ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 154 การเป็นหัวหน้าครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่าย
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]
- ตอนที่ 154 การเป็นหัวหน้าครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่าย
ตอนที่ 154 การเป็นหัวหน้าครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่าย
เมื่อก่อนตอนที่เหอเจี่ยยังต้องออกไปทำงาน หล่อนก็แค่กลับบ้านมาทำอาหารเท่านั้น นอกจากนั้นลูก ๆ ก็สามารถจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองได้
กล่าวคือปีนี้ถือว่าดีกว่าแต่ก่อน พวกเขาโตขึ้นมาก เรียกว่าเป็นผู้ใหญ่ครึ่งหนึ่งแล้วก็ว่าได้
“พี่เหอลองปรึกษาสามีของพี่ดูนะคะ เผื่อว่าพี่ใหญ่ก็อยากไปด้วย” ซูตานหงพอใจมากกับการตอบรับของเหอเจี่ย จึงกล่าวถึงประเด็นถัดไป
“ให้เขาไปด้วยเหรอ?” เหอเจี่ยถึงกับชะงัก
“ค่ะ ให้พี่เหออยู่คนเดียวอาจจะไม่ปลอดภัย” ซูตานหงกล่าว
“ไม่ต้อง ๆ พี่ทำเองได้ เธอยังไม่เคยเห็นพี่ตอนทะเลาะกับคนอื่นมาก่อนน่ะสิ แค่ดึงมีดออกมา ผู้ชายที่ไหนจะกล้าสู้กับพี่?” เหอเจี่ยเอ่ยอย่างภาคภูมิ
ซูตานหงยิ้มขบขัน “พี่ลองถามเขาดูเถอะค่ะ ถ้าพี่ใหญ่ยินดีลาออกจากงานในเมือง พี่ทั้งสองจะได้ไปทำงานที่เมืองมหาวิทยาลัยด้วยกัน ได้เงินถึง 60 หยวนต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีเงินช่วยเหลือค่าครองชีพอีก 10 หยวน รวมเป็นเงิน 70 หยวน ถ้าพี่ไปอยู่อาศัยในร้าน เจี้ยนอวิ๋นจะหาร้านที่กว้างขวางขึ้นหน่อย ที่เขากล้าชวนไป เพราะเขาจะไม่มีวันปล่อยให้พวกพี่อยู่อย่างลำบากแน่นอนค่ะ”
เหอเจี่ยตกตะลึงและเข้าใจในทันที แค่ตานหงมาช่วยเธอก็พอใจมากแล้ว จึงรีบคัดค้าน “ถ้าจ้างเราสองคนผัวเมีย เงินเดือนแค่ 40 หยวนก็พอแล้วจ้ะ ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าจ้างแพงขนาดนั้น ปกติสามีของพี่ทำงานในเมืองได้เงินเดือนแค่ 23 หยวน ตอนที่พี่ทำงานห้างสรรพสินค้าก็ได้เงินไม่มากนัก แค่ 40 หยวนก็พอแล้ว”
แม้ว่าจะเป็นเงินเพียง 40 หยวน แต่จากค่าครองชีพในปัจจุบัน รายได้ 40 หยวนต่อเดือนสามารถนำไปสู่ชีวิตที่ดีได้ หากรู้จักอดออมก็จะยิ่งมีเงินเก็บมากขึ้น!
“ที่ฉันกล้าให้เพราะฉันเองก็มีเหตุผล งานที่นั่นค่อนข้างยุ่งมาก พี่อย่าแบกภาระหนักไว้เองเลยค่ะ” ซูตานหงพูดด้วยรอยยิ้ม
“เป็นไปไม่ได้แน่นอน ตานหงเธอสบายใจได้เลย เมื่อถึงตอนนั้นพี่จะทำบัญชีให้ชัดเจน เรื่องนี้จะปล่อยให้คลุมเครือไม่ได้ เธอไม่ต้องห่วงพี่เรื่องนี้!” เหอเจี่ยกล่าวขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านี้หล่อนเคยทำบัญชีของห้างสรรพสินค้า จึงสามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าขายอะไรไปเท่าไร ซื้อสินค้าเข้ามากี่ชิ้น และรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ เมื่อทำการตรวจนับสินค้าคงคลังจึงรู้ได้โดยปริยาย ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบให้เหน็ดเหนื่อยมากในภายหลัง
หล่อนเคยได้รับค่าจ้างเพียงเล็กน้อยจากห้างสรรพสินค้า แต่คราวนี้ทั้งสองสามีภรรยาทำงานด้วยกันได้เงินถึง 70 หยวน อีกเพียงแค่นิดเดียวก็จะ 100 หยวนแล้ว นับว่าเป็นเงินเดือนสูงสุดเลยก็ว่าได้ ดังนั้นหล่อนจึงต้องทำบัญชีให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
หล่อนรู้ดีว่าด้านอื่น ๆ อาจจะคลุมเครือได้ แต่สำหรับเรื่องนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด แม้จะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่ธุรกิจคือธุรกิจ สิ่งที่ควรคำนวนให้ชัดเจนก็ต้องคำนวนให้ชัดเจน!
เรื่องแบบนี้ต้องพูดให้เข้าใจตรงกันถึงจะดีต่อทั้งสองฝ่าย
ซูตานหงยิ้มและกล่าวขึ้น “ที่ฉันกล้าชวนพี่เพราะนับถือพี่เหมือนเป็นพี่สาวแท้ ๆ ยังไงฉันก็เชื่อใจพี่ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันคงทำลายความไว้วางใจของเธอไม่ได้ เธอไม่ต้องกังวล ไปเถอะ ฉันกับสามีจะตั้งใจทำงานอย่างดีเพื่อเธอกับเจี้ยนอวิ๋น!” เหอเจี่ยพูด
ซูตานหงนั่งคุยกับหล่อนต่ออีกครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพาฉีฉีกลับบ้าน
เหอเจี่ยลงมือทำความสะอาดบ้าน ก่อนจะปิดประตูแล้วออกไปหาแม่สามีของหล่อนเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เชื่อถือได้เหรอ?” แม่สามีหล่อนเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
“คุณแม่คะ ทำไมจะไม่น่าเชื่อถือล่ะ ร้านซูจิ้นตั๋งทางถนนฝั่งตะวันตกที่แม่ไปซื้อผักทุกวัน ตานหงเป็นน้องสาวของเขาเองค่ะ ไข่และไก่ที่ขายในร้านก็เอามาจากฟาร์มของตานหงทั้งนั้นเลยนะคะ” เหอเจี่ยรีบอธิบาย
“ที่แท้เป็นน้องสาวของซูจิ้นตั๋งนี่เอง เขากับภรรยาเป็นคนที่ไว้ใจได้ทีเดียว พอเห็นว่าฉันแก่แล้ว ทุกครั้งที่ไปซื้อของ พวกเขามักจะแถมมะเขือเทศกับหัวหอมให้ทีละสองสามหัว คราวก่อนฉันไปซื้อไข่ พวกเขาก็หยิบแต่ไข่แฝดให้ฉันหมดเลย” แม่สามีของหล่อนชื่นชมไม่ขาดปาก
“คุณแม่คะ งานนี้เชื่อถือได้แน่ ๆ ฉันตั้งใจจะพาต้าซานไปทำงานที่เมืองมหาวิทยาลัยด้วย ตอนนั้นคงต้องรบกวนพ่อกับแม่ช่วยดูแลเจ้าตัวเล็กทั้งสาม เมื่อถึงวันหยุดภาคฤดูร้อน ฉันถึงจะมารับพวกเขาไปอยู่ด้วยในเมืองมหาวิทยาลัยค่ะ” เหอเจี่ยบอกกล่าวแก่แม่สามี
“เรื่องนี้สบายใจได้ แต่เธอต้องส่งเงินกลับมาด้วยนะ” แม่สามีเห็นด้วยกับหล่อน
“ฉันจะส่งเงินมาให้เดือนละ 30 หยวนค่ะ!” เหอเจี่ยบอก
“ไม่มีปัญหา ฉันกับตาเฒ่ามีต้าซานเป็นลูกชายเพียงคนเดียว หลานแค่สามคน เราไม่มีทางปฏิบัติกับพวกเขาอย่างเลวร้ายแน่นอน” แม่สามีของหล่อนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
สองผู้เฒ่าต่างใช้ร่างกายทำงานอย่างหนักมาตั้งแต่เด็ก จึงให้กำเนิดลูกชายเพียงคนเดียวในตอนอายุ 30 ปี
โชคดีที่ลูกสะใภ้ขยันขันแข็งและได้ให้กำเนิดหลานชาย 2 คนและหลานสาวอีก 1 คน ในตอนนี้ลูกชายและลูกสะใภ้ต้องออกไปหาเงิน พวกเขาย่อมให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นหากถึงคราวแก่ตัวลงใครจะเป็นคนเลี้ยงดูสองผู้เฒ่าในอนาคต?
ผู้อาวุโสต้องคอยช่วยเหลือคนหนุ่มสาว เพื่อจะได้มีบั้นปลายชีวิตที่ดี
เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม ซุนต้าซาน สามีของเหอเจี่ยก็ขี่จักรยานกลับมาถึงที่บ้าน เขาเหนื่อยล้ามาทั้งวันจนแทบไร้เรี่ยวแรง
เมื่อเหอเจี่ยยื่นน้ำดื่ม พร้อมกับผ้าเช็ดหน้าให้ ซุนต้าซานจึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น
“ต้าซาน ฉันมีเรื่องจะบอกคุณค่ะ” เหอเจี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
ซุนต้าซานมองภรรยาด้วยความสงสัย “ผมเห็นคนคุณยิ้มตั้งแต่เดินเข้ามา มีเรื่องอะไรดี ๆ เหรอ?”
เหอเจี่ยยิ้มและบอกถึงสิ่งที่ตนได้พูดคุยกับซูตานหงในวันนี้ เมื่อได้ฟังซุนต้าซานถึงกับตกตะลึง “จริงเหรอ? ให้เงินพวกเราเดือนละ 70 หยวน?”
“จะไม่จริงได้ยังไงคะ ตานหงเป็นคนเอ่ยปากเอง ต้าซาน คุณไปลาออกจากงานเถอะค่ะ แล้วไปใช้ชีวิตที่เมืองมหาวิทยาลัยด้วยกัน ถ้าอนาคตมั่นคงแล้ว เราค่อยพาเด็ก ๆ ไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่น ถึงยังไงการศึกษาที่นั่นย่อมดีกว่าที่บ้านเรามาก”
“อย่าเพิ่งคิดไปไกล ร้านในเมืองมหาวิทยาลัยของเขายังไม่เปิดขาย ยังไงผมก็ยังต้องไปทำงานของผมอยู่” ซุนต้าซานส่ายศีรษะ
ตอนนี้ทั้งครอบครัวล้วนพึ่งพางานของเขา จะให้เขากล้าลาออกจากงานง่าย ๆ ได้อย่างไร? เว้นแต่ร้านในเมืองมหาวิทยาลัยจะเสร็จแล้วจริง ๆ เขาถึงจะไม่ลังเลใจ เพราะฉะนั้นจึงยังลาออกจากงานในตอนนี้ไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นทำงานนี้ไปก่อน ค่อยลาออกทีหลังก็ยังไม่สาย” เหอเจี่ยพูด “แต่ว่าคุณตกลงจะทำใช่ไหมคะ?”
“ถ้าเป็นจริง ผมควรทำไหม? ผมเคยได้เงินเดือนแค่ 23 หยวน เกรงว่างานนี้จะไม่ใช่งานง่าย” ซุนต้าซานกล่าวอย่างลังเล ไม่อย่างนั้นจะให้เงินเดือนมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
“แค่คอยดูแลร้านค้าจะยากอะไร ไม่ได้ขอให้คุณไปลักขโมยของสักหน่อย งานในโรงงานของคุณก็ทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอคะ?” เหอเจี่ยเริ่มใส่อารมณ์
“ก็เหมือนกัน” ซุนต้าซานพยักหน้า
ขณะนั้นสายตาของเขาพลันเหลือบไปเห็นสตรอเบอรี่ที่อยู่บนโต๊ะ “ไปเอาสตรอเบอนี่มาจากไหน? ตอนนี้ราคาไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะ” เขาค่อนข้างกังวลเรื่องการใช้เงิน เนื่องจากเศรษฐกิจของครอบครัวไม่ได้อยู่ในสภาพคล่องเหมือนแต่ก่อน
“ไม่ได้ซื้อมาค่ะ ตานหงเอามาให้” เหอเจี่ยบอกสามี
“ให้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ? น่าจะมากกว่า 2 ชั่งใช่ไหม?” ซุนต้าซานหยิบขึ้นมากินหนึ่งลูกแล้วพยักหน้า รสชาติของสตรอเบอรี่หอมหวานอร่อยมาก
“เกือบ 4 ชั่งแน่ะ ฉันแบ่งไปให้คุณพ่อคุณแม่แล้ว 1 ชั่ง ส่วนลูกชายกับลูกสาวของคุณกินไปเยอะแล้ว” เหอเจี่ยพูด
“ถ้าเป็นจริงอย่างที่คุณพูด ผมจะลาออกจากงาน เหนื่อยขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพื่อครอบครัวของเรา ผมก็ไม่อยากทำเลย” ซุนต้าซานทิ้งตัวลงนั่งพร้อมกับบ่นออกมา
เหอเจี่ยรู้ดีว่าการเป็นหัวหน้าครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หล่อนพยักหน้ารับรู้โดยไม่พูดอะไร ได้แต่หวังว่างานที่ตานหงพูดจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี งานดูแลร้านขายของจะเหนื่อยสักแค่ไหนกัน? ถึงอย่างไรก็คงไม่เลวร้ายไปกว่าตอนนี้หรอก
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
งานดีขนาดนี้ก็รับไว้เถอะค่ะ หายากนะเงินเดือนเจ็ดสิบหยวนในยุคนั้น
ไหหม่า(海馬)