใภ้สี่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดรัวเร็ว หลังรู้สึกตัวว่าหล่อนเพิ่งดูหมิ่นพี่ชายสี่และพี่สะใภ้สี่ไปหมาด ๆ
“รีบไปช่วยงานคุณแม่เถอะ ฉันจะตามไปหลังเยียนเอ๋อร์กินเสร็จแล้ว” อวิ๋นลี่ลี่พูด
จี้อวิ๋นอวิ๋นพยักหน้าและออกไปพร้อมแอปเปิลในมือ จากนั้นอวิ๋นลี่ลี่ก็ป้อนอาหารให้ลูกสาวของหล่อนต่อ เห็นว่าลูกสาวชอบใจที่ได้กิน หล่อนก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เยียนเอ๋อร์ชอบกินแอปเปิลไหมจ๊ะ?”
“ชอบค่ะ” เยียนเอ๋อร์กินแอปเปิลบดที่แม่ของเธอป้อนในคำเดียวแล้วก็พยักหน้า
เห็นลูกสาวกินอย่างมีความสุขแล้ว อวิ๋นลี่ลี่ก็พลอยมีความสุขไปด้วย แม้หล่อนจะไม่ชอบใจครอบครัวสามนัก แต่ลูกสาวของหล่อนก็ไม่ได้ถูกเลี้ยงแบบแย่ ๆ และด้วยฐานะของครอบครัวสามแล้ว เกรงว่าแอปเปิลนี้ก็คงไม่อยู่ในสายตาของสะใภ้สามแม้แต่น้อย
แต่หล่อนก็ไม่พูดอะไรมาก ตราบใดที่ลูกสาวหล่อนเป็นคนได้ประโยชน์ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
หลังป้อนแอปเปิลให้ลูกสาวเสร็จ อวิ๋นลี่ลี่ก็เห็นว่ายังมีแอปเปิลเหลืออีก 5 ลูก หล่อนจึงเก็บเอาไว้ ครั้งนี้ครอบครัวสามนำแอปเปิลมาให้มากมาย แต่ก็ไม่ได้มากขนาดนั้น เพราะพวกเขาให้แค่คุณแม่จี้กับเยียนเอ๋อร์กินโดยเฉพาะ แต่จี้อวิ๋นอวิ๋นกลับกินไปเสียตั้งมากมาย!
ดังนั้นส่วนที่เหลือหล่อนจะเก็บไว้ให้เยียนเอ๋อร์กินคนเดียว
แม้แอปเปิลจะมีราคาไม่แพง แต่ที่นี่ก็ไม่ได้ผลิตแอปเปิลลูกใหญ่ขนาดนี้ หากมันเป็นแอปเปิลจากที่อื่นจะต้องมีราคาแพงมาก ซึ่งหล่อนกับเจี้ยนเหวินยังมีหนี้ที่ต้องชำระอีกมาก จึงต้องประหยัดไว้ให้มากเท่าที่จะทำได้
เป็นเพราะพวกเขาอยากเก็บออมเงินไว้ ในปีนี้คนทั้งคู่จึงกลับมาบ้านด้วยมือเปล่า
ซูตานหงไม่คิดอะไรกับเรื่องนี้ อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่นานอยู่แล้ว
โดยเฉพาะเฝิงฟางฟางที่ปีนี้หล่อนนำข้าวกลับมาด้วยเกือบ 50 ชั่ง ส่วนจี้มู่ตานก็เปรยไว้ว่าจะนำข้าวโพดบดกลับมาราว 10 หรือ 20 ชั่ง นอกจากนั้นก็ยังนำของอย่างอื่นมาด้วย
ส่วนซูตานหงนั้นไม่อาจว่ากล่าวได้ว่าเธอทำผิดอะไร เกือบ 1 ปีที่ผ่านมานี้สองสามีภรรยาเฒ่าได้มากินข้าวที่บ้านเธอตลอด
แต่พวกหล่อนไม่พอใจอวิ๋นลี่ลี่ยิ่งนัก ทำไมทั้งที่คนทั้งสองต่างเป็นลูกชายกับลูกสะใภ้เหมือนกัน แต่พวกเขากลับมาขอข้าวคนแก่กินแบบนี้!
ดังนั้นเฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานจึงมาหาในวันนั้นพร้อมกับนำเค้กไข่จำนวนหนึ่งมาด้วย แต่ความจริงแล้วพวกหล่อนมาก็เพื่อจะมาหาเรื่อง
อวิ๋นลี่ลี่ถือตัวว่าตัวหล่อนเองก็เป็นครูบาอาจารย์สั่งสอนผู้คน ฐานะของหล่อนก็สูงส่งไม่ด้อยไปกว่าใคร ไม่จำเป็นต้องสนใจคนธรรมดาคนอื่น ๆ หรอก ดังนั้นต่อให้พวกหล่อนจะไม่พอใจ หล่อนก็ไม่เก็บเรื่องนี้มาคิดมาก
แต่จี้เจี้ยนเหวินนั้นละอายใจต่อพี่สะใภ้ทั้งสองเหลือเกิน
“เจี้ยนเหวิน อย่าหาว่าพี่สะใภ้ใหญ่สั่งสอนนายเลยนะ นายมันไร้ยางอายเกินไปแล้ว เงินเดือนทุกสิ้นเดือนของนายก็ไม่ได้น้อย แถมหน้าร้อนที่ผ่านมายังมีรายได้จากโรงเรียนกวดวิชาอีก พี่ชายกับพี่สะใภ้ทั้งสามของเธอเป็นคนเลี้ยงคุณพ่อคุณแม่มาโดยตลอด นายเองก็เป็นลูกชายคนหนึ่ง จะมาล้มเหลวต่อหน้าที่นี้ไม่ได้นะถูกไหม?”
“ที่กล่าวมาผิดไหมล่ะ พวกนายต่างเป็นลูกชาย ถึงพวกพี่ชายของนายจะจ่ายค่าเลี้ยงดูให้พวกเขาตลอด แต่นายจะไม่ใส่ใจเพราะคิดว่าคุณพ่อกับคุณแม่กินดีอยู่ดีที่บ้านแล้วเลยไม่ส่งเงินค่าเลี้ยงดูกลับมาให้สักหยวนไม่ได้นะ!” จี้มู่ตานพูด
ถ้าเป็นในเรื่องนี้ หล่อนยินดีที่จะอยู่ร่วมแนวหน้าเดียวกันกับเฝิงฟางฟาง
“พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองอย่าเพิ่งหาว่าผมเพิกเฉยไม่คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยครับ ผมแค่คิดว่าจะจัดการจ่ายหนี้ค่าบ้านให้หมดก่อน จากนั้นก็ค่อยพาคุณพ่อคุณแม่ไปอยู่ด้วยกันในเมืองเจียงสุ่ยน่ะครับ” จี้เจี้ยนเหวินเอ่ยรัวเร็ว
“เป็นเรื่องดีที่จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปอยู่ในเมืองเจียงสุ่ยนะ แต่นั่นมันนานเกินไป พวกท่านจะไม่ชิน นายหาเงินได้แล้วส่งเงินกลับมาให้พวกท่านใช้จ่ายทางนี้ยังจะดีกว่า” เฝิงฟางฟางบอก
ส่วนจี้มู่ตานไม่กล่าวอะไร
ทว่าหล่อนแค่นแสยะอยู่ในใจ พาคุณพ่อคุณแม่ไปอยู่ที่เมืองเจียงสุ่ยอย่างนั้นเหรอ?
ใครจะรู้ว่ามันจะเป็นเพียงคำพูดสวยหรูหรือไม่? เรื่องนี้ลองถามใครสักคนในครอบครัวนายก็ได้ ว่าพ่อแม่ที่ทำงานอยู่ในชนบทมาทั้งชีวิตจะปรับตัวอยู่ในเมืองได้ไหม ตอนนี้พวกท่านกินดีอยู่ดีที่บ้านสามแล้ว ใครหน้าไหนจะอยากไปอยู่ในเมืองเจียงสุ่ยกับนายล่ะ!
เมื่อเห็นดังนี้ โดยเฉพาะลูกชายคนเล็กที่ถูกสองสะใภ้ตำหนิแล้ว คุณแม่จี้ก็ไม่อาจเงียบอยู่ได้อีกต่อไปและเอ่ยขึ้นมา “ก็จริงอยู่ที่ปีนี้ฉันไปกินข้าวบ้านสามแล้ว แต่พวกเธอแต่ละคนก็มีปัญหาของตัวเอง ต่อให้ยังชีพด้วยข้าว 50 ชั่งกับข้าวโพดบด 20 ชั่งก็อยู่ไม่ได้หรอก เพราะที่บ้านไม่มีเนื้อเลย เจี้ยนเหวิน พรุ่งนี้ซื้อเนื้อกลับมาด้วยนะ”
ซึ่งคำพูดนี้ก็เป็นการกระทบกระเทียบเฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานด้วยเช่นกัน
อย่าคิดว่านำของมาให้แล้วมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้เลย สามีภรรยาชราคู่นี้ไม่อาจอยู่ได้เพราะของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่นำมาให้หรอก มีแต่บ้านสามเท่านั้นที่พวกเขาจะอยู่ได้ ต่อหน้าบ้านสามแล้วพวกเธอก็อยู่คนละชั้น ดังนั้นอย่าพาลใส่คนอื่น
แต่ปีใหม่คราวที่แล้วบ้านสี่ก็กลับมาด้วยมือเปล่า มาปีนี้พวกเขายังกลับมามือเปล่าอีก เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นให้พูดถึงโดยง่าย ต่อให้พวกเขาเข้าใจว่าทั้งสองต้องจ่ายค่าจำนองบ้าน แต่ก็ควรจะทำอะไรเป็นการไว้หน้ากันบ้าง
“แม่ ผมจะไปซื้อพรุ่งนี้ครับ!” จี้เจี้ยนเหวินเอ่ยในทันที
………………………………………