ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 130 ปีที่ดี
ตอนที่ 130 ปีที่ดี
“ถ้าเธอมาทำงานชั่วคราวแล้วล่ะก็ จะต้องไม่ผิดหวังแน่จ้ะ มีผลไม้พอให้เก็บ มีค่าแรงให้ แล้วก็ยังได้กินอาหารกลางวันดี ๆ อีกต่างหาก”ซูตานหงพูดขึ้น
“งั้นปีนี้ฉันจะคอยดูกับเจี้ยนเหวินแล้วกันค่ะ ถ้าฉันทำได้ ฉันก็จะไม่เปิดโรงเรียนกวดวิชาแล้ว” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
แน่นอนว่าซูตานหงรู้ว่าหล่อนกำลังตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ จึงพูดขึ้น “พี่มาที่นี่เพื่อรอเธอกลับมา แล้วตำแหน่งงานก็ว่างสำหรับเธอในทุกเมื่อ แต่ถ้าเด็ก ๆ นักเรียนอยากมากวดวิชา เธอก็ไปสอนพวกเขาก่อนเถอะจ้ะ”
อวิ๋นลี่ลี่ได้ยินก็พอใจ แน่นอนว่าหล่อนกับเจี้ยนเหวินจะยังอยู่ที่เมืองเจียงสุ่ยเพื่อเริ่มกิจการโรงเรียนกวดวิชาต่อไป
ส่วนจี้มู่ตานกับเฝิงฟางฟางนั้นไม่มีอะไรต้องพูดถึง
จี้มู่ตานเสียความมั่นใจไปแล้ว ตอนที่หล่อนคลอดลูกคนที่สองและต้องจ่ายค่าปรับนั้น คุณพ่อกับคุณแม่จี้ออกเงินให้หล่อนไปไม่น้อย
ส่วนเฝิงฟางฟางนั้นไม่ได้เข้ามายุ่ง หล่อนรู้ว่าครั้งนี้สะใภ้สามกำลังรำคาญหล่อน และตอนนี้ผู้เฒ่าทั้งสองก็ช่วยเหลือเธอด้วยความรักใคร่ เธอจึงอุทิศตัวเองให้กับผู้เฒ่าทั้งสอง และคอยดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง ปีที่แล้วเป็นอย่างไร ปีนี้ก็เป็นอย่างนั้น ทุกอย่างเป็นไปเพราะอยากให้สองผู้เฒ่ามีปีที่ดี
หล่อนเองก็ไม่ได้จะให้ปีนี้เป็นปีที่ไม่ดีหรอก แต่บ้านสี่นั้นทำเกินไป ปีที่แล้วหล่อนไม่ได้นำอะไรกลับมา แถมยังฝากลูกสาวในวัยกำลังกินให้สองผู้เฒ่าเลี้ยง แม้ว่าในที่สุดแล้วบ้านสามจะเป็นคนนำไปเลี้ยง แต่ก็ไม่มีอะไรต้องพูด เพราะลูกสาวหล่อนกินอาหารของบ้านสามมากเหลือเกิน
แต่บ้านสี่นั้นทำตัวเกินไป อีกฝ่ายยังกลับมามือเปล่าในปีนี้ ก็แน่นอนว่าหล่อนย่อมโมโห
ตอนนี้ความสัมพันธ์กับบ้านสามก็ถึงกาลสะดุดเล็กน้อย ซึ่งหล่อนก็โทษว่าเป็นความผิดของอวิ๋นลี่ลี่ เรื่องการแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่สามีของบ้านสามนั้นถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หากเป็นไปได้หล่อนก็คิดจะทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ติดที่ว่าฐานะทางบ้านไม่เอื้อให้ทำอย่างนั้นได้เท่านั้นเอง
เฮ้อ
หลังคิดดังนี้แล้ว เฝิงฟางฟางก็ถอนหายใจ ถ้ารู้ว่าจะโดนอวิ๋นลี่ลี่เหยียบย่ำเช่นนี้หล่อนก็ไม่น่าทำอะไรแบบนี้เลย
“พี่สะใภ้ใหญ่คะ ช่วงนี้โหวหวาจือเรียนหนักมากไหมคะ?” ซูตานหงที่ยังพูดเจื้อยแจ้วก็ได้หันมาถามหล่อน
“อาสะใภ้สามครับ ตอนนี้ผมเรียนหนักมากแล้ว สอบปลายภาคผมได้คะแนนเลข 92 คะแนนกับคะแนนภาษาจีน 88 คะแนนด้วยล่ะครับ!”โหวหวาจือที่ได้ยินแต่ไกลก็เอ่ยตอบในทันที
“เด็กคนนี้นี่นะ ขอบใจที่พูดขึ้นมาบ้าง ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหน” เฝิงฟางฟางรู้ว่าสะใภ้สามกำลังยื่นบันไดให้หล่อน จึงรีบเอ่ยตามน้ำด้วยรอยยิ้ม
“โหวหวาจือทั้งฉลาดและว่านอนสอนง่าย ฉันไม่เป็นห่วงเขาเลยค่ะ เขามีจิตสำนึกต่อตัวเองดีมาก” ซูตานหงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
โหวหวาจือที่อยู่ตรงนั้นได้ยินแล้วก็รู้สึกยินดีมาก
“พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ปีนี้โหวหวาจือก็โตขึ้นเยอะเลยนะคะ เช่นเดียวกับสองสาวเสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้เลย” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ในเมื่อสะใภ้สามอยากจะสร้างบรรยากาศที่ดี หล่อนก็เต็มใจให้ความร่วมมือ ถึงอย่างไรลูกสาวของหล่อนก็ต้องอยู่ที่นี่ต่อในปีหน้าอยู่แล้ว
“นั่นก็เพราะเด็ก ๆ พวกนี้พากันไปกินอาหารอร่อย ๆ ที่บ้านของสะใภ้สามอย่างไรล่ะ” คุณแม่จี้เห็นพวกหล่อนมีความสุขแล้ว นางก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาและเอ่ยเสริมขึ้น บรรดาคนชราล้วนชอบที่จะเห็นลูกหลานมีช่วงเวลาที่ดี
“อาหารอะไรกันคะ?” ซูตานหงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เราได้กินของดี ๆ หลายอย่างของอาสะใภ้สามเลยครับ มีทั้งไข่หลายฟอง แตงโม สตรอเบอรี่ เชอร์รี่ แอปเปิล สาลี่ เรียกได้ว่าผมได้กินเยอะแยะเลย แต่ที่ผมชอบที่สุดคือโจ๊กกระดูกหมูของอาสะใภ้สาม มันหอมน่ากินมากเลยครับ!” โหวหวาจือบอก
“พวกเราก็ชอบกินค่ะ!” เสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้สองพี่น้องต่างพยักหน้า
ในปีที่ผ่านมา พวกเขาสามคนตัวโตขึ้นมาก และใบหน้าก็อิ่มเต็มไปด้วยเนื้อ ไม่ได้ซูบตอบเหลืองซีดแบบเมื่อก่อน และเป็นเพราะบางครั้งซูตานหงซื้อของเล่นให้พวกเขา เด็ก ๆ โดยเฉพาะเสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้ที่แต่ก่อนนั้นดูเหนียมอาย ก็ดูร่าเริงเปิดเผยมากขึ้น
อวิ๋นลี่ลี่รู้เรื่องนี้ ดูเหมือนบ้านใหญ่กับบ้านรองคงไม่ยอมแพ้ เมื่อเห็นว่าเยียนเอ๋อร์ได้รับการเลี้ยงดูจากบ้านสาม พวกหล่อนก็คงคิดจะเลียนแบบหล่อนเหมือนกันสินะ!
เยียนเอ๋อร์เพิ่งจะอายุเท่าไหร่ จะกินเยอะได้สักเท่าไรเชียวต่อให้กินอีก? พวกหล่อนช่างโชคดีจริง ๆ ที่รู้เรื่องนี้!
แต่อวิ๋นลี่ลี่ก็ไม่เอ่ยอะไร หล่อนยิ้มและพูดว่า “เยียนเอ๋อร์มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะนับตั้งแต่ถูกเลี้ยงดูที่นี่ ในภายหน้าก็ขอให้หล่อนได้ตอบแทนพี่สะใภ้สามนะคะ!”
ซูตานหงยิ้ม เธอไม่คิดคาดหวังอะไร อีกอย่างเธอก็พร้อมเลี้ยงโดยที่ไม่นับลูกชายเธอเองในอนาคตเลย
เมื่อเหรินเหรินกับคนอื่น ๆ โตขึ้น พวกเขาก็จะบินจากอ้อมอกไป เธอกับเจี้ยนอวิ๋นต้องอยู่กันแค่สองคน ต่อให้แก่แล้วก็ต้องอยู่กันให้ได้ เมื่อเวลานั้นมาถึงจะจ้างคนรับใช้มาหนึ่งหรือสองคนก็คงไม่ต่างอะไร
การพึ่งพาลูก ๆ กลับมาเลี้ยงดูนี้เป็นสิ่งที่พึ่งพาไม่ได้หรอก
เมื่อตัดความทุกข์ในตอนแรกที่เกิดจากจี้อวิ๋นอวิ๋นแล้ว บรรยากาศในเวลาต่อมาก็ชื่นมื่นมากขึ้น และสีหน้าของคุณพ่อกับคุณแม่จี้ก็ดูดีมีความสุขมากกว่าเดิม
เมื่อได้เวลาสมควรแล้ว เหรินเหรินก็เริ่มจะตาปรือหลับไป จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงพาทั้งแม่และลูกกลับบ้าน
“พ่อแม่ผมมีความสุขมากนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกกับภรรยา
“ดีแล้วค่ะที่มีความสุข วันเวลาก็จะผ่านไปในแต่ละปี ให้พวกท่านได้มีความสุขเถอะค่ะ”ซูตานหงบอก
จี้เจี้ยนอวิ๋นมองภรรยาแล้วรู้สึกว่าถ้าก่อนหน้านี้เขาได้แต่งงานกับภรรยาที่มีคุณธรรมและกตัญญูรู้คุณแบบนี้ เธอก็คงจะทำให้ชีวิตของเขาเจริญก้าวหน้าอย่างใหญ่หลวงในตอนนั้นแล้ว ไม่อย่างนั้นทำไมภรรยาแบบนี้ถึงได้กลายมาเป็นคนหยาบคายแข็งกระด้างกันล่ะ?
“คุณมองอะไรน่ะคะ?” ซูตานหงมองค้อนเขา เธอก็แค่ทำในสิ่งที่ควรต้องทำเท่านั้น แต่แล้วเธอก็รู้สึกใจกระตุกกับสายตาของสามี
“ภรรยาครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกอดเธอไว้
“คุณรีบแช่เท้าแล้วรีบไปนอนเร็วเข้าค่ะ”ซูตานหงรู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไรจึงเอ่ยขึ้นมาทันที
ตอนนี้ท้องของเธอใหญ่มากแล้ว ไม่ควรทำอะไรแบบนั้น ไม่อย่างนั้นเด็กในท้องจะเตะได้
จี้เจี้ยนอวิ๋นคิดว่าคืนนี้เขาจะได้รับสวัสดิการพิเศษ เขาจึงไปแช่เท้า และขณะเดียวกันก็เทน้ำร้อนให้ภรรยาได้แช่เท้าด้วย
ซูตานหงรู้สึกพอใจกับการบริการจากสามีที่ล้างเท้าและเช็ดเท้าให้ จากนั้นเธอก็นอนลงอย่างผ่อนคลายและหลับไปในเวลาไม่นาน
จี้เจี้ยนอวิ๋นที่นำน้ำแช่เท้าไปทิ้งและกลับเข้ามาก็พบว่าภรรยาของเขาหลับไปแล้วโดยที่ไม่รอเขา เขาก็พลันหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
หลังห่มผ้านวมให้ลูกชายที่นอนข้างกันเสร็จ เขาก็ปิดไฟและเข้านอน
วันต่อมาเป็นวันปีใหม่วันแรก ทั้งหมู่บ้านก็พลันคึกคัก คุณแม่จี้ได้มาที่บ้านของเธอตั้งแต่เช้าเพื่อมาเก็บขึ้นฉ่ายไปทำเป็นเกี๊ยวขึ้นฉ่ายกินในเช้าวันนี้
เมื่อซูตานหงกับจี้เจี้ยนอวิ๋นมาถึง เฝิงฟางฟางกับคนอื่น ๆ ก็อยู่ที่นั่นแล้ว เธอจึงมากินเกี๊ยวที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ แต่มันมีแค่เกี๊ยวเท่านั้นและไม่มีอะไรอย่างอื่น แถมท้องของเธอก็กำลังหิวจนส่งเสียงดัง ทำให้ทุกคนยกเว้นจี้อวิ๋นอวิ๋นที่แค่นเสียงหึส่งเสียงหัวเราะออกมา
ในวันปีใหม่เช่นนี้ ซูตานหงก็คร้านเกินกว่าจะสนใจหล่อน สู้ทำให้เป็นปีที่ดีจะดีกว่า
ปีนี้เป็นปีที่ดีอย่างที่เธอหวังไว้ อย่างน้อยเฝิงฟางฟาง จี้มู่ตาน และอวิ๋นลี่ลี่ก็ไม่เปิดฉากทะเลาะกัน
ส่วนจี้อวิ๋นอวิ๋นนั้นก็มีคุณแม่จี้ห้ามปรามอยู่จนไม่อาจก่อคลื่นลมขึ้นมาได้
หลังวันแรกของวันปีใหม่ก็จะเป็นวันที่สองในเทศกาล ซึ่งในวันที่สองของเทศกาลปีใหม่นี้เอง หลังจากที่รับประทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็พาซูตานหงและลูกชายกลับไปเยี่ยมบ้านแม่ยาย
………………………………………………